วันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีนั้น เรากลับมาจากโรงเรียน
เห็นกิ่งไผ่ผอมๆ (แห้งๆ) ปักอยู่ข้างหน้าต่างห้องนั่งเล่น
กระดาษสีชมพูมีลายมือเด็กเขียนว่า 「キティちゃんになりますように」 (ขอให้ได้เป็นคิตตี้)
ตั้งแต่นั้นมา ทานาบาตะสำหรับเราก็คือเรื่องราวนี้
แล้วก็ไม่เคยคิดออกอีกเลยว่าอยากจะเขียนอะไรลงไปบนกระดาษแนวยาวหลากสีนั้นอีก
ถ้าจะเขียน... ก็อยากให้มันบริสุทธิ์อย่างนั้น
คนเราจะสามารถปรารถนาโดยไม่หวังให้มันเป็นจริงได้ไหม
ถ้ารู้ทั้งรู้ว่าเป็นจริงไปไม่ได้ แรงปรารถนาจะลดลงไปกี่มากน้อยหรือเปล่า
ต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งแค่ไหน ถึงจะฝันถึงสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริงได้
หรือแค่... ไร้เดียงสา ก็พอแล้ว
คนเรามีฝันเพราะรู้ว่าสักวันมันจะเป็นจริง
หรือยังฝันเพราะรู้ว่ามันไม่มีวันจะเป็นจริง
เด็กน้อยอาจจะเชื่อจริงๆ ว่าสักวันหนึ่ง หนูจะโตขึ้นเป็นคิตตี้
หากใครสักคนถามว่า ทำไมเราถึงไม่เขียนคำอธิษฐานต่อดวงดาว แล้วติดไว้กับต้นไผ่
เราอาจสารภาพตามตรงว่า เรารู้สึกเหมือนเราทิ้งความฝันไปแล้ว...
ความฝันแบบเดียวกับที่เด็กคนนั้นบอกว่าอยากจะเป็นคิตตี้
ไม่มีฝันมากพอจะเขียน
หรือ... อาจจะไม่อยากเขียนให้มันกลายเป็นแค่ความฝัน
ถ้าปรารถนาอะไร ก็อยากทำให้มันเป็นจริงได้ โดยไม่ต้องอ้อนวอนขอ
นั่นคงเป็นเหตุผลที่เราไม่เขียนคำอธิษฐานบนต้นไผ่
อย่างน้อย... ก็ตอนนี้
สักวัน เมื่อเราฝันอยากเป็นคิตตี้
เราอาจจะลองเขียนดูบ้างก็ได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in