เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
to be continue |つづくployapha.j
ทำท่าวิ่งเข้าเส้นชัยหน้าป้ายกูลิโกะ | Osaka









  • เราลากกระเป๋าเดินทางแกร๊กๆๆไปยัง Drop Inn Osaka โฮสเทลราคาถูกและดีงามตามมาตรฐานญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Osaka ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของเรานับตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป







    ถึงแล้วจ้า 10 นาทีจากสถานีโอซก้าเท่าน้้น



















    นี่คือห้องพักของเรา เป็นห้องคู่สองฟูก
    จริงๆที่นี่มีบริการห้องพักแบบ Dorm room ทั้งแบบห้องรวมและแยกห้องหญิงล้วนเหมือนกัน
    ราคาถูกกว่า สะอาด และมีผ้าม่านกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว (ไปชะโงกหน้าดูห้องเขามา)

    แต่เราเลือกห้องแบบนี้เพราะเกรงใจและสงสารเพื่อนร่วมห้อง
    เนื่องจากคนที่มาด้วยนั้นกรนประหนึ่งตัวเองเป็นโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ฮือออออ


    ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมที่สะอาดสะอ้านอยู่ตลอดเวลา
    น้ำอุ๊นอุ่น ไหลแรง อาบสนุกมาก












    Drop Inn มีอีกสาขานึงอยู่ที่ Tottori
    ใครมีแพลนจะไปก็สามารถแวะเวียนไปใช้บริการได้นะจ๊ะ


















    Common Area กว้างขวางประหนึ่งเป็น Co-working space ชิคๆ
    มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตู้กดน้ำร้อน ตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ
    เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ตู้เย็น จานชาม เตาอบ
    และมีมุมเล็กๆที่ขายขนมและของใช้จำเป็นด้วย















    มุมนี้เป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิต ยูคาตะนั้นเราสามารถเอามาใส่ถ่ายรูปได้นะจ๊ะ





    สรุปแล้วถ้าใครอยากหาที่พักใกล้ๆสถานีโอซาก้า ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำเลย
    (นี่ไม่ได้ส่วนลดค่าที่พักอะไรนะ ฮา)




















  • หลังจากเราเก็บกระเป๋า ต่อไวไฟ นอนเหยียดยืนแข้งขากันแล้วก็ได้เวลาออกไปตามหาของกิน (อีกแล้ว กินอีกแล้วหรอออออ) เราเลยเดินกลับไปที่สถานีโอซาก้ากันใหม่เพื่อไปกินร้านซูชิหมุนที่เรามากินทุกรอบเวลาทำไฟล์ทมาที่นี่








    พิกัดคืออยู่ใต้สถานี ใกล้ๆดองกี้และสตาร์บัค
    หยิบเลย อร่อยทุกอย่าง!









    กินกันแบบหอมปากหอมคอ พอที่จะมีแรงเดินกันแล้ว (คนละสิบจาน... 20 ชิ้น...) เราก็เคลื่อนมวลสารอันหนักอึ้งของตัวเองไปแถวๆย่าน Umeda เพราะจะไปตามหาร้าน Mic21 ซึ่งเป็นร้านขายอุปกรณ์ดำน้ำนั่นเอง เฮ!








































    ของกินอีกแล้วโว้ยยยยย หยุดก่อน พอก่อน หักห้ามใจไว้ อย่าเพิ่งเข้าไปปปปปป









    อ้อออออ สำหรับใครที่อยากจะลิ้มลอง Ichiran Ramen ราเมงข้อสอบออริจินอลจากแดนอาทิตย์อุทัยแล้วไม่อยากไปต่อแถวรอกินที่สาขาโดทงบุรินั้น อูเมดะคือทางสว่างของท่านค่ะ คนไม่มีเล้ย เงียบมาก ไม่มีคิว ไม่มีคน โล่งงงงงงงงงงงงง เราเองก็อยากกินเหมือนกันแต่ตอนนั้นอิ่ม เลยไปต่อสู้ฟาดฟันกับสาขาโดทงบุริต่อไป (ซึ่งเราไปสาขาสองเพราะคนน้อยกว่า อิอิ)






    จนสุดท้ายก็เจอร้าน Mic21 ซึ่งเป็นวันเดอร์แลนด์ของดิฉันเองฮ้าาาาา ซื้อนี่นั่นนู่นโน่นด้วยความสุขใจ กำเงินมาเพื่อสิ่งเน้ และจากนั้นเราก็สานฝันคุณพ่อบ้านด้วยการตามหาร้านของแต่งมอเตอร์ไซต์แต่ก็ไม่เจอเพราะร้านส่วนใหญ่อยู่แถบโตเกียวกันหมด เลยไปเดินเล่นแถวๆย่าน อเมริกันมุระ (Amiracan Mura) หรือเรียกสั้นๆว่า อะเมะมุระ ก็ได้


















    ซึ่งย่านนี้เป็นเหมือนแหล่งรวมวัยรุ่นในโอซาก้า มีร้านรวงที่ตกแต่งสไตล์สตรีทมากมาย ทั้งแฟชั่น เสื้อผ้า ก็จะเป็นสไตล์อเมริกัน รวมไปถึงผู้คนที่เดินในย่านนี้จะแต่งตัวเท่ๆคูลๆเดินขวักไขว่ไปมามากมาย










    เสื้อผ้าผู้ชายก็เป็นเสื้อผ้าสไตล์ที่เขาใส่ล่ะ มีความโย่ว ว้อทซับแมนมากๆ
    รองเท้าก็ดี ยีนส์ก็น่าสนใจ

















    เสื้อผ้าช่วงนี้เป็นเสื้อผ้าหน้าหนาวที่เอามาใช่ไม่ค่อยจะได้ในเมืองไทย
    ก็เดินดูผ่านๆและจากไป








    จากนั้นเราก็ข้ามไปที่ ชินไชบาชิ (Shisaibashi) ย่านช้อปปิ้งที่อยู่ไม่ไกลจากกันนัก ก่อนที่จะเดินมาจนถึง โดทงบุริ (Dotonburi) ย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่บึ้มใจกลางโอซาก้า เราจะมาตามหาของอร่อยที่นี่กัน!











    และเหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของนักท่องเที่ยวที่จะมาถ่ายรูปคู่กับป้ายกูลิโกะนี่



    หากหน้าหอเอนปิซ่าเป็นสถานที่ที่มนุษย์มาวาดแขนรำไทเก็กกันมากที่สุด
    และหน้ารูปปั้นพระเยซูที่ริโอ เดอ จานีโรจะเป็นสถานที่ที่ทุกคนพร้อมใจยืนกางแขนสู้แดด


    หน้าป้ายกูลิโกะแห่งนี้...
    ก็เป็นสถานที่ที่คนจะยืนทำท่าเข้าเส้นชัยโดยพร้อมเพรียงกันมากที่สุดในโลก


















  • โดทงบุรินั้นครึกครื้นไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ ทุกร้านเต็ม แน่นไปด้วยมวลมนุษย์มหาศาล ละลานตาไปด้วยป้ายต่างๆและแสงสีรอบทิศทาง

























































































    เราชักเริ่มหิวๆเลยเดินไปที่ร้าน Ichiran Ramen ราเมงข้อสอบ สาขาสองที่ไม่มีคิวเลย ดี๊ดี เข้าไปปุ๊บ กดตู้ ติ๊กว่าจะเอาอะไรและโซ้ยได้เล้ยยย เย้ (ส่วนสาขาหนึ่งตรงริมน้ำนั้น คิวยาวมากกกกกกกกกกก)








    งดงามมมมมมมม สมกับความคิดถึง ฮิฮิ











    จากนั้นเราก็เดินเล่นรอบๆ และด้วยความเป็นทีมคนไม่ช้อปปิ้งก็เลี้ยวเข้าไปในเกมเซนเตอร์จ้าาา เสียเงินเสียทองให้กับตู้กดตุ๊กตาและเกมต่างๆมากมาย ต่อสู้ยิงซอมบี้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าซารารี่มัง








    แทงม้าก็มาเว้ยแก
    อนึ่ง...การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย(ในไทย)นะจ๊ะ











    หลังจากหยอดตู้เกมจนหน้ามืดตามัว รู้สึกว่าเอ๊ะ เหรียญร้อยเยนของเราหายไปไหนหมดนะก็เริ่มมีสติขึ้นมา พากันออกมาเดินเล่นข้างนอกบ้างดีกว่า (แต่แล้วก็เลี้ยวกลับเข้าไปในเกมเซนเตอร์อีกที่นึงอยู่ดี โธ่..)












    อ้ออออ และอย่าหวังว่าจะได้เข้าไปในร้านดองกี้หรือมัตสึโมโต้ที่นี่เพราะคนแน่นมาก แน่นประหนึ่งเป็นปลาซาดีนในน้ำมะเขือเทศ เราไม่สู้ เราไปเข้าสาขาอื่นก็ได้อ้ะ











    ร้านนี้ได้ข่าวคราวมาว่าอร่อยมาก ถ่ายรูปไว้ก่อนกันลืม
    ถ้าไม่อยากต่อคิว โปรดไปที่อูเมดะค่าาาาาาาา
















    ถ่ายรูปไว้ เผื่อมากินอีกคราวหน้าหน้าหน้า


















    เนื้อโกเบก็มาาาาาาาาาาาา


















    หน้าร้านดองกี้นั่นคือเหล่าพ่อบ้านใจกล้าทั้งนั้นเลยนะฮะ





























    สุดท้ายเราก็ไปซื้อทาโกะยากิมากินเล่นเพราะพื้นที่ในกระเพาะอาหารเริ่มเหลือเพราะทุกอย่างที่กินไปก่อนหน้าเริ่มย่อย





    คนที่มาด้วยบอกว่าหนึ่งในดวงใจก็ยังเป็นทาโกะยากิแถวๆอาราชิยาม่าอยู่ดีนั่นแหละฮะ









    เรากลับมาถึงที่พักด้วยความเหนื่อยอ่อน คุยกันนิดหน่อยว่าเราอยากเปลี่ยนโปรแกรมเที่ยวในวันพรุ่งนี้ จากเดิมทีเราอยากจะพักผ่อนต่อนยอนไปเรื่อยๆในโอซาก้า กินวนไปเรื่อยๆ cafe hopping อยู่ในย่าน Nagazakicho ที่มีคาเฟ่น่ารักๆเต็มไปหมด และไปตะลุยแดนของเล่นเอาใจเขาที่ Denden Town


    ถ้าเปลี่ยนไปที่นี้ๆ เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้เขาจะว่ายังไงบ้าง จะโอเคมั๊ยนะ
    เขาก็ตอบตกลง โอเค๊ เปลี่ยนแผนโลดดดดดดดดด



    เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้เราจะไปที่ไหน....






    つづく
    โปรดติดตามต่อต่อไป










Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in