เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Miscellanybbunnyybunnn
The Queen's Gambit: When a Girl 'Checkmates' เมื่อผู้หญิง 'รุกฆาต'
    • คำเตือน : บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรี่ส์หลายส่วน เหมาะกับผู้อ่านที่ได้ชมซีรี่ส์มาก่อนแล้ว  และ *บทความนี้กล่าวถึงแอลกอฮอล์ ยาเสพติดและการสูญเสียครอบครัว รวมทั้งมีภาพประกอบ ไม่แนะนำสำหรับผู้อ่านที่ผ่านประสบการณ์สะเทือนใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว


    "ฉันว่าพอไม่มีลูกกระเดือกมาเป็นภาระน่ะ หมากรุกเล่นง่ายขึ้นเยอะ" 

    (I would say it is much easier to play chess without the burden of an adam's apple) — Elizabeth Harmon

    Pic : https://www.moviemania.io/wallpaper/pt1vp7c609-the-queens-gambit

    The Queen's Gambit มินิซีรีส์อเมริกันที่ฉายผ่านแพล็ตฟอร์มสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และแม้จะใช้เวลาสั้น ๆ เพียงสองเดือน แต่มินิซีรีส์เรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายและยังได้รางวัล Best Drama TV Series ของปี 2020 จาก IGN Awards นอกจากนี้ยังได้คะแนน IMDb ถึง 8.7 พร้อมด้วยเสียงชื่นชมจากแฟน ๆ อีกเพียบไม่ว่าจะเป็นเรื่องพล็อตหรือการแสดงไร้ที่ติของ นักแสดงนำอย่าง Anya Taylor-Joy

             Pic : https://www.reddit.com/r/Anya_TaylorJoy/comments/jplxsi/behind_the_scenes_with_queens_gambit/
    จากไลน์เรื่องหลักที่มุ่งเน้นประเด็นเรื่องความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของนักหมากรุก 'หญิง' ในช่วงกลางทศวรรษ 1950 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าซีรี่ส์เรื่องนี้ทำได้ดีในการสะท้อนสังคมแบบ male-dominated ที่บทบาทของเพศหญิงนั้นยังถูกผูกติดอยู่กับงานในบ้าน งานอดิเรกของเด็กผู้หญิงคงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากเล่นตุ๊กตา โตขึ้นมาหน่อยพวกเธอก็ถูกคาดหวังให้เข้าสังคมหรือเต้นรำ ภาพผู้หญิงกับกระดานหมากรุกจึงช่างเป็นทัศนะที่ไม่คุ้นเคยหรืออาจจะเรียกได้ว่า 'ประหลาด' สำหรับคนสมัยนั้นเลยด้วยซ้ำ

    บทความนี้ตั้งใจจะใช้โควทจากตัวละครในเรื่องทั้ง 12 โควทในการสะท้อนภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ 'รุกฆาต' ในสมัย 1950s ทั้งในแง่ของการรุกให้จนแต้ม (checkmate) ในเกมหมากรุก และแง่ของการพิชิต (conquer) เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจเหนือกว่าท่ามกลางสังคมที่พวกเธอถูกกดขี่ในแทบทุกด้าน


    "After grief brings you low, faith will lift you high, High enough for you to see a new path for yourself." —Ms. Deardorff

    เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ Ms. Deardorff จะใช้คำว่า High ในความหมายแง่ของความสูงส่งทางจิตใจเพื่อปลอบเบธหลังจากต้องสูญเสียแม่ไป แต่ทว่าระหว่างที่เรื่องดำเนินไปแล้ว เราย่อมตระหนักได้แน่ว่าความหมายอีกแง่ของคำนี้ที่ช่างเข้ากับเส้นทางชีวิตของเบธเสียเหลือเกินนั่นคือ "เมายา"

    ยาที่ว่าคือยาเม็ดกล่อมประสาทที่ชื่อว่า Xanzolam เริ่มจากปริมาณคืนละเม็ด เป็นสอง สาม รู้ตัวอีกทีเธอก็ขาดมันไม่ได้เสียแล้ว

                             Pic : https://www.marieclaire.com/culture/amp34496439/the-queens-gambit-green-pills/
    อย่างไรเสีย ความหมายของ "High" ในแง่นี้ก็กลับช่วยส่องสว่างให้เบธประจักษ์เส้นทางใหม่เหมือนอย่างที่ Ms.Deardorff พูดไว้จริง ๆ ยาช่วยให้เบธจินตนาการบอร์ดหมากรุกในหัวบนเพดานหอทุกค่ำคืน เอฟเฟกต์ยาทำให้เธอได้ฝึกฝนวิธีการเล่นแบบต่าง ๆ ได้อย่างชำนาญแม้จะไม่มีบอร์ดเป็นของตัวเอง ทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เธอแสดงศักยภาพด้านหมากรุกออกมาได้เต็มที่ 

    แม้ตอนท้ายซีรี่ส์จะแสดงให้เราเห็นว่าเบธไม่จำเป็นต้องพึ่งยาหรือแอลกอฮอล์ใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า Xanzolam เปรียบดั่งชนวนชั้นดีที่โหมเปลวเพลิงด้านหมากรุกในตัวของเบธให้โชกโชน จากเด็กสาวธรรมดาที่สูญเสียแม่ เบธกลายเป็นนักเล่นหมากรุกที่ประสบความสำเร็จระดับโลก

    .

    ส่องทางให้เธอไปเจอกับ "เส้นทางใหม่" ที่ว่าโดยแท้จริง

                              Pic : https://www.marieclaire.com/culture/amp34496439/the-queens-gambit-green-pills/

    "Girls do not play chess"—Mr. Sheibal

    อุปสรรคของหมากรุกด่านแรกของเบธไม่ใช่ความยากของมันด้วยซ้ำแต่กลับเป็น เพศกำเนิด ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยแม้แต่น้อย เธอถูกกีดกันเพียงแค่เพราะสังคมบอกเธอว่า "ผู้หญิงไม่เล่นหมากรุกหรอกนะ"

    อันที่จริงแล้ว เรามักจะเห็นฉากหรือบทสนทนาที่ด้อยค่าเพศหญิงอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในหนังหรือซีรี่ส์ที่มี setting ในสมัยทศวรรษ 1950s 1960s (จนปัจจุบันก็ยังไม่ถึงกับหายไปจนเกลี้ยง) ไม่ว่าจะในรูปแบบ demeaning (ลดค่า) หรือ dismissal (มองข้าม)  ไม่เพียงแค่บางอาชีพที่รับเฉพาะผู้ชาย งานอดิเรกบางงานก็ยังถูกสงวนไว้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือ หมากรุก 

    ศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า สังคมก็ยังดึงดันจะเป็นผู้ตัดสินเสมอว่าผู้หญิงควรหรือไม่ควรจะทำอะไร
     
    Pic : https://www.indiewire.com/2020/10/queens-gambit-review-netflix-anya-taylor-joy-chess-1234594891/

    แม้แต่ตอนที่เบธแข่งทัวร์นาเม้นแรกเพื่อหารายได้เสริม Mrs. Wheatley ก็เดาไปก่อนแล้วว่าเด็กผู้หญิงวัยอย่างเธอคงจะชอบแต่งตัว เธอคงจะแข่งเอาเงินไปซื้อเสื้อใหม่ แต่ Mrs. Wheatley ก็ต้องประหลาดใจกับคำตอบของเบธที่ว่าเธอจะเอาไปซื้อ "กระดานหมากรุก"

    (Note : หลังได้เงินมาซื้อกระดานหมากรุกแบบที่ตั้งใจ เบธก็ไม่วายหันไปคว้าชุดสวยมาด้วยอีกตัว ราวกับ Queen's Gambit จะบอกเราว่า 'ผู้หญิงแต่งตัวดีไม่จำเป็นต้องสนใจแค่เรื่องการแต่งตัว ในทางกลับกัน ผู้หญิงที่เรียนดีทำงานเก่งไม่ได้หมายความว่าเธอไม่สนใจเรื่องอื่นเลย'

    .

    พวกเธอไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างสมองดีหรือรูปดี Because why choose? When women can have them all)        

                    Pic : https://www.cosmopolitan.com/uk/fashion/style/g34687342/the-queens-gambit-fashion/


    "Mind your manners"

    หากจะมีคำสอนอะไรที่เด็กผู้หญิงหน่ายที่จะฟังมากที่สุด ก็คงเป็นคำสอนที่ว่า "ทำตัวให้เรียบร้อยหน่อย"

    "Mind your manners" ปรากฏอยู่หลายครั้งในซีรี่ส์ โรงเรียนมักจะพร่ำสอนเด็ก ๆ เช่นนี้ ทั้งเอาหนังให้ดู ทั้งสอนในห้อง หากมีผู้ปกครองมารับเด็กไปเลี้ยง Ms. Deardorff ก็จะบอกพวกเธอว่าให้ทำตัว เรียบร้อย น่ารักเข้าไว้พร้อมสวมคาดผมน้อย ๆ บนหัวพวกเธอ

          Pic : https://poptimesuk.com/anya-taylor-joy-is-a-troubled-and-boozy-chess-master-in-netflixs-the-queens-gambit-trailer/254229/

    แต่ทำไมผู้หญิงจึงถูกคาดหวังให้มีมารยาทที่ดี ทำตามคำสั่ง ทำไมพวกเธอต้องไม่กระโตกกระเตก ทำไมพวกเธอจะต้องสงบปากสงบคำราวกับจะฝึกเธอให้เป็นคนรับใช้ในบ้านที่ภักดี 

    ในทางกลับกันทำไมเด็กผู้ชายถึงไม่ได้รับคำติเตียนเช่นนี้เท่าไรนัก—เป็นเพราะว่าเพศหญิงคือเพศที่สังคมคาดหวังให้ เงียบ เรียบร้อย พูดน้อย เพื่อที่จะไม่ต้องมีปากมีเสียงกับเพศชายหรือเปล่า คุณสมบัติแบบ "ห่าม ๆ" หลายครั้งเมื่อนำไปบรรยายผู้ชายแล้วกลับเป็นคุณสมบัติที่หลายคนชื่นชอบ บางคนเรียกมันว่า "แบ้ดบอย" แต่หากเป็นผู้หญิง เธอกลับถูกขนานนามว่า "ไม่เป็นกุลสตรี"

    .

    ไม่น่าเชื่อว่าการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมเช่นนี้ยังมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งแม้จะเป็นสมัยปัจจุบันแล้วก็ตาม


    "We don't have a women's section"— Matt & Mike

    หลายการแข่งขันสมัยก่อนมักจะเปิดเซกชั่นสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ มองผิวเผินอาจจะเหมือนการให้สิทธิพิเศษกับผู้หญิง แต่แท้จริงแล้วแฝงแนวคิดที่ดูถูกความสามารถของผู้หญิงและความเชื่อที่ว่าผู้ชายมีศักยภาพเหนือกว่า จนกระทั่งว่าผู้หญิงไม่อาจเอาชนะได้  

    (Note: เช่นเดียวกับที่ปัจจุบันบางรางวัลยังตั้งชื่อว่า the best actress of the year ทำไมนะ ทำไมถึงนับพวกเธอรวมกับ actor ไม่ได้ล่ะ)            

    ทัวร์นาเม้นแรกที่เบธเข้าแข่ง Matt และ Mike มีท่าทีประหลาดใจมากที่เธอเข้าร่วมแข่งโดยไม่มี rank ซึ่งหมายความว่าเธอไม่เคยเข้าแข่งที่ไหนมาก่อน แถมเบธยังดึงดันอยากแข่งสนามที่มีแต่มืออาชีพ ไม่รู้ว่าเพราะความหมั่นไส้หรือรำคาญหรืออะไร พวกเขาตอกเธอกลับไปว่า "ที่นี่ไม่มีเซกชั่นผู้หญิงให้เธอแข่งหรอกนะ"

                  Pic : https://www.elitedaily.com/p/who-is-townes-in-the-queens-gambit-jacob-fortune-lloyds-character-is-     intriguing-40319690

    การกล่าวว่า "ไม่มีเซกชั่นผู้หญิงให้เธอแข่งหรอกนะ" มีนัยยะแฝงที่ดูถูกความสามารถของเพศหญิงอยู่มาก พวกเขาบอกให้เบธไปลงเซกชั่นผู้หญิงเพราะเธอดูเหมือนจะเล่นไม่เก่ง ในสายตาของพวกเขา เช่นเดียวกันกับสายตาของสังคมที่มองมา ผู้หญิงที่มาแข่งหมากรุกมักจะมีความสามารถน้อยกว่า ไม่น่าจะสู้กับผู้ชายได้ 

    และแม้เบธจะยังไม่ได้มีโอกาสแสดงความสามารถตัวเอง พวกเขาชิงขู่เธอว่า "Three guys" ซึ่งเป็นตัวพ่อหมากรุกจะ "eat you alive" ราวกับว่าแค่เพราะเธอเป็นผู้หญิง ความสามารถของเธอจะต้องห่างชั้นกับผู้ชายคนอื่นแบบไม่เห็นฝุ่นแน่นอน ถึงแม้สุดท้ายเบธจะได้แข่งในเซกชั่นปกติ เธอกลับถูกจับคู่กับ Annette Packer ผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่ดีจากมายเซ็ทที่ว่าควรให้คนระดับเดียวกันมาแข่งกัน 

    .

    ต่างอะไรกับการบอกว่า "คุณทั้งสองคนเป็นผู้หญิงหรอ ก็มาแข่งกันสิ ความสามารถน่าจะด้อยพอ ๆ กัน"


    "Beat him, will you?"—Annette Packer

    ท่ามกลางสังคมที่ผู้ชายรวมกลุ่มกันขึ้นมามีอำนาจในการกดขี่เพศหญิงซึ่งนำไปสู่ความไม่เท่าเทียมอื่นในสังคม สายสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงเองก็แน่นแฟ้นไม่แพ้กัน

                                                             Pic : https://www.youtube.com/watch?v=nh04O28SQwM

    การที่ผู้หญิงมีความรู้สึกร่วมจากประสบการณ์ถูกกดขี่เหมือนกันนั้นทำให้เกิดเป็นความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน (solidarity) เทียบเคียงได้กับกลุ่มชายขอบอื่น ๆ อย่างกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQI+) หรือกลุ่มแรงงานข้ามชาติ (immigrants) ที่ใช้ความเจ็บปวดทางสังคมที่มีร่วมกันรวมกลุ่มเพื่อประท้วงหรือเรียกร้องสิทธิให้กับกลุ่มตน

    ถึงแม้ทั้งคู่จะเป็นผู้เข้าแข่งขัน Annette กลับไม่เคยมองเบธเป็นคู่แข่งเลย กลับกันเธอกลับเป็นกำลังใจให้เบธชนะคู่แข่งให้ได้หลังจากที่ตัวเองแพ้เบธในรอบแรก นอกจากนี้เธอยังสอนวิธีการกดนาฬิกาจับเวลาไปจนถึงให้ผ้าอนามัยตอนที่เบธประจำเดือนมาครั้งแรก นับเป็น Girl's time ไม่กี่ฉากในเรื่อง 

    Annette ปรากฏตัวอีกครั้งช่วงครึ่งหลังของซีรี่ส์ เธอรอได้เจอเบธอีกครั้งและกล่าวขอบคุณที่เธอเปิดทางให้ผู้หญิงอีกหลาย ๆ คนในวงการหมากรุก 

                                  Pic : https://www.imdb.com/title/tt10062322/mediaindex
    Women's solidarity นี้ยังเห็นได้ชัดจากความสัมพันธ์ระหว่างเบธและ Mrs. Wheatley ฉากหลังจากการแข่งหนึ่งของเธอ เบธกลับบ้านไปเจอกับ Mrs. Wheatley ที่นั่งเล่นเปียโนเศร้า ๆ อยู่ในบ้านเพราะ Mr. Wheatley จะไม่กลับบ้านอีกหลายเดือน สายตาเศร้าโศกและท่าทีหดหู่เปลี่ยนไปเมื่อเบธบอกเธอว่าตน "ใส่ผ้าอนามัย" ไม่เป็น ชั่วขณะนั้นเหมือนจะทำให้ Mrs. Wheatley ตระหนักได้ว่าเธอมีลูกสาวที่ต้องดูแล ตระหนักได้ว่าเธอเป็นแม่คนหนึ่ง

                                                 Pic : https://www.imdb.com/title/tt10048342/mediaviewer/rm1211095041
    ทั้ง Annette และ Mrs. Wheatley รวมไปถึงผู้หญิงคนอื่น ๆ ในโลกรู้ดีว่าความรู้สึกตอนประจำเดือนมาครั้งแรกเป็นอย่างไร ผู้หญิงทุกคนเข้าใจดีถึงความหวาดกลัวและความประหม่าที่มาพร้อมกับเลือดเสียจากช่องคลอดนั้น พวกเธอรู้ดีว่ามันเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ท่วมท้นแค่ไหน มันคือความกดดันที่ว่าพวกเธอไม่ใช่ "เด็กสาว" อีกต่อไปแล้ว 

                                           Pic : https://www.imdb.com/title/tt10048342/mediaviewer/rm1211095041

    หากผู้อ่านเป็นผู้หญิงก็คงพอจินตนาการย้อนไปสมัยมัธยมออกว่า เพียงแค่บ่นกับเพื่อนข้าง ๆ ว่าลืมเอาผ้าอนามัยมา เพื่อนผู้หญิงคนอื่นที่ได้ยินก็มักจะรีบกุลีกุจอหาเผื่อว่าตัวเองจะมีให้เพื่อนใช้ หรือหากวันไหนประจำเดือนดันเลอะกระโปรงเข้า ก็เป็นครูผู้หญิงหรือเพื่อนผู้หญิงนี่แหละที่รีบมากระซิบเรา

    .

    เช่นนี้จึงไม่ผิดเพี้ยนนักหากจะบอกว่าประจำเดือนคือหนึ่งในอีกหลายความเจ็บปวดและทรมานที่ผู้หญิงต้องเผชิญ และสิ่งนี้เองที่รวม (unite) พวกเธอเข้าด้วยกัน
           

    To be a girl among all those men" —a reporter from Life magazine

    หากเบธไม่ใช่ผู้หญิง คำถามหลักที่เธอถูกสัมภาษณ์คงเกี่ยวกับประวัติที่ผ่านมา ความรู้สึกหลังได้ชัยชนะหรือเรื่องอนาคตที่มองไว้ หากแต่เพียงเพราะเพศกำเนิดของเธอนี้ ทำให้การที่เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวท่ามกลางผู้ชายกลายเป็นโฟกัสหลักของบทสัมภาษณ์ ราวกับเป็นเรื่องประหลาดเหลือเกินที่ผู้หญิงจะมีความสามารถเทียมเท่าผู้ชาย

                             Pic : https://people.com/style/queens-gambit-costumes-ranked/?amp=true
    หลายฉากในซีรี่ส์ อย่างเช่นฉากที่เบธถูกห้อมล้อมไปด้วยหมู่เด็กผู้ชายชมรมหมากรุกของ โรงเรียน Duncan High และอีกหลายฉากที่มักจะมีผู้สังเกตการณ์การแข่งเป็นผู้ชาย สะท้อนให้เห็นชัดขึ้นไปอีกว่าสังคมนักเล่นหมากรุกสมัยนั้นผูกขาดกับเพศชายเพียงเพศเดียวมากเพียงใด 

        Pic : https://www.bangkokpost.com/life/social-and-lifestyle/2015015/ingenue-to-archetype-the-queens-gambit-has-  all-the-right-moves          

    เช่นเดียวกับที่เบธบ่นกับ Mrs. Wheatley หลังอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า ทำไมทุกอย่างต้องวนอยู่กับการที่ "me [her] being a girl" มันไม่ควรจะสลักสำคัญขนาดนั้น แทนที่บทสัมภาษณ์จะเป็นเรื่องเทคนิคเคล็ดลับที่เธอใช้ หนทางการก้าวสู้แชมป์ คำถามทั่ว ๆ ไปแบบที่นักหมากรุกผู้ชายคนอื่นถูกถาม มันกลับไม่มีหัวข้อเรื่องพวกนั้นเลย 

    .

    เราคงไม่อาจสรุปได้ว่าผู้หญิงอีกมากสนใจหมากรุก แต่ในขณะเดียวกัน เราต้องยอมรับว่าที่จำนวนผู้หญิงที่เล่นหมากรุกมีเพียงหยิบมือสาเหตุหลักมาจากถูกกีดกันจากสังคมชายเป็นใหญ่และค่านิยมแบบ gender stereotype และ gender role ที่ยึดโยงว่าผู้หญิงและผู้ชายควรจะ "ทำ" หรือ "ไม่ทำ" "ชอบ" หรือ "ไม่ชอบ" อะไร 


    "When I was a girl, I wasn't allowed to be competitive. I played with dolls." —a reporter from Life magazine

    เพียงประโยคเดียวก็สะท้อนสภาพสังคมที่สถานะทางสังคมของเพศหนึ่งอยู่ต่ำกว่าอีกเพศหนึ่งได้อย่างชัดเจนแจ่มแจัง การเป็นผู้หญิง เท่ากับว่าคุณต้องยอม ไม่ว่าจะยอมแพ้ ยอมไม่แข่ง หรือยอมถูกกดขี่ ราวกับว่าคุณลักษณะที่ความชอบการแข่งขันถูกสงวนไว้ให้เพียงเพศชาย ผู้หญิงเป็นได้แค่เพียงผู้สังเกตการณ์นอกสนามเท่านัั้น 

    และเช่นเดียวกับโควทก่อน ๆ คนในสังคมมักมองว่าผู้หญิงในวัยนี้ควรจะชอบเล่นตุ๊กตาหรือเล่นแต่งตัวเสียมากกว่า ใน episode แรกก็มีฉากที่เบธได้ตุ๊กตาเป็นของขวัญจาก Mr. Ganz เช่นกัน

                           Pic : https://www.buzzfeed.com/ehisosifo1/the-queen-gambit-netflix-pilot-thoughts-review

    ทว่าท่ามกลางสภาพสังคมที่ผู้หญิงไม่มีอำนาจอยู่ในมือ หมากรุกทำให้เบธอยู่ในฐานะผู้ทีใช้อำนาจ ทำให้เธอสามารถควบคุมเกมแพ้ชนะให้เป็นอย่างใจ  ("I feel safe in it. I can control it, I can dominate it." —Beth Harmon) ราวกับช่วยขมวดปมวัยเด็กที่เธอสูญเสียแม่และต้องมาอยู่ร่วมกับเด็กแปลกหน้ามากมาย หมากรุกให้ความรู้สึกว่าอย่างน้อยเธอเป็นส่วนหนึ่งของอะไรสักอย่างในโลกนี้ (Sense of belonging)

    .

    น่าขบคิดเหมือนกันว่ามีผู้หญิงในยุคนั้นอีกสักกี่หมื่นกี่แสนคนที่ไม่อาจทำตามความฝันตัวเองได้เพราะมีบทบาททางเพศตีกรอบเอาไว้ และสภาพจิตใจของพวกเธอเหล่านั้นเป็นเช่นไรบ้างตลอดระยะเวลาที่ถูกปิตาธิปไตยกดทับ


    "You're the one that I love"—The Boys

    จากเนื้อเพลงที่เพื่อน ๆ ของเบธร้องเล่นกันอย่างสนุกสนานเฮฮา เบธดูสับสนมึนงงที่เพื่อนทุกคนจำเนื้อเพลงได้แม่นราวกับท่องจำตามกันมา มันคงเป็นเพลงดังในหมู่วัยรุ่นหญิงวัยเดียวกับเธอ แต่มันกลับไม่คุ้นหูเธอเลยแม้แต่นิด ตรงนี้เองที่เบธตระหนักได้ว่า นี่คงไม่ใช่ที่สำหรับเธอ ตัวเธอไม่อาจเป็นหนึ่งเดียวกับที่แห่งนี้และกลุ่มเพื่อนเหล่านี้ 

    เนื้อเพลงท่อน "You're the one that I love" ที่ค่อย ๆ คลอเบาลงประกอบกับภาพเบธล้มตัวนอนลงบนเตียงซ้อนภาพเพดานที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างกระดานหมากรุกบอกให้เรารู้แน่ชัดว่า The one สำหรับเบธนั้นคงเป็นอะไรไม่ได้เสียนอกจาก Chess

                                    Pic : https://www.youtube.com/watch?v=A_M50w-pYHE
    (Note : ถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงบทพูดของ Meg ในเรื่อง Little women ที่ว่า "แค่เพราะความฝันของฉันต่างจากพวกเธอ ไม่ได้แปลว่ามันไม่สำคัญ" ผู้หญิงบางคนอาจจะฝันเป็นทนาย เป็นทูต ทำงานในองค์กรมีชื่อเสียง บางคนอาจจะฝันเป็นผู้กำกับรันวงการภาพยนตร์ไทย และในขณะเดียวกันบางคนอาจจะฝันจะเป็นแม่บ้านมีครัวเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง บางคนอาจไม่มีความฝันจะเป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ 
    .
    แต่สุดท้ายแล้วทุกความฝันหรือความไม่ฝันนั้นก็สำคัญไม่ต่างกัน)


    "When she blunders, she gets angry like all women"— one of Borgov's men

    เราคงได้ยินอยู่บ่อย ๆ ว่าเพศหญิงนั้นเป็นเพศที่ใช้แต่อารมณ์ งี่เง่า ไร้เหตุผล 

    ทว่า Beth ที่จัดการธุระทุกอย่างเองหลังจาก Mrs. Wheatley เสียชีวิตแม้ตอนนั้นจะเป็นหลังช่วงที่เธอเพิ่งแข่งแพ้แมทช์สำคัญ ความสูญเสียนี้นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่หลังจากที่เธอสูญเสียแม้แท้ ๆ ไปตอนอายุเก้าขวบ ครั้งนี้ความรู้สึกของเธอคงไม่ต่างอะไรกับคนถูกทิ้งให้เผชิญโลกภายนอกอย่างโดดเดี่ยว ถึงกระนั้นเธอก็รวบรวมสติตัวเองเพื่อหาทางออกให้กับตัวเองได้ด้วยการตัดสินใจกลับบ้านและทำทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางด้วยตัวคนเดียว

                    Pic : https://www.cosmopolitan.com/uk/fashion/style/g34687342/the-queens-gambit-fashion/

    กลับกัน Mr. Wheatley ที่ไม่กล้าแม้กระทั่งสบตาเบธตอนตนมาทวงบ้านคืนแม้จะทิ้งให้เธออยู่กับ Mrs. Wheatley สองคนโดยไม่เคยส่งเงินหรือคอยติดต่อซักถามความเป็นอยู่เลยสักครั้ง และตั้งแต่ Mrs. Wheatley เสีย เขาก็ทิ้งภาระทุกอย่างให้เบธดูแลโดยอ้างว่าตนไม่อาจเดินทางไปได้ นอกจากนี้ยังพูดจาไม่เคารพด้วยท่าทีฉุนเฉียวถึงภรรยาตัวเองต่อหน้าเบธ สุดท้ายเขาก็ต้องพ่ายต่อไหวพริบของเบธจนยอมคืนบ้านให้เธอ

    Pic : https://www.cinemablend.com/television/2558475/where-youve-seen-the-queens-gambit-cast-before
    .

    ความงี่เง่าไร้เหตุผลที่ผู้ชายมองว่าเป็นลักษณะของผู้หญิงนั้น ดูเหมือนจะเป็นเพียงสิ่งสมมติที่สร้างมาเพื่อปลอบความเป็นชายอันแสนเปราะบางของตัวเองเท่านั้นกระมัง


    "Men are gonna come along and wanna teach you things...It takes a strong woman to stay by herself"—Beth's mom

    ทุก ๆ ตอนของซีรี่ส์มักจะเปิดด้วย flashback ย้อนไปถึงช่วงเวลาระหว่างเบธวัยเด็กกับแม่ของเธอ นอกจากจะสะท้อนถึงแผลในใจวัยเด็กของเธอแล้ว ในตอนเกือบจะสุดท้าย คำแนะนำของแม่ยัง foreshadow ไปยังตอนจบของเรื่องอีกด้วย

                             Pic : https://www.imdb.com/title/tt10048342/mediaviewer/rm2653542401/
    แมทช์สุดท้ายที่นำมาซึ่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของเบธนั้น เบื้องหลังคือการวางแผนอย่างแยบยลและรอบคอบระหว่างกลุ่มเพื่อน ๆ ผู้ชายของเธอที่รวมตัวกันระดมสมองให้เธอเอาชนะ Borgov ให้ได้ พวกเขารวมตัวกันเพื่อดักทางแผนการเดินหมากของ Borgov 

    และแม้ว่าเพื่อน ๆ จะไม่ได้ตั้งใจจะยกตัวเองในฐานะของผู้ชายที่เหนือกว่า เพื่อจะสอนเธอ แต่หากมองในมุมหนึ่งแล้ว การที่พวกเขาคิดว่าเบธน่าจะต้องการความช่วยเหลือในการต่อกรกับ Borgov ก็ไม่ต่างกับว่าพวกเขามองเบธในฐานะ "ผู้หญิง" คนหนึ่งที่คงจะไม่เก่งพอจะต่อกรกับอัจฉริยะหมากรุกอันดับหนึ่งของโลก พวกตนจึงต้องรับบทเป็น Savior ซึ่งเป็นแนวคิดแบบเดียวกับที่คนขาวใช้มองคนผิวสีอื่น ๆ

                               Pic : https://www.imdb.com/title/tt10048342/mediaviewer/rm1517737985/
    อย่างไรก็ดี ในการแข่งจริงนั้น Borgov ไม่ได้เล่นไปตามแผนแม้แต่แผนเดียวที่พวกเขาดักทางไว้ เบธจึงเหลือเพียงความสามารถของตัวเธอให้พึ่ง และสุดท้ายเธอก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ต้องใช้ยา ไม่ต้องใช้แอลกอฮอล์ ไม่ต้องขอแม้กระทั่งการช่วยเหลือของ "ผู้ชาย" 
    .

    มีเพียงความสามารถและไหวพริบของเธอและเธอคนเดียวเท่านั้นที่พาไปสู่เส้นชัย


    "The Queen's Gambit"

    ปิดท้ายโควทสุดท้ายด้วยชื่อซีรี่ส์ อย่างที่เรารู้กันว่า The Queen's Gambit เป็นชื่อการเปิดหมากแบบหนึ่ง การที่ชื่อซีรี่ส์เจาะจงจะใช้การเดินหมากแบบนี้เป็นชื่อเรื่องนั้นมีนัยยะซ่อนเร้นอยู่ในความหมายที่สอดคล้องกับเส้นทางชีวิตของเบธ

    Pic : https://www.pri.org/stories/2020-11-25/garry-kasparov-how-queens-gambit-brilliantly-moves-chess-skills-center-stage

    The Queen's Gambit: a chess opening where White tries to sacrifice a pawn early to get better winning chances later; การเปิดหมากที่ฝ่ายขาวจะสละเบี้ยตัวหนึ่งตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้มีโอกาสชนะมากกว่าในตอนหลัง คำว่า Gambit นี้ยังหมายถึง การยอมแลกส่วน ๆ นึงเพื่อให้ศูนย์กลางของกระดานมีความสมดุล—เส้นทางชีวิตของเบธเองก็เป็นเช่นนั้น

    ที่ผ่านมาเบธถูกพรากอะไรหลายอย่างในชีวิตไป ไม่ว่าจะเป็นแม่ ชีวิตครอบครัว สังคม ความรัก หากพิจารณาดี ๆ แล้ว เธอไม่ได้มีชีวิตแบบวัยรุ่นตามหนัง rom-com ทั่วไปที่ตัวเอกเข้าสังคม ร่วมงานพร็อม เจอ love interest และมีความสุขไปจนจบเรื่อง สำหรับเบธแล้ว ประสบการณ์แย่ ๆ ตั้งแต่เด็กมีอิทธิพลอย่างมากกับสภาพจิตใจของเธอ 

    ยาและแอลกอฮอล์คือผู้ช่วยให้เธอรอดจากความทรงจำที่ตามมาหลอกหลอน เธอรู้ดีว่าพวกมันทำลายชีวิตเธอมาหลายครั้ง และเธอจะต้องลุกขึ้นเผชิญหน้ากับความทรงจำร้าย ๆ นี่โดยปราศจากพวกมันให้ได้

    Pic : https://www.themarysue.com/the-queens-gambits-endgame-marred-by-the-blatant-tokenization-of-jolene/
    เบธไม่ได้มีเพื่อนคู่คิดแบบซีรี่ส์วัยรุ่นทั่วไป เพื่อนแต่ละคนในชีวิตไม่ว่าจะเป็น Jolene Mrs. Wheatley Harry หรือแม้กระทั่ง Benny นั้นเข้ามาเพียงแค่ช่วงหนึ่งของชีวิตเธอแล้วก็จากไป สุดท้ายก็เป็นตัวเธอเองที่ยืนหยัดขึ้นได้ เป็นเธอเองที่ตัดสินใจคว้าขวดยาแล้วเทมันทิ้งลงชักโครก เป็นเธอเองที่ตัดสินใจในทุกการเดินหมากเพื่อไปสู่ชัยชนะ 

    การสละครั้งนี้ก็เพื่อรักษา "สมดุลชีวิต" ของเธอให้ก้าวต่อไปข้างหน้าได้ 

             Pic : https://www.goldenglobes.com/articles/queens-gambit-fashion-chess-and-womens-empowerment

    ฉากสุดท้ายของหนัง เบธสวมโค้ทตัวยาวและหมวกสีขาวล้วน และก็เป็นเธออีกเหมือนเดิมที่ตัดสินใจลงจากรถเพื่อปลดแอกตัวเองจากสิ่งที่เคยเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้ ไม่ว่าทางข้างหน้าเธอจะเจอกับอะไร อย่างน้อยตอนนี้ทุกสิ่งที่เธอยอมสละก็ทำให้เธอรุกฆาตอย่างที่ตั้งใจแล้ว

    .


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in