เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Running with Podcastโตมร ศุขปรีชา
ความเงียบ
  • Episode : Quiet
    Podcast : Ted Radio Hour
    Host : Guy Raz
    Time : 52 นาที

    ให้ตายเถอะครับ! ไม่นึกเลยว่า Podcast ตอนนี้จะเยี่ยมยอดขนาดนี้

    เรื่องของ 'ความเงียบ' หลายคนอาจจะคุ้นเคยดี ไม่ใช่คุ้นเคยกับความเงียบนะครับ แต่คุ้นเคยกับความ 'ไม่เงียบ' ไม่ว่าจะบนรถไฟฟ้าใต้ดิน ในห้าง งานแฟร์ งานวัด หรือที่ไหนๆในเมืองไทยก็ดูจะไม่ค่อยมีความเงียบกันอีกต่อไปแล้ว จนต้องเกิดการรณรงค์ให้เงียบ เช่นเรามี 'ชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ' เป็นต้น

    Podcast เรื่อง Quiet พาเราไปสำรวจความเงียบอีก (หลาย) แง่มุม ในแบบที่คิดไม่ถึงเลยครับ

    เริ่มแรกก็คือการพาเราไปคุยกับ Susan Cain ซึ่งชวนเราคุยเรื่องคนที่เป็น Introvert กับ Extrovert เขาบอกว่า พวก Introvert นั้น ทนต่อเสียงดังๆ (Noise Background) ได้ไม่ดีเท่าพวก Extrovert เรามักจะคิดว่า Introvert เป็นพวกที่มีสมาธิดีกว่า Extrovert แต่ไม่จริงหรอกนะครับ เพราะว่าจริงๆแล้วที่ Introvert ทนเสียงหนวกหูไม่ได้ ก็เพราะคนเหล่านี้จะไขว้เขวง่ายกว่าพวก Extrovert
    แต่ที่น่าสนใจก็คือ Susan Cain บอกว่า โลกสมัยก่อนเป็นโลกของพวก Introvert มากกว่า Extrovert นะครับ โลกที่เราทำเกษตรเป็นหลัก คนไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เลยไม่ต้องแสดงออกมาก แต่พอเปลี่ยนมาเป็นสังคมเมือง เกิด Culture of Personalities ทำให้คนต้องพยายามสร้างบุคลิกกันมากขึ้น สังคมจึงให้คุณค่ากับพวก Extrovert มากขึ้นจนเกินพอดี แต่ Susan บอกว่า คนสองแบบนี้มีข้อดีต่างกัน คน Extrovert จะดูเหมือนสร้างสรรค์กว่า แต่จริงๆไม่ใช่หรอกนะครับ ข้อดีของคนเหล่านี้คือการกล้าแสดงออก กล้านำเสนอมากกว่า ในขณะที่พวก Introvert จะสร้างสรรค์อยู่เงียบๆคนเดียว ไม่ค่อยนำเสนอ แต่มีข้อดีคือมี Toleration มากกว่า เพราะทนต่อสิ่งต่างๆรอบตัวมาตลอด


  • แล้วเรื่องการสร้างบุคลิกภาพ ก็นำเรามาถึงเรื่องของ Megan Washington ซึ่งเป็นนักร้องชาวออสเตรเลีย เรื่องของ Megan ทำให้ผมทึ่งมากเลยนะครับ เพราะจริงๆแล้วเธอติดอ่าง แต่ด้วยความที่เธอต้อง 'สร้างบุคลิก' ในฐานะนักร้องพ๊อพคนหนึ่ง เธอก็เลยสามารถบังคับตัวเองให้ร้องเพลงได้โดยไม่ติดอ่าง แต่ถ้าพูดเมื่อไหร่เธอก็จะติดอ่างทันที

    ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นอีกก็คือ เธอสามารถพูดแบบไม่ติดอ่างได้ด้วย แต่ว่าเธอต้องพูดโดยใช้ 'เสียง' อีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงแบบสวยๆที่เธอใช้พูดบนเวที เธอบอกว่าเสียงนี้ทำให้เธอพูดได้สมบูรณ์แบบก็จริง แต่มันไม่ใช่เสียงของเธอ มันเป็นแค่เสียงที่ทำให้ Get the job done คือเป็นเสียงที่เอาไว้ทำงานเท่านั้น!

    ฟังแค่นี้ผมก็อึ้งมากแล้ว แต่ยังต่อด้วยเรื่องของ John Francis ซึ่งในยุคเจ็ดศูนย์ เป็นวัยรุ่นอยู่ที่ซานฟรานซิสโก แล้วเขาเกิดไปเห็นเหตุการณ์คลังน้ำมันรั่วลงทะเล ทำให้สิ่งแวดล้อมเสีย เขาเลยคิดว่าจะเลิกใช้รถยนต์อย่างสิ้นเชิง

    ถ้าเป็นยุคนี้คงไม่แปลก แต่นั่นคือแคลิฟอร์เนียยุคเจ็ดศูนย์ John พบว่าผู้คนเถียงกับเขามากมายว่าทำไมถึงจะเลิกใช้รถ แถมตอนนั้นเขาเป็นวัยรุ่นด้วย เขาต้องอธิบายกับทุกคนวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า จนวันเกิดครบ 21 ปี เขาเกิดคิดขึ้นมาว่า เออ ขอกรูหยุดพูดวันนึงได้ไหม แล้วเขาก็หยุดพูด ปรากฏว่ามันดีมากเสียจนในที่สุด เขาเลยหยุดพูดไป 17 ปี

    ใช่ครับ 17 ปี!

    ในช่วง 17 ปีนั้น เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย เรียนจนจบปริญญาเอกด้วยนะครับ แต่ไม่พูดอะไรเลย ใช้วิธีบุ้ยใบ้ แสดงสีหน้า ฯลฯ แทน ถึงขั้นที่มีโทรทัศน์มาสัมภาษณ์เขาเลยทีเดียว เขาเล่าให้ฟังว่าเมื่อไม่พูดแล้ว 'บทสนทนา' ในหัวของเขามันก็ค่อยๆหายไปด้วย ที่สำคัญก็คือ เขาไม่ต้องมาคอยคิดว่าจะโต้ตอบใครอย่างไร ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องแสดงคำพูดที่ทำให้ตัวเองฉลาด เขาจึง 'สงบ' ลงอย่างมาก

    ถัดมายังมี Gavin Pretor-Pinney ซึ่งน่าจะเป็นคล้าย อ.บัญชา ธนบุญสมบัติ ของไทยนะครับ เพราะเขาเป็น 'นักดูเมฆ' ที่ก่อตั้งชมรมดูเมฆขึ้นเพราะเขาย้ายไปอยู่โรม แล้วเวลาไปดูงานศิลปะต่างๆ เขาพบว่างานศิลปะของโรมันมีแต่เมฆเต็มไปหมด เลยอยากหาความสัมพันธ์ของศิลปะกับเมฆ เป็นการเริ่มดูเมฆและตั้งชมรมดูเมฆจากฐานทางศิลปะ (ในขณะที่ อ.บัญชาเริ่มดูเมฆจากฐานวิทยาศาสตร์) แล้วเขาก็อธิบายเรื่องความเงียบขณะดูเมฆให้เราฟังด้วย

    จากนั้นก็มาจบที่นักเขียนอย่าง Pico Iyer ที่พูดว่าการใคร่ครวญทำให้ชีวิตมีความหมาย ซึ่งก็แน่นอน เราจะใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งได้ ก็ย่อมต้องการความเงียบนั่นแหละครับ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in