สวัสดีค่ะ เรื่องที่เราจะเขียนต่อไปนี้ เราอยากให้กำลังใจใครหลายๆคน ที่มีความฝันอยากติดปีกบิน ทำงานบนฟ้า ... เส้นทางการเป็นแอร์สำหรับเราไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ การจะเป็นได้นั้นนอกจากบุคลิกภาพแล้ว ทัศนคติที่ดี ภาษาก็เป็นสิ่งสำคัญด้วย ซึ่ง ไอบุคลิก กะทัศนคติ ค่อยว่ากัน เพราะมีเรื่องภาษาเนี่ยล่ะค่ะที่ทำให้เรารู้สึกว่า ทำไมกูอ๋องงจังงว่ะ 555 ตั้งแต่เราเรียนมา ภาษาอังกฤษดีสุดก็ตอนประถมเนี่ยล่ะคะ ที่ได้เกรด 4 หลังจากนั้น ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ขึ้นมัธยม เกรด1บ้าง 1.5 บ้าง 2 นี้คือที่สุดในชีวิตและสำหรับตอนมัธยม มหาลัยยิ่งหนักค่ะ หนังสือเรียนภาษาอังกฤษไม่มีค่ะ ยืมเพื่อน แถมได้ D บ้าง D+ บ้าง คือไม่ดร็อปเรียนตอนนั้นคือบุญแล้ว เรียกว่า ภาษาอังกฤษกับเรานี้ ไม่ได้เข้าพวกกันเลยค่ะ เพราะเราเรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่มัธยมจนมหาลัย เป็นหลัก และแน่นอน ถ้าใครเรียน ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่น จะพบว่าความแตกต่างของไวยากรณ์ ช่วงนั้นแม่ถึงกับพูดกับเราว่า "ลูกพูดอะไรหนะ ไปเรียงประโยคมาให้ถูกต้องก่อนสิ๊" ค่ะ อังกฤษก็ง่อย ไทยก็เรียงประโยคผิดๆถูกๆ ความฝันที่จะเป็นแอร์ห่างไกลเหลือเกิน บวกกับ บุคลิกเราซึ่งทุกคนมักจะแบบ คงคิดในใจว่า จะเป็นได้หรอ เราเป็นผู้หญิงแมนๆ ชอบเตะบอลค่ะ(หลอกกก) ไม่มีใครเชื่อเราเลยตอนนั้น และเราก็คิดว่าเออ มันดูไกลจากเราจริงๆนะ 555555
แต่...... ช่วงพีคของชีวิตหลังจากปล่อยตัวปล่อยใจไปกับวัยนักศึกษา มีช่วงนึงไปเรียนภาษาอังกฤษ กับ อ. ท่านนึงที่ เซนทรัลเวิลค่ะ และบอกว่าความฝันเรา ก็อยากเป็นแอร์อ่ะ อาจารย์แม่มมพูดมาเลยค่ะ " อย่างคุณอ่ะ ผมให้เวลาเลย 5 ปี กว่าจะได้เป็นแอร์" ตอนนั้น โมโหก็โมโห โมโหจริงจังค่ะ และไม่ไปเรียนกับอาจารย์ท่านนั้นอีกเลย (อ้าวววกรูววววว) กลับมาบ้านบ่นนกับแม่หนักมากค่ะ บ่นเยอะบ่นแยะ จนแม่ขี้เกียจจะฟัง ตอนนั้นตั้งใจจว่ายังไง ชั้นจะลบคำสบประมาทให้ได้ค่ะ แล้ววไงงค่ะ ทำได้สามวันนั่งอ่านการ์ตูน ไถ่มือถือต่อไป (ชีวิตมึงคงเจริญค่ะ 5555 )
แล้ววว .... มีช่วงที่เราต้องฝึกงาน เราเรียน 5 ปี และเพื่อนๆก็จบบกันแล้ว ช่วงนั้นนี้ชีวิตยุ่งถึงขีดสุด งานเยอะงานแยะสุ่มกันเข้าไปค่ะ แต่ไม่วาย ตั้งใจว่าหนูจะเป็นแอร์ให้ได้ (ยังงงความคิดอยากเป็นแอร์ยังไม่จบ) ก็ให้แม่พาไปสมัครสถาบันแอร์สถาบันหนึ่ง ตอนพรีสกรีน ก็พูดๆไปค่ะ พูดไรได้ก็พูดไปด้วยอิ๊งอันเก่งกาจของเรา แน่นอนค่ะ ผลลัพธ์ ไปเรียนครอสส Beginner เลยค่ะ สมบรรดาศักดิ์เรามาก555 ตอนเช้าเรียน ไวยากรณ์ ตอนบ่าย เรียน สนทนา ตอนนั้นสนุกมากค่ะเจอเพื่อนๆที่มีความฝันเดียวกัน แล้วได้ฝึกภาษาไปด้วย เออมันเวิคง่ะ ทำงาน5 วัน เรียน2 วัน ไม่มีเหนื่อยค่ะ 555555555555555 แต่สุดท้ายแล้วก็เรียนทุกครอสยกเว้นครอสติดปีก
เพราะอะไรหนะหรอคะ "เหล็กดัดฟันกรูวววเนี่ยล่ะค่ะ" ตัวปัญหาแถมเรียนก็ยังไม่จบ เลยยกเลิกการเรียนครอสนี้ไปก่อนนนนน
เหล็กดัดฟันก็เปลี่ยนมา 2 หมอและค่ะ เท่ากับเริ่มใหม่ ทุกที ตอนนั้นคือแบบชีวิตกูอุปสรรคจังว่ะ อิ๊งงนี้ก็ยังงไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควรจะเป็นแอร์ได้ ฟันก็มาติดเหล็ก เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันก็ถยอยติดปีกและ เออ เอาว่ะ เอางี้ล่ะกัน อย่างน้อยที่สุด ก็น่าจะได้อะไรบ้างว่ะ
วันนั้นคิดอะไรไม่รู้ค่ะ เลยพูดกับแม่ไปว่า " แม่ๆๆๆๆๆ ขอไปเรียนต่างประเทศหน่อยสิ จะให้ไปเวิคหรือเรียนภาษาก็ได้ อยากใช้ภาษาอังกฤษ" และแน่นอนค่ะแม่ของน้อง ผู้ประเสริฐก็บอกว่า ได้สิ
รอไรล่ะค่ะ หาเอเจ้นซีรัวๆ หลังจากฝึกงานเสร็จ ก็บินไปเลยค่ะ เรียนภาษาที่ Newzealand เป็นเวลา 4เดือนกว่าๆ และอยู่กับโฮส ไม่ได้ให้มันรู้ไปค่ะ 4 เดือนที่นั้น ใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน อยู่กับโฮสใช้ภาษาอังกฤษทั้งวัน จากคนที่ พูดไม่ได้เลย อายฝรั่ง กลัวฝรั่ง เพราะโฮสก็อายุเยอะแล้ว พูดไม่รู้เรื่อง จนในที่สุด ฟังได้ อ่านได้ เขียนได้ เรียนในคลาส ไวยากรณ์นี้เป๊ะปัง เกือบเต็มร้อย โฮะๆ (มันง่ายไงคะ กรูวเรียนระดับเริ่มต้น 5555 ) ไต่อันดับจนได้ผ่านไป Intermidiate แค่นี้ก็ภูมิใจล้าววววว
สรุป สิ่งที่เราพึ่งปฏิบัติ เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษควร(สำหรับเรานะ 5555)
1. เราอยู่กับโฮสค่ะ โฮสช่วยเราทุกอย่างค่ะ ทั้งให้อ่านบทกวี นิยาย ดูหนังภาษาอังกฤษ สอนภูมิศาสตร์ สอนการบ้าน สอนทำอาหาร ไปรับ ไปส่ง ไปหาญาติ คลุกคลีแบบ กีวีจริงๆ เราเลยได้ภาษาจากในส่วนนี้มาเยอะมากๆเลยค่ะ
2. อยู่โรงเรียน เราไม่เฟรนลี่นะคะ (หน้าเราเนี่ยล่ะคะ ไม่เฟรนลี่ 555) แต่นิสัย เพื่อนๆรุ้จักไปคือเราเฟรนลี่ค่ะ เราคุยยมั่วไปหมดอ่ะ ช่วงที่ได้ฝึกเยอะสุดคือ ในคลาสเรียน ตอนทานข้าว และ ออกไปกินเหล้ากับเพื่อนต่างชาติเนี่ยล่ะคะ เมาเป๋ ไม่กลับบ้านกลับช่องอ้วกแตก อ้วกแตน (อย่าเอาอย่างค่ะ 555)
3. เข้าไปทำข้อสอบ ในเวปไซท์ รร ภาษาอังกฤษที่เราเรียนบ่อยๆค่ะ เราเข้าไปบ่อยมาก เข้าไปเรียนบ้าง หรือเขียนeassy ส่งให้อาจารย์ตรวจบ้าง ไวยากรณ์ในโปรแกรมของ รร ก็เข้าใจง่าย ว่างๆก็ออกไปทำกิจกรรมกับทางโรงเรียนค่ะ เพื่อให้ได้พบเจอเพื่อนใหม่ๆ
4. โฮสอีกเช่นเคยค่ะ ใช้ประโยชน์ซะ กลับบ้านปุ๊บ เก็บของ ขึ้นข้างบนไปหาโฮส ช่วยทำกับข้าว ถามโน้นนี้ได้ทั้งความรู้และได้ทั้งความรักจากโฮสค่ะ เพราะจะได้แสดงให้เค้าเห็นว่าเด็กไทยไม่ขี้เกียจ กินข้าวเสร็จ นั่งดูรักบี้ทีวี คุยสรรเพเหระ อะไรก็ได้ค่ะ แน่นอนคุณได้ฝึกแล้ว
5. ลงล่างหลังจากคุยกับโฮสเสร็จ อ่านหนังสือค่ะ ทำการบ้าน ทบทวนบทเรียนที่เราไม่เข้าใจ ไฮไลท์คำศัพท์ท่องเรื่อยเปื่อย
6. สุดท้าย ลงสนามด้วยความสง่าก่อนกลับ เที่ยวเองงงค่ะ เที่ยวคนเดียวเนี่ยล่ะ เพื่อให้เราได้รู้ว่า ภาษาอังกฤษเรา สามารถใช้ได้ขนาดไหน โดยที่ไร้คนรู้จัก ไร้ทุกอย่าง อยู่ด้วยตนเองงค่ะนอนโฮสเทลด้วยค่ะ (คนขี้เหงาเราไม่แนะนำนะคะ555) 10 วันของเราไม่น่าเบื่อเลย เพราะว่าเราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง แถมรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ทำได้ขนาดนี้ เย้
จากนั้น ก็กลับบไทยยยพร้อมมกับความประทับบใจจที่เรามี (ต่อ Ep2 เด้อออ....)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in