ผู้แต่ง : 非天夜翔 เฟยเทียนเย่เสียง
ยังไม่มีตีพิมพ์กับสนพไทย
แนวจีนโบราณแฟนตาซี อิงประวัติศาสตร์ช่วงสมัยราชวงศ์ถัง (เมืองหลวงฉางอัน) มือปราบมาร
ห่างหายไปนานมัวแต่วุ่นวายกับการทำวีซ่าแล้วก็เรื่องสัพเพเหระหอบเป้เที่ยวบ้างตาม bucket list วันนี้ก็พอจะมีเวลาว่างกับเขาบ้างแล้ว
ภาพประกอบเรดิโอดราม่าจากเวยป๋อของอาก่า ซ้ายข่งหงจวิ้น นายเอก ขวา หลี่จิ่งหลง พระเอก
มาหวิวหนังสือก่อน ซื้อมาแค่สองเล่มค่ะเล่มสามกำลังข้ามน้ำข้ามทะเลมาหา สารภาพว่าอดใจรอไม่ไหวเลยจ่ายจิ้นเจียงอ่านไปจนจบก่อนแล้ว ลงแดงกว่านี้ไม่ไหวแล้วแม่ ตัวเล่มถือว่าดีเราชอบมาตรฐานของ 天闻角川 เป็นทุนเดิมอยู่ด้วยแหละ หน้าปกที่เห็นเป็นกวาง จิ้งจอกพวกนี้เป็นแค่แจ็คเก็ตค่ะ ขี้เกียจแกะออกมาถ่าย พอเปิดออกมาปุ๊บจะเป็นปกในซึ่งเป็นรูปตัวละคร ออกที่จีนแผ่นดินใหญ่อะไรก็ต้องเซฟ
เริ่มเถอะ
เนื้อเรื่องดำเนินอยู่ในช่วงรัชศกเทียนเป่า
ทางผ่านไปยังตำหนักใหญ่มีต้นอู๋ถงมากมาย คืนนี้เป็นคนที่เงียบสงบตำหนักใหญ่ไร้ซึ่งแสงใดสาดส่องมายังบัลลังก์ใหญ่สามที่ที่ตั้งอยู่สองที่ว่างเปล่าที่ตรงกลางถูกจับจองด้วยเจ้าของผมสีแดงราวเปลวเพลิงถึงจะอยู่ในความมืดแต่เสื้อคลุมยาวที่สวมไว้หลวมๆ จนเผยหน้าท้องแกร่งก็ประกายแสงทองอร่าม ฮรือโซแดมฮอต มีแฟนจีนวาดแฟนอาร์ตฉงหมิงกับชิงสยงไว้ค่ะ.. เพื่ออรรถรสโปรด จิ้ม ชุดแดงคือฉงหมิง ผิวแทนหน่อยคือชิงสยง อร่อก *วางจดหมายลาตายว่าเสียเลือดเพราะกล้ามหน้าอกดุ๊กดิ๊กผู้ชาย* เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าฉงหมิงก็เงยหน้ามองผู้ที่เข้ามาความเงียบปกคลุมไม่นานชิงสยงก็เริ่มเอ่ยถึงการหวนกลับไปสู่ความว่างเปล่าของข่งเซวียนทิ้งเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ให้ฉงหมิงเลี้ยงเมื่อถามถึงการตายชิงสยงส่ายหน้าเป็นคำตอบ ปล.ต้นอู๋ถงเนี่ยมันมีที่มาที่ไปมีประโยคหนึ่งบอก “非梧桐不栖,非竹实不食” แปลว่า ไม่ใช่ต้นอู๋ถงไม่เกาะ ไม่ใช่ผลไม่กิน ต้นอู๋ถงเนี่ยเป็นหนึ่งในไม้ที่สูงส่งของจีนน่ะค่ะ ตำนานกล่าวว่าเวลาเฟิ่งหวง (ฉงหมิงเป็นเฟิ่งหวง) บินมาเหนื่อย ๆ ก็จะแวะพักบนกิ่งต้นอู๋ถงเท่านั้น อาหารการกินก็เรื่องมากเพราะเป็นสัตว์วิเศษ
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ฉงหมิงยืนกรานด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นลูกของข่งเซวียนกับสายเลือดมนุษย์ ตนไม่รับเลี้ยง ไปที่หลังเขาแล้วหาที่ทิ้งชิงสยงเลยคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เมื่อห่อผ้าปักลายดอกบัววางถึงพื้นก็ค่อย ๆขยายออกปรากฏร่างเด็กชายตัวเล็กมอมแมมสวมเสื้อลินินขาดรุ่ยนอนเอียงงอเข่าคู้ตัวดูเปราะบาง เขายกร่างน้อยขึ้นมาตรงหน้า ฉงหมิงที่ยังคงปฏิเสธไม่ว่าชิงสยงจะโน้มน้าวเพียงใดหูซ้ายทะลุหูขวาชิงสยงไม่ฟังคำพูดที่เสียดหู “ฆ่าซะ” ของราชาเฟิ่งหวงอย่างฉงหมิงดึงดันส่งเด็กชายให้อีกฝ่ายไป เด็กชายขยับตัวตื่นจากนิทราลึกเพราะรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากหน้าอกจึงคว้าเข้าหาชายเสื้อคลุมสีแดงเพลิงอย่างไม่รู้สึกตัวทำให้บางสิ่งร่วงลงมาจากมือมันคือสีเขียวแกมน้ำเงินของขนนกยูง ชิงสยงกล่าวลาเรื่องชื่อให้อีกฝ่ายจัดการส่วนเขาจะไปสืบหาการตายของข่งเซวียน ฉงหมิงก็พูดแดกดันทำนองว่าเจ้าเอาเขามาไว้ข้างกายข้าแบบนี้ไม่กลัวเวลาข้านึกถึงสตรีนางนั้นแล้วจะฆ่าเขาหรือ ด้วยความที่รู้นิสัยปากร้ายใจดีชิงสยงก็ตอบกลับว่าแล้วแต่เจ้าจากนั้นก็กลายร่างเป็นนกยักษ์สีดำบินออกไปจากวังเด็กน้อยตื่นขึ้นมองไปตามมือตัวเองที่จับเสื้อคลุมใครบางคนแทนที่จะเป็นขนนกยูงพอดีกับหยดน้ำตาร่วงหล่นลงบนดวงหน้า เด็กน้อยดูสับสนแต่ก็ยังเอื้อมมือออกไปจับหน้าฉงหมิงเพื่อปาดหยดน้ำตาออกให้ราชาเฟิ่งหวง แล้วน้อนก็ถาม “เจ้าคือใคร” นี่คิดว่าเป็นประโยคและท่าทางอิมแพคทำให้ฉงหมิงใจอ่อนยวบ ๆ
สิบสองปีต่อมาที่วังเย่าจินบนยอดเขาไท่หังดวงอาทิตย์สอดส่องต้นอู๋ถงเกิดเงาเป็นหย่อมเด็กหนุ่มใส่เสื้อแขนกุดสวมเสื้อคลุมแขนกุดทับอีกทีกำลังนั่งแกว่งขวาผสมชามเกสรสีขาวบางอย่างอยู่บนต้นอู๋ถงสลับกับมองหน้าต่างตำหนักใหญ่ เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียก “หงจวิ้น” ชื่อของเด็กหนุ่มคนนี้ ปิศาจปลาไน (ฮีชื่อจ้าวจื่อหลงแต่ขอ'ญาตเรียกปิศาจปลาไนไปก่อนนะ) รูปร่างเป็นปลาแต่มีแขนและขาสูงราว
ใช่ค่ะข่งหงจวิ้นก็คือเด็กชายคนที่มาพร้อมกับชิงสยง
มาถึงช่วงบ่ายของวัน นกยักษ์สีดำบินโฉบลงมาถึงพื้นก็เปลี่ยนร่างเป็นคนควันดำและซากอารยธรรมทำให้ชิงสยงประหลาดใจถามคนใช้แถวนั้นว่าศัตรูบุกหรือ ฮ่าๆ ไม่มีใครกล้าตอบบอกแค่ฉงหมิงรออยู่ด้านใน ละเสียงหนึ่งดังขึ้น หงจวิ้นเรียกชื่อชิงสยงด้วยน้ำเสียงร่าเริงกระโดดกอดคอปีนหลัง คุณป๋าก็แกะน้องลงมาจี้เอวหยอกล้อพอเป็นพิธีถามว่าก่อเรื่องอะไรอีก น้ำเสียงเอ็นดูมากกว่าตำหนิแล้วก็เอาสร้อยคอประดับจี้ให้เก็บกำชับอย่าทำแตกก่อนจะปลีกตัวไปหาฉงหมิง
มาถึงก็ตามคาดชิงสยงเอาจดหมายที่ส่งมาจากหน่วยปราบมารให้ เนื้อความบนจดหมายทำนองว่าเรียกรวมเด็กหนุ่มที่มีความสามารถให้ไปฉางอัน ภูตปิศาจอาละวาดไม่ยำเกรง วีรชนรุ่นเก่าทยอยตายจากไปทีละคนจากนั้นก็เริ่มถกเถียงเพราะความเห็นไม่ตรงกัน ฉงหมิงลึก ๆ มีความแค้นกับเผ่ามนุษย์อยู่แล้ว ไม่สนใจว่ามังกรดำจะฟื้นขึ้นมามั้ย (แกรเรื่องนี้มันยาวมากฉันขอข้าม) ต่อคำกันจนบรรยากาศไม่ไหลเวียนเอากำลังภายในมาข่มจนแก้วชาบนโต๊ะสั่นครืน ๆ พอดีกับที่หลุดปากเรื่อง “ข่งเซวียน” พ่อที่แท้จริงของข่งหงจวิ้น น้องมาถึงก่อนหน้าแปปนึงอะแต่แอบอยู่หลังประตูเพราะไม่อยากขัดผู้ใหญ่เชือดเฉือนกันก็ได้มารู้ความจริงเรื่องพ่อตัวเอง เสียงฝีเท้าทำให้ฉงหมิงกับชิงสยงหยุดทุกอย่างหันไปมองพร้อมเพรียงก็เห็นแค่แผ่นหลังเด็กน้อยวิ่งจากไป
ชิงสยงตามน้องมาหงจวิ้นนอนอยู่บนโขดหินริมหน้าผาบนนภาประดับด้วยดาราหมื่นล้านดวงก็ขึ้นไปนอนข้าง ๆ ทั้งสองพูดคุยกันน้องถามว่าจริงหรือเปล่า ป๋าก็ไม่ตอบคำถามตรง ๆ ตามความชักแม่น้ำทั้งห้าของนิยายจีน จริงเท็จเจ้ารู้แก่ใจแล้วก็ปลอบน้องท่านพ่อของเจ้าเป็นคนเช่นนี้สิ่งที่เขาพูดกับสิ่งที่เขากระทำมันแตกต่างกัน เนี่ยไม่มีใครบังคับคนอย่างเขาได้ถ้าเกลียดจริงคงไม่เลี้ยงเจ้ามาขนาดนี้ หงจวิ้นตัวสั่นหยิบจี้ออกมา ชิงสยงเลยถามต่ออยากไปโลกมนุษย์ไหม ทุกครั้งที่ข้ากลับมาเจ้ามักจะมาเกาะมาถามให้พาลงเขาไปคราวนี้เจ้าโตแล้วมีสิ่งใดให้กลัว วันถัดมาน้องก็ไปหาท่านพ่อบุญธรรมที่ตำหนักใหญ่ คือวังที่พังซ่อมเสร็จแล้วมากค่า กราบ เตี่ยก็นั่งอยู่บนบัลลังก์สีหน้าไม่แยแสอะไรเหมือนเคย พอเรียกเตี่ยคือน้องเรียกเบามากเสียงในลำคออะ แล้วฉงหมิงก็บอกข้าไม่ใช่พ่อเจ้า ก่อนจะเฉลยเรื่องพ่อที่แท้จริง เจ้าเคยถามว่าใครนั่งอยู่บนบัลลังก์นี้ (ย้ำว่าที่วังเย่าจินมีบัลลังก์สามที่) ตอนนี้ข้าก็ตอบเจ้าได้แล้ว พ่อของเจ้าชื่อข่งเซวียนเป็นเหมือนกับข้า ผู้ปกครองวังเย่าจิน ตอนข่งเซวียนตายหงจวิ้นถูกพามาที่นี่ตอนนี้ก็โตแล้วเจ้าควรกลับไปน้องบอกไม่มีที่ไป ˚‧º·(˚ ˃̣̣̥⌓˂̣̣̥ )‧º·˚ แอบเคืองท่านพ่อค่ะ อิคนอ่านนี่แหละเคืองทำเป็นตัดเยื่อใยแต่ปากอย่างใจอย่าง มันเขี้ยวเตี่ย! ชิงสยงรอจังหวะอยู่ก็เข้ามาสมทบแจ้งหงจวิ้นว่า เออ มีสามสิ่งจะให้ทำ ป๋าอ้างถึงเรื่องบุญคุณที่ฉงหมิงเลี้ยงมาสิบสองปีด้วยแหละน้องเลยยอมไปทำความปรารถนาของพ่อบุญธรรมให้สำเร็จ
ก่อนจะร่ายรายละเอียดให้ฟัง หงจวิ้นต้องเอาจดหมายฉบับนี้ (ของหน่วยปราบมารที่เล่าด้านบน เป็นหน่วยที่ตี๋เหรินเจี๋ยตั้ง) ไปที่ฉางอันแล้วรายงานตัวระหว่างนี้ค่อยสืบสวนสาเหตุที่แท้จริงของการตายของพ่อไปด้วยเรื่องสร้อยคอประดับจี้คริสตัล โบราณหน่อยก็ผลึกหิน ให้หาคนผู้หนึ่งชื่อว่าเฉินจื่ออั๋งไม่จำเป็นต้องบอกเขาว่านี่คืออะไรแค่เอาขึ้นมาแล้วทุบให้แตกก็พอ พอถึงเวลาล่ำลาก่อนเดินทางลงเขา เตี่ยฉงหมิงก็ยังเป็นฉงหมิงอ่อนลงให้แค่บางส่วนแสดงออกมาแต่ความกระด้าง หงจวิ้นกระเป๋าใบเล็กเดินลงไปตามทางที่คดเคี้ยวของภูเขาไท่หังช้า ๆ มีปิศาจปลาไนติดสอยห้อยตามมาเป็นเพื่อนถึงน้องจะไล่ให้กลับไปแต่ปิศาจปลาไนก็ไม่ยอมกลับหงจวิ้นไม่รู้แม้แต่ทางไปฉางอันด้วยซ้ำ ไหนจะเรื่องซื้อม้าเอย ทักทายมนุษย์เอย ล้างมือก่อนกิน หนาวก็ต้องใส่เสื้อเพิ่ม บลา ๆ จนน้องยอม สามวันล่วงเลย คนลงก็หาทางลง คนที่แอบดูอยู่บนวังก็ลุ้นใจแทบขาด สิบสองปีที่ผ่านมาถูกเลี้ยงอยู่แต่บนเขา ฉงหมิงกับชิงสยงมองน้องนั่งยองกินน้ำจากแอ่งธารผ่านสระน้ำที่เนรมิตเห็นทุกที่ที่อยู่เขตภูเขา ยังคงมันเขี้ยวฉงหมิงทำเป็นเมินน้องแต่ก็บ่นสี่แปดอะเนี่ยกินน้ำจากลำธารบอกให้ต้มก่อนเดี๋ยวก็ท้องเสีย บลา ๆ แล้วสองคนนี้ถกเถียงกันอีกแน้ว ป๋าชิงสยงเป็นคนนิ่ง ๆ อะแต่ปากนี่พูดทีก็มีจิกมีแซะฉงหมิงห่วงขนาดนั้นเจ้าก็ไปส่งเขาลงเขาสิทำนองนี้จนมีเปิดเวทีมวยย่อม ๆ อยู่บ่อย มองกลับมาที่ภาพอีกครั้งหงจวิ้นยืนอยู่ตรงทางแยกมองไปซ้ายทีขวาทีไปทางไหนดีว้าทั้งสองเตี่ยอือหือโพล่งออกมาขวา ขวา ขวา! ซักพักน้องกับปิศาจปลาไนก็ไปตามทางที่คาดทำเอาสองนกยักษ์แอบถอนหายใจโล่งอกก่อนจะหายไปเพราะผ่านพ้นเขตไท่หังซานแล้ว
ใช้เวลาไปเดือนหนึ่งจากภูเขาถึงฉางอัน แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงขอฉันเปรยก่อน ฮ่า ๆ ฉากนี้เป็นตอนกลางคืนมีภูตผีปิศาจเต็มไปหมดปิศาจปลาไนต้องคอยรั้งข่งหงจวิ้นไม่ให้ตามไปจัดการอยู่ตลอดเพราะใกล้จะถึงประตูเมืองแล้ว ระหว่างทางก็ป๊ะ เรียกว่าซวยหรือเปล่าไม่รู้เจอเข้ากับปลามังกรออกอาละวาดคร่าชีวิตคนเกิดการต่อสู่กันซักพัก ถูกน้องเล่นงานเลยดำดินหนีไปมาเรื่อย ๆ ไปถึงประตูเมืองฉางอัน
ทหารเฝ้ายามใส่หมวกงอบยืนงีบหลับหลบฝนอยู่ใต้ชายคาได้ยินเสียงดังอึกทึกจากนอกประตูเมืองก็ตื่นกันมาดูมีบางอย่างดำดิน (ใช้คำนี้แล้วนึกถึงขอมดำดิน..) มาใกล้พื้นดินแตกออกเหมือนแผ่นดินแยกปลามังกรเข้ามาในเมืองพวกทหารเห็นปิศาจตัวเป็นปลาหัวเป็นมังกรมีขาสี่ขากระโดดสูงถึงสิบฟุตก่อนที่มันจะดำหายไปในดินอีกรอบตามมาด้วยเสียงถีบอากาศหงจวิ้นตามปิศาจมาเหยียบชายคาที่โค้งขึ้นแบบจีน มองหาพอไม่เห็นเลยชะลอความเร็วโดดลงมาบนพื้น แล้วน้องที่ถูกเรียกว่าคนเรืองแสงก็ถูกล้อมให้จับตัวหาว่าก่อคดียามค่ำคืนน้องรับมือไม่ถูกจะฆ่ามนุษย์ก็ไม่ได้ เช่นเดียวกันกับทหารที่ไม่แสดงท่าทีมีเมตตา จังหวะจะเข้ามาจับกุมน้อง ก็ถูกแสงแห่งเทพดีดออกไป ลืมบอกคือพ่อแท้ ๆ น้องอะเป็นพวกเทพมาร เหนือกว่าปิศาจที่มีพลังขึ้นไปอีกเวลอะไม่รู้แปลไทยใช้คำนี้จะถูกมั้ยนะ (..) พยายามใช้คำที่ให้นึกออกง่ายสุดละ น้องเลยมีแสงเทวะที่ช่วยคุ้มครองเวลามีภัยร้ายเข้าใกล้ตัว หนักเลยทีนี้ถูกเข้าใจว่าเป็นภูตปิศาจ (ทีแรกกะจะถูกคุมตัวเพราะฉางอันมีเคอร์ฟิว) แม่ทัพคนหนึ่งก็ใช้กระบี่ซัดน้ำฝนพุ่งเข้ามาหาหงจวิ้น หงจวิ้นพยายามจะหนีแต่ก็ถูกกระบี่ของแม่ทัพคนนั้นบล็อคทางตลอด ถึงนายทหารจะไม่มีพลังวิเศษแต่ทักษะนับว่าเป็นเลิศ น้องบอกข้าไม่สู้กับเจ้าว้อยยก็คือจะหนีแต่พี่แกไม่ให้หนีแทงกระบี่สวนเข้ามา ไม่คาดคิดแสงแห่งเทพถูกทำลาย แสงที่เป็นเกราะป้องกันของน้องแตกเปรี๊ยะหงจวิ้นไม่คิดว่าอาวุธธรรมดาของมนุษย์จะสามารถทำลายมันได้ (แหงล่ะมันไม่ใช่ธรรมดา)
กระบี่ของแม่ทัพคนนั้นจ่อที่คอของน้องไม่รู้อิท่าไหนอะไปโดนเข้ากับจี้จนผลึกหินแตกออก ท่ามกลางฝนลมพายุเมืองฉางปรากฏอันลำแสงสีขาวม้วนตัวขึ้นผลักทั้งสองออกไปคนละทางจี้ผลึกหินหายไปแล้ว แสงที่ออกมาจากผลึกก็หายไป น้องหงจวิ้นนึกถึงคำที่ชิงสยงเคยบอกว่า ของสิ่งนี้เป็นคุน[1]เสินมอบให้กับชิงสยงเดิมทีต้องเป็นของบรรพบุรุษสกุลเฉินแต่ว่าสองร้อยปีก่อนมีเหตุนิดหน่อยถึงเวลาที่มันควรจะกลับสู่เจ้าของเดิมพอผลึกหินแตกมันจะเข้าร่างทันที น้องก็หันขวับไปมองแม่ทัพที่ว่า อีกฝ่ายสลบไปละ น้องก็ไปตบ ๆ เรียกแต่ไม่ตื่นเพราะแรงผลักเมื่อกี้ ช่วยไม่ได้ ต้องลากชายสูง
[1]คุนมาจากคุนเผิง คุนเป็นพญามัจฉาที่มีร่างใหญ่โตไม่รู้กี่พันลี้ ส่วนคุนเผิงคือปลาที่กลายเป็นนก แทรกความรู้นิดนึงในปรัชญาของจวงจื่อคุนเผิงมักเอาไว้ใช้เปรียบเปรย หมายถึง สามัญชนย่อมไม่เข้าใจความคิดของผู้ยิ่งใหญ่
เราพิมพ์เพลินมากค่ะมารู้ตัวอีกทีตอนเริ่มปวดนิ้ว เลยขอตัดฉับฉับเพียงเท่าเน้ ก็เป็นอีกเรื่องของคุณเฟยเทียนเย่เสียงที่น่าสนุกและชวนติดตาม ใครชื่นชอบแนวจีนโบราณแฟนตาซีมีสืบสวนประปรายมีภูตผีปีศาจจีนก็ขอแนะนำให้ลองอ่านเรื่องนี้
ต้องบอกว่าเนื้อหาบางส่วนของนิยายอิงจากประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ถังตัวละครบางตัวเป็นบุคคลที่มีชื่อจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์จีนจริงยกเว้นตัวละครหลักอย่างพระนายและบางส่วนที่แต่งขึ้นมีปมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางฝั่งวังหลวงหรือเรื่องฝั่งโลกภูตปิศาจมารเอาเป็นว่าฝั่งวังทางตัวละครมีหยางกุ้ยเฟย หยางกั๋วจงอันลู่ซานและเรื่องนี้มีเนื้อหาบางส่วนที่อิงกับประวัติศาสตร์จริงใครชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ก็คงพอเดาออกว่านอกจากความแฟนตาซีปราบปีศาจในเรื่องแล้วมันจะมีเรื่องกบฏเอยชิงบัลลังก์เอยปนมาด้วย กลิ่นอายความเป็นสมัยราชวงศ์ถังเพียบให้ความลึกลับน่าค้นหาคำตอบเพื่อคลี่คลายปมที่คุณนักเขียนป้อนมาให้
คนละแนวกับราชันแล้วก็ปราชญ์กู้ค่ะ แนวทางของเรื่องต่างกันหลายอย่างถึงจะมีชิงบัลลังก์เหมือนกันแต่สองเรื่องที่ว่าธีมเรื่องยังพอคลับคล้ายคลับคลากันอยู่บ้าง การเมือง สงคราม การชิงบัลลังก์ไม่ได้มีอภินิหารแสดงฤทธิ์เดชเหมือนพ่อหนุ่มชาวฉางอัน เรื่องนี้อยู่ในเซ็ตเดียวกันกะ 定海浮生录 แต่ส่วนตัวเราชอบเคมีพระนายแล้วก็อะไรหลาย ๆ อย่างของเรื่องนี้มากกว่า พึ่งนึกออก รู้สึกมันจะให้ฟีลลิโป้แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ลิโป้มีความแฟนตาซีมาเสริมโรงบ้างแต่ยังน้อยกว่าเทียนเป่าอยู่โข ให้ความบันเทิงอารมณ์ที่แตกต่างกัน
ความจริงจะเรียกยุทธภพเต็มปากก็ไม่ได้อะนะ มันออกไปทางโลกแฟนตาซีมากกว่า เปิดเรื่องมาที่นายเอกถูกเอามาเลี้ยงบนภูเขาแล้วก็ตามสเต็ปนิยายจีนมีเรื่องให้ต้องลงเขาไปเผชิญกับโลกกว้างปริศนาค่อย ๆ เพิ่มขึ้นพร้อมกับการดำเนินเรื่องที่เริ่มเข้าสู่ความสนุกเมื่อหน่วยปราบมารต้าถังมารวมตัวกันครบ ไม่ค่อยยืดเยื้อและพระเอกโผล่มาเร็วค่ะ ไม่ปักธงผิดคู่แน่นอน ฮา หมายถึงเล่มแรกน่ะ.. ช่วงหลังก็มีหย่อนบ้างตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง แล้วก็ข้อบกพร่องบางอย่างเราคิดว่าเป็นพวกการคำนวณช่วงเวลาในเรื่องอะ บางการตัดสินใจของตัวละครหลักแอบมีเอ๊ะหน่อยแต่ก็หยวน ๆ ได้ถ้าลองมาทบทวนถึงการกระทำที่ผ่านมา
ความสัมพันธ์ของพระนายอย่างหลี่จิ่งหลงกับข่งหงจวิ้นเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นจากคนแปลกหน้าคนหนึ่งทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ที่ฉางอันวันนั้นเป็นสมาชิกในหน่วยใต้บังคับบัญชาจนกระทั่งเปิดใจแลกเปลี่ยนความเชื่อใจให้กันและสานสัมพันธ์กลายเป็นความรักสำหรับเราคิดว่ามันค่อนข้างเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ธรรมชาติไม่รวดเร็วเกินไปจนน่าเกลียด
คุณพระเอกที่ดวงซวยบัดซบโชคร้ายตามติดไปทุกทุกที่มาเจอกับนายเอกที่เป็นตัวดูดโชคของคนที่อยู่รอบตัว คู่สร้างคู่สมสวรรค์อวยพรชัด ๆ (ประชด) นายเอกขี้แกล้งที่บางทีก็ไม่รู้ตัวว่าแกล้ง (เอ๊ะ) ส่วนพระเอกก็ไม่ค่อยทันไม่รู้ว่าถูกเขาแกล้งพอรู้ก็เขินหน้าดำหน้าแดง ด้วยความน่ารักน่าชังดื้อตาใสของหงจวิ้นก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หลี่เกอยอมตัดแขนเสื้อนี่เอง
คู่รองไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นยังไงดีตามที่เราแอบส่องมาแฟนจีนส่วนใหญ่จะหวีดคู่นี้เยอะพอควร อ้อ คู่รองคือโม่รื่อเกิน (เมะ) ลู่สวี่ (เคะ) จ้ะชื่อคู่คือหลางลู่หรือหมาป่ากวาง ไม่ใช่คู่มโนเสกปั้นแต่อย่างใดเพราะเขาบอกรักกันแล้ว อืม พูดเรื่องความสัมพันธ์ของหลางลู่เราคิดว่าแอบมี plot hole
เอาสึเคะบุของคุณมาวซู่คนวาดปกมาฝากค่ะ น่ารักมาก ๆ ภาพนี้คือคู่หลักค่ะหลี่หง
คือว่า.. มันมีเป็นอนิเมปล่อยพีวีแรกมาเมื่อปลายปีที่แล้วด้วยและเป็นสามดี พร้อมกับฉานชื่อผิ่นแล้วก็ประกาศลิขอนิเมะเทียนกวานซื่อฝู (เสริมนิดว่าเทียนกวานไม่ได้ปล่อยพีวีนะแค่มาประกาศแนวทางเราเคยทวีตไปละ ปีหน้านู่น) ความจริงเราก็ไม่มีปัญหากับสามดีเท่าไหร่แต่ใจก็ลำเอียงไปทางสองดีมากกว่า /ฉีกยิ้มแบบนางงาม เห็นว่าจะฉายช่วงธันวาปีนี้ก็ได้แต่ลุ้นค่ะว่ามันจะออกมาน่าดูหรือน่าด่า
天宝伏妖录
天宝十二年,不谙世事的英俊少年孔鸿俊,肩负三项重任离开太行山上的曜金宫,来到歌舞升平、锦绣繁华的长安。 孔鸿俊初入大唐驱魔司,顶头上司竟是不久前交过手的龙武军将领李景珑。而他竟然失手将陈氏心灯打碎,心
งืมมาถึงช่วงท้ายแล้วไม่รู้จะพูดจบยังไงเอาเป็นว่าขอบคุณที่อ่านเราพล่ามมาถึงจุดนี้ค่ะ บะบาย พิมพ์เก็บไว้ยังไม่ได้เช็คคำเดี๋ยวกลับมาดูอีกที
ทั้งนี้รีวิวอันนี้ก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นจากรสนิยมการอ่านส่วนบุคคลเท่านั้น สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งประกอบกับการตัดสินใจได้แต่ไม่สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานได้ทั้งหมด ถ้ามีพิมพ์ผิดหรือยังไงต้องขออภัยด้วยค่ะ รูปประกอบทั้งหมดของเรื่องมาจากออฟฟิเชียลเรดิโอดราม่านะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in