เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ทริปหนีตายจากไทยสู่ออสanonymous
และแล้วก็ถึงวันที่ลอยคอสู่แดนจิงโจ้
  • เอาจริง ก็กราบใจคนเขียนบล็อกสมัย exteen นะ
    เค้าคลอดคอนเท้นสม่ำเสมอมาก 
    ตัดภาพมาที่เรา ศูนย์ค่ะ มาถึงจนโรงเรียนใกล้เปิด 
    อิชั้นยังอัพบทความไม่ถึงแดนจิงโจ้สักที เป็นคนอ่านนี่มันสบายกว่าจริงงงงงง 

    แต่ก็นั่นแหละ กลัวลืมประสบการณ์วายป่วงของตัวเองทั้งหมด 
    ก็เลยต้องอัพเดทสักหน่อย 

    จากที่คราวก่อนเอเจ้นทำเรื่องรีฟันด์เงิน สมัครโรงเรียนใหม่ 
    ซึ่งตอนสมัครก็ไม่คิดว่าอีโรงเรียนนี้มันจะฮอตฮิตเบอร์แรง เด็กไทยรวมใจกันสมัครจนแบบเห้ย 
    ทำไมคนมันเยอะจังวะ แต่ก็ทำไรไม่ได้ละ ช่างมัน 5555 
    เราก็ขอรวบรัดตัดตอนมาตอนที่ก่อนบินเลยแล้วกัน

    หลังจากวีซ่าผ่าน เราก็แพลนไว้ละว่าจะบินวันที่ 26 ก.พ.
    (ซึ่งวีซ่าผ่านประมาณ 11 ก.พ.) ซึ่งถือว่าไวมากในการเตรียมตัวทุกสิ่ง
    ละอิโควิดโคใจตัวดีก็ทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้นไปอีก 
    เอกสารล้านแปด แถมต้องทำบัตรที่ไปใช้ต่างประเทศ 
    อันนี้ขอเตือนว่าให้ทำเนิ่น ๆ 
    ทางนี้เยี่ยวเหนียวมาแล้ว ทำก่อนหนึ่งสัปดาห์นึกว่าจะได้แบบบัตร atm 

    ไม่จ้าาาา
    รอไปค่ะ 7 วันทำการ โทรหาปษณ.แถวบ้านทุกวัน 
    จนได้วันศุกร์ บินวันเสาร์ โอ้ยยยยย เคียดหัวแทบแตก
    สุดท้ายก็ได้ฤกษ์ขึ้นเครื่อง (สักที) เราก็เลือกสายการบินคู่ใจคู่ฟ้าสีม่วง
    บินตรงไปที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย
    กะเที่ยวสักสองสามวัน นอนโฮสเทลราคาไม่แพง 
    แล้วค่อยบินต่อไปที่บริสเบน อุ้ย เพอร์เฟค 
    แค่คิดก็เริ่ดแล้วมันต้องปังสิวะ 

    แต่นี่เป็นใครรรรร ชั้นเองชั้นไงงงงง 
    นอกจากที่ได้เจอเพื่อนสมัยมช.ที่ซิ่วไปตั้งแต่ปีหนึ่งก่อนบิน 
    กรี๊ดกร๊าดหอมปากหอมคอ 
    พอเห็นที่นั่งก็เหมือนโดนหยุมหัวลากมาลงนรก 

    ขออธิบายคร่าว ๆ ดังนี้ 
    ท่ามกลางโรคระบาด Covid-19 ที่สายการบินตัดสินใจเว้นระยะห่างผู้โดยสาร 
    โดยให้นั่งที่นึง เว้นที่นึง 
    ชั้นก็เลือกติดหน้าต่าง อยากเห็นวิว 
    ก็นั่งเล่นโทรศัพท์จนเห็นผู้โดยสารคนนึง มานั่งใกล้ๆ

    เหี้ยละ 
    แม่ลูกอ่อน ลูกอ่อนไม่ว่า แม่ลูกสาม ....
    อีเหี้ยเอ๊ยย อะไรกันครับเนี่ย 
    คิดในใจสะระตะ
    ตลอดการบินของชั้นจะต้องเจอเด็กเหรอวะ 
    ทำไมชั้นไม่ทำบุญให้มากกว่านี้ 
    หญิงสาวคนนั้นมีลูกคาอกหนึ่งคน 
    ลูกผู้หญิงที่ท่าทางรู้เรื่องโดนพ่อไล่ไปนั่งที่ตัวเอง 
    แต่ลูกชายอีกคนไม่ยอม อยากนั่งกับแม่ 

    สภาพเบาะสามที่นั่งที่สายการบินอุตส่าห์เว้นไว้ให้ social distancing พัง 
    นั่งไปเลยค่ะ สี่ชีวิตรวมชั้น 
    อยากจะร้องไห้ แย่มาก
    อีน้องคาอกก็ร้องไม่หยุด อีเด็กข้าง ๆ ก็ถีบเบาะ ยืนบ้างเต้นบ้าง

    วดฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
    รอบนี้ไม่ไหวของจริงว่ะ
    ส่วนตัวที่บ้านมีเด็ก เข้าใจว่าเด็กร้องมันเป็นเรื่องเหนือการควบคุม
    แต่ไฟลท์บินยาวขนาดนี้ 
    เราก็ต้องเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ขี้เยี่ยว
    ลุกทีนึง แม่เค้าก็ต้องหอบลูก หอมสัมภาระให้ทีนึง 
    เด็กแม่งก็ตื่น ร้องอีก 
    ทั้งลำก็คงมองแบบ อีสาวไทยผมสั้น มึงหยุดลุกได้มั้ย 
    เด็กมันร้องตลอดทางแล้วโว้ย 

    จนสุดท้ายก็ไม่ไหว อึดอัดด้วย 
    เป็นคนกระเพาะปัสสาวะสั้น ฉี่บ่อย 
    เลยขอแอร์ย้ายที่นั่งไปที่อื่น บอกเค้าว่าน้องมันร้องเพราะเราลุกทุกรอบ
    แอร์เค้าก็คงเห็นใจ เลยหาที่นั่งให้ย้าย 
    จัดไปแถวกลาง มึงจะเดินจะเหินอะไรก็สะดวก 

    ชั้นก็โอเคคคคค เดินไปเก็บสัมภาระ 
    พร้อมบอกหญิงสาวแม่ลูกอ่อนด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น
    ว่าชั้นจะย้ายที่นั่งนะยูวววว ไม่ต้องซีเรียส 
    เค้าช่วยชั้นขนของมาที่นั่งที่ใหม่เลยอ่ะ 
    แถมคุณพ่อยังบอก thank you so much 
    ก็ถือว่าสร้างความสบายใจต่อทุกฝ่าย โอเคคคค 
    หลังจากนี้คงไม่มีไรแร้ววววว สาธุ 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in