ชาร์ลส์ลืมตาตื่นตอนหกโมงเช้าพอดีเป๊ะด้วยเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือ
ชายหนุ่มสบถงึมงำ มือเรียวควานหาเจ้าเครื่องอิเลคทรอนิกส์ที่ส่งเสียงได้หนวกหูเกินตัวแล้วกดให้ปิด ปกติเขาต้องตื่นเช้าเพื่อจะได้เตรียมตัวออกไปตระเวนหางาน…เพียงแต่วันนี้มันไม่จำเป็นแล้ว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ชาร์ลส์ก็ตื่นเต็มตา…เขาพยายามทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเพื่อยืนยันกับตัวเองว่ามันเป็นเรื่องจริง ทุกสิ่งยังฟังดูเหมือนเรื่องล้อเล่น…แม้ว่าตอนนี้ การที่เขาอยู่ในห้องนอนเล็กจิ๋วของบ้านของผู้ชายที่เขาเพิ่งเจอเมื่อคืนจะเป็นข้อยืนยันความจริงที่ดียิ่งกว่าอะไรก็ตาม
หลังจากที่ฟังข้อเสนออันแสนจะพิลึกกึกกือของอีริค…ชาร์ลส์ก็ตัดสินใจจะตอบตกลงแบบมึนๆ แล้วก็ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คันงามมาที่บ้านของอีกฝ่าย แอลกอฮอล์ในเส้นเลือดผสมกับความง่วงกล่อมให้เขาแทบอยากหลับไปให้รู้แล้วรู้รอดจนไม่สนใจฟังชายหนุ่มอีกคนบอกว่าตรงไหนคือที่นอนของเขา…สุดท้าย อีริคจึงต้องเป็นคนลากเขามาวางแปะที่เตียงให้ถึงที่ และชาร์ลส์ก็หลับฟี้ทันทีที่หัวสัมผัสความนุ่มของหมอน
หากตอนนี้…เมื่อสติกลับมาแล้ว ชาร์ลส์เริ่มอยากกุมขมับกับการตัดสินใจบ้าบอครั้งนี้ของตน…เริ่มต้นเทศนาตัวเองในใจตั้งแต่กฎการดูแลตัวเองขั้นต้นว่าอย่าดื่มมาราธอนไปจนถึงอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า ก่อนจะมองสำรวจไปรอบห้อง…กระเป๋าเป้ของเขาโดนวางไว้ที่ปลายเตียง ผนังสีฟ้ามีจุดสีล่อนประปรายและเครื่องเรือนก็มีน้อยชิ้น แต่นอกเหนือจากนั้นทุกอย่างก็ดูสะอาดเรียบร้อยดี
อย่างน้อยก็ขอบคุณพระเจ้าที่เขาไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาในตรอกที่ไหนสักที่พร้อมข้าวของหายไปหมดแล้วกันล่ะนะ
ชาร์ลส์คิดอย่างโล่งใจ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วค่อยๆ เดินอย่างออมฝีเท้าไปนอกห้อง…ทั้งบ้านเงียบกริบเหมือนไม่มีคน ชายหนุ่มจัดการเดาทางจนหาห้องน้ำเจอได้เอง…และหลังจากที่ได้อาบน้ำฝักบัวอุ่นๆ ชาร์ลส์ก็รู้สึกว่าสติของตนกลับมาเต็มร้อย
ด้วยความที่ตัวบ้านนั้นเล็กจนเรียกได้ว่าแคบ…ชาร์ลส์จึงหาบันไดเจออย่างง่ายดาย และในไม่กี่ก้าว เขาก็พบห้องครัวที่เป็นห้องทานอาหารในตัว…แม้ว่าทุกอย่างจะถูกจัดวางไว้อย่างแออัดแต่ก็ดูสะอาดดี ชายหนุ่มเปิดตู้นั้นตู้นี่ดูก่อนจะถอนหายใจอย่างตัดสินใจได้
เอาน่า…ถึงจะเป็นงานที่ฟังดูบ้าบอยังไง แต่เขาก็รับปากจะทำแล้วนี่นา
*****
การตื่นเช้าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับฌอน…และวันนี้ก็เป็นวันที่เรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักเกิดขึ้น
เด็กชายฝันว่ามีเสียงหม้อกระทะกระทบกันดังมาจากใต้เตียง…ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาตื่นแล้วค้นพบว่ามันไม่ใช่ความฝัน มีเสียงที่ว่าดังมาจากชั้นล่างจริงๆ…ร่างเล็กจึงค่อยๆ เดินลงไปชั้นล่างอย่างงัวเงีย นึกสงสัยว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น…ผู้ใหญ่คนเดียวในบ้านจึงได้มีใจจะมาทำอาหาร
หากเมื่อมาถึงห้องครัว ความงัวเงียทั้งปวงก็หายวับไปทันที…แผ่นหลังของคนที่กำลังยืนทำอาหารอยู่ไม่ใช่ผู้ปกครองของเขา และฌอนก็ไม่คุ้นตาสักนิดว่านี่จะเป็นคนรู้จักคนใดของครอบครัวด้วย เด็กน้อยอาศัยความที่ร่างเพรียวนั้นยังไม่รู้สึกตัวรีบวิ่งขึ้นกลับไปที่ห้องนอนทันที
ฌอนผลักประตูเปิดโดยไม่สนใจจะปิดมันแล้วกระโจนขึ้นไปบนเตียงขนาดใหญ่ที่พี่และน้องชายของเขานอนรวมกันอยู่…มือเล็กป้อมเขย่าร่างเด็กชายผมทองที่หลับอยู่เป็นระวิงพลางกระซิบร้อนรน
“อเล็กซ์! อเล็กซ์! ตื่นเร็วอเล็กซ์!”
“โอย…เงียบน่าฌอน นาฬิกายังไม่ดังเลย” เจ้าของชื่อว่าเสียงหงุดหงิดแล้วขยับหนีโดยไม่ลืมตา
“ปัดโธ่! นี่มันเรื่องใหญ่นะ!! ตื่นสิอเล็กซ์!” ฌอนไม่ยอมแพ้ ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมาย “แฮงค์! ตื่น!! พี่ชายสั่งให้ตื่นไง!!”
“อะ…อะไรกัน…เล่า…” เด็กชายผมน้ำตาลขยี้ตาอย่างงัวเงีย ก่อนจะเอามือปัดป้องเมื่อคนปลุกพยายามยัดแว่นสายตาใส่ให้ “หยุด…หยุดสิ ฉันใส่เองได้”
ความวุ่นวายที่เด็กชายผมแดงก่อขึ้นทำให้ทั้งห้องตื่นกันหมด…แม้แต่เด็กหญิงตัวน้อยที่นอนในเตียงคอกก็ยังลุกขึ้นมาร่วมส่งเสียงวี้ดๆ อย่างสนุกสนานทั้งที่ไม่เข้าใจ นั่นจึงทำให้แฮงค์ต้องรีบลุกไปอุ้มน้องสาวคนเล็กของบ้านมากอดเพื่อให้เจ้าตัวสงบลง
“โธ่เว้ย!!” ในที่สุดอเล็กซ์ก็ต้องยอมแพ้ ร่างสูงเกินเด็กวัยเดียวกันยอมลุกขึ้นมานั่ง นัยน์ตาสีฟ้าเข้มตวัดมองอย่างหงุดหงิด “มีอะไรนักหนาแต่เช้าเลยหาฌอน?!”
เด็กน้อยผมแดงไม่สนใจความไม่พอใจในน้ำเสียงเพราะมีเรื่องที่ทำให้เครียดมากกว่า “มีใครก็ไมรู้อยู่ในห้องครัวล่ะอเล็กซ์!”
ประโยคจากคนเป็นน้องทำให้คนฟังคลายความโมโหลง “นายแน่ใจนะ?”
เจ้าของคำให้การพยักหน้าเร็วยิก แฮงค์กระชับร่างน้องสาวในอ้อมแขนพร้อมถอนหายใจอย่างวิตก เหลือบมองพี่ชายคนโต…อเล็กซ์นิ่งคิดสักพักก่อนจะพูดเสียงเบา
“เอางี้ เราลงไปดูพร้อมกันให้หมดนี่แหละ…ถ้ามีอะไรให้ร้องดังๆ แล้ววิ่งออกไปเรียกคนเลยโอเคมั้ย?”
น้องชายทั้งสองพยักหน้ารับคำ…ก่อนที่จะเริ่มต้นเดินขบวนกันออกไปจากห้องนอนโดยมีอเล็กซ์นำหน้าแถว
*****
เสียงพูดคุยแผ่วเบาที่ดังลอยมาทำให้ชาร์ลส์ชะงักงานในมือ
“โอ๊ย! อย่าดันสิฌอน!”
“โทษทีอเล็กซ์ ฉันไม่รู้นี่นา!”
“เบาๆ สิทั้งสองคน เดี๋ยวเขาก็รู้ตัวหรอก…โอ๋ๆ ไม่มีอะไรนะเรเวน…”
ร่างเพรียวหันไปทางต้นเสียง…ก่อนจะพบว่าที่ตรงประตูครัวมีร่างเล็กๆ ในชุดนอนของเด็กชายสามคนยืนเบียดแอบอยู่ หนึ่งในนั้นกำลังอุ้มเด็กหญิงเอาไว้ ทั้งสามกำลังทุ่มเถียงกันโดยไม่รู้ว่าเป้าหมายของพวกตนนั้นรู้ตัวเรียบร้อยแล้ว
ชาร์ลส์มองภาพที่ทั้งตลกและน่าเอ็นดูตรงหน้าแล้วนึกอยากหัวเราะก่อนมา…ก่อนจะทักยิ้มๆ
“อรุณสวัสดิ์”
ทั้งสามสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบหันมาโดยพร้อมเพรียง…ความหวาดระแวงไม่ไว้ใจระบายบนดวงหน้าเล็กๆ ของทุกคน ก่อนที่เด็กชายผมทองที่ตัวสูงที่สุดจะถามด้วยเสียงที่ฟังรู้ว่าดัดให้แข็งกร้าว
“คุณเป็นใครน่ะ? มาอยู่ในบ้านเราได้ยังไง?”
“ฉันเป็น…เอ่อ…” ชาร์ลส์ไม่ได้คิดมาก่อนว่าเด็กวัยนี้จะพูดจาเฉียบขาดแบบนี้ได้…และคิดดีๆ เขาก็ยังไม่ค่อยแน่ใจด้วยว่าตัวเองมีหน้าที่ต้องทำอะไรกันแน่ “…เป็นคนดูแลพวกเธอ…ล่ะมั้ง…”
“ตกลงว่าเป็นหรือไม่เป็นล่ะ?!” หนูน้อยผมแดงแทรกขึ้นมาด้วยเสียงจับผิด
ชาร์ลส์รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในฉากของหนังไซไฟที่มีเอเลี่ยนตัวเล็กๆ หน้าตาไม่น่ากลัวพยายามจะขู่และสอบปากคำเขาอยู่ “เป็นสิ…อีริคเสนองานนี้ให้ฉันเอง”
การระบุชื่อของชายหนุ่มผมน้ำตาลได้ผล…เด็กชายทั้งสามหันไปซุบซิบกันสักพัก ก่อนเด็กชายผมทองที่ดูเหมือนจะเป็นพี่คนโตจะหันมาพูดเสียงเคร่งๆ
“ถ้าจะมีคนมาดูแลพวกเรา…พวกเราก็ต้องมีสิทธิ์ในการเลือกด้วยว่าเป็นใคร” ดวงตาสีฟ้าเข้มเหลือบมองไปยังเตาที่มีหม้อกระทะวางอยู่และโต๊ะอาหารที่จัดไปได้ครึ่งนึง “…เราจะตัดสินใจว่าคุณจะได้อยู่หรือไปจากอาหารเช้ามื้อนี้ละกัน ตั้งใจเข้าล่ะ”
เมื่อประกาศจบ…หนูน้อยทั้งสาม (พร้อมกับอีกหนึ่งคนที่โดนอุ้มอยู่) ก็ล่าถอยออกไป ชาร์ลส์มองตามจนเสียงบันไดเอี๊ยดอ๊าดแว่วหายแล้วกระพริบตาปริบๆอย่างงงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น…มึนกับความจริงที่ว่าเขาเพิ่งตกเป็นเหยื่อการข่มขู่ของแก็งค์เด็กประถม
ให้ตายเถอะ…แน่ใจเหรอว่าเด็กพวกนี้ต้องการการดูแลน่ะ?
*****
ในเวลาไม่นาน…เด็กทุกคนก็กลับเข้ามาที่ห้องครัวอีกครั้งในชุดเรียบร้อย ชาร์ลส์พยายามยื่นไมตรีด้วยรอยยิ้มและคำพูดต้อนรับ
“ฉันกำลังจะขึ้นไปเรียกอยู่เลย…รีบทานตอนมันร้อนๆ เถอะ”
เด็กชายทั้งสามมองภาพแพนเค้กสีทองอร่ามเป็นตั้งและเบคอนที่เกรียมนิดๆ ในจานด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง…อาหารตรงหน้าเป็นแค่ของง่ายๆ ก็จริง แต่ว่าพวกเขาทั้งสามไม่เคยมีคนทำให้กินมานานแล้ว เพราะฉะนั้น…เมื่อเทียบกับซีเรียลกับนมที่ทานกันซ้ำๆ ซากๆ อยู่ทุกเช้า อาหารตรงหน้าจึงเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์เลยทีเดียว
ชาร์ลส์แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเด็กชายทั้งสามรีบวิ่งกันไปหยิบจานมาตักอาหาร…ภาพที่เห็นตอนนี้พอจะทำให้เขาเชื่อแล้วว่าอาหารเช้าของเขาน่าจะผ่านการทดสอบ นัยน์ตาสีแซฟไฟร์เลื่อนไปเจอร่างเล็กกระจ้อยของเด็กหญิงผมทองที่เพิ่งเดินเตาะแตะเข้ามาถึง…ชายหนุ่มขยับยิ้มบางๆ ออกมาอย่างเอ็นดูแล้วก้าวไปอุ้มหนูน้อยไว้ในอ้อมแขน
ท่าทางแม่หนูจะชินแล้วกับการโดนอุ้ม…กริยาตอบสนองจึงเป็นเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ และนั่นยิ่งทำให้ชาร์ลส์ยิ้มกว้างขึ้น
“อยากทานอะไรครับ?” เสียงนุ่มถาม ใช้มือเลื่อนเก้าอี้เด็กตัวสูงออกแล้ววางร่างเล็กลงไปนั่ง
“เอาแพน…แพน…” หนูน้อยชี้นิ้วเล็กๆ ไปที่อาหารที่ตนต้องการ ชาร์ลส์จึงหยิบแพนเค้กวางลงในจาน จัดการราดน้ำผึ้งแล้วตัดเป็นชิ้นพอดีคำให้
“ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงกล่าวก่อนจะเริ่มจิ้มแพนเค้ก “…หย่อย…หย่อย”
ชาร์ลส์หัวเราะเบาๆ พลางลูบเส้นผมสีทองนุ่มมือเล่น สายตาเหลือบไปมองเด็กชายทั้งสามคนที่กำลังทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย…เพิ่งสังเกตว่าทั้งสามคนหน้าตาไม่คล้ายกันหรือคล้ายอีริคเลย นั่นจึงทำให้เขาเริ่มเข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีวี่แววว่าจะมีแม่ของเด็กพวกนี้อยู่ในบ้าน
“สรุปว่า…อีริคให้คุณมาเป็นคนดูแลพวกเราสินะครับ?” หลังจากที่ได้กินของอร่อย…กำแพงที่อเล็กซ์ตั้งไว้กับชายหนุ่มแปลกหน้าก็ดูจะถล่มหายไปเยอะ เด็กชายเป็นฝ่ายชวนคุยเสียเองด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“อะ อืม! ใช่แล้วล่ะ” ชาร์ลส์สะดุดใจเล็กน้อยกับการที่เด็กชายเรียกชื่อต้นของผู้ปกครอง “อีริคบอกฉันมาอย่างนั้นน่ะ…เอ่อ…”
“ผมอเล็กซ์…อเล็กซ์ ซัมเมอร์” เด็กชายผมทองแนะนำตัว และนั่นทำให้เด็กหญิงคนเดียวในกลุ่มรีบเงยหน้าขึ้นมาจากจานแพนเค้กแล้วแย่งพูด
“เรเวนชื่อเรเวนค่ะ…” มือเล็กโบกหยอยๆ แล้วชี้ไปที่เด็กชายอีกสองคน “นั่นพี่ฌอน…นั่นพี่แฮงค์”
ชาร์ลส์ยิ้มกับการกระทำน่ารักๆ นี้ “ฉันชาร์ลส์นะ…ชาร์ลส์ เซเวียร์”
เด็กชายทั้งสองแนะนำตัวซ้ำอีกรอบ และชาร์ลส์ก็รู้สึกสะดุดใจอีกครั้งกับนามสกุลที่ไม่ซ้ำกันเลยของเด็กทุกคน
“เอ่อ…แล้วอีริคนี่เขาชื่อเต็มว่าอะไรเหรอ?” ชายหนุ่มถามเบาๆ…เพิ่งตระหนักว่าเขาไม่รู้แม้แต่นามสกุลของคนที่จ้างตนมาด้วยซ้ำ
“เลนเชอร์ฮะ…อีริค เลนเชอร์” แฮงค์ตอบให้ รับรู้ได้ถึงความสงสัยในแววตาของคนถาม “อีริครับพวกเรามาเลี้ยงฮะ…พวกเราเป็นพี่น้องกันตามกฎหมายน่ะฮะ”
“อ๋อ…อย่างนี้นี่เอง” ชาร์ลส์พยักหน้า…ขอบคุณที่ตัวเองไม่ต้องเป็นคนเอ่ยถามคำถามชวนให้อึดอัดใจออกไป ก่อนจะถามเรื่องที่เขาติดใจอีกเรื่องด้วยเสียงระมัดระวัง “เพราะงี้หรือเปล่า พวกเธอถึง…เอ่อ…เรียกอีริคด้วยชื่อน่ะ?”
“ไม่ใช่ฮะ” ฌอนตอบสบายๆ “คือเอาเข้าจริง…เราไม่ค่อยได้คุยกับอีริคเท่าไหร่หรอกฮะ เขาชอบไปทำงานแต่เช้าแล้วก็กลับดึกๆ…ต่อให้อยู่บ้านก็ต่างคนต่างอยู่ด้วย เราจะเรียกเขาว่าอะไรเขาก็คงไม่รู้หรอกฮะ”
ชาร์ลส์อึ้งไปกับการที่เด็กน้อยพูดเรื่องแบบนี้ออกมาด้วยท่าทางไม่เดือดร้อนใจ…เริ่มคิดว่าท่าทางงานนี้คงไม่ใช่การดูแลเด็กแค่ในแง่ของการทำอาหารเสียแล้ว เขาพยายามรวมความคิดให้เป็นปกติแล้วพูดสอนเสียงอ่อน
“ฉันคิดว่าพวกเธอไม่ควรเรียกอีริคด้วยชื่อเฉยๆ นะ…ถึงพวกเธอจะโดนรับมาเลี้ยง แต่ยังไงเขาก็ได้ชื่อเป็นพ่อของพวกเธอนะ”
เด็กน้อยทุกคนมองชาร์ลส์ตาแป๋ว ก่อนจะพยักหน้ารับคำ “ก็ได้ฮะ เราเรียกอีริคว่าแด็ดก็ได้”
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วยิ้มโดยพยายามซ่อนความล้าในใจเองไว้ ก่อนจะถามว่ามีใครอยากดื่มโกโก้บ้าง…หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อมือเล็กๆ สี่ข้างชูพรึ่บขึ้นพร้อมกัน
เมื่อเขาวางแก้วใส่โกโก้ควันกรุ่นสี่ใบลงบนโต๊ะ…ชาร์ลส์ก็พบว่าแฮงค์กำลังมองเขาอย่างครุ่นคิด ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเอ่ยถาม
“มีอะไรรึเปล่าแฮงค์?”
“เอ่อ…ผมแค่สงสัยว่าเราต้องเรียกคุณว่าอะไรน่ะฮะ” เด็กน้อยผมน้ำตาลถามด้วยเสียงระมัดระวังแผ่วเบา
“แค่ชาร์ลส์ก็ได้” ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยน…แต่ก็ยังไม่อาจลบสีหน้าระมัดระวังปนเครียดนิดๆ จากวงหน้าเล็กๆ นั้นได้
“คือมันไม่เป็นไรจริงๆ ฮะ…เราเรียกคุณว่าแด็ดด้วยก็ได้” แฮงค์พูดต่อด้วยความจริงใจ “พวกเราเข้าใจคุณกับอีริค…เอ่อ…แด็ดฮะ แล้วก็ไม่ได้รังเกียจด้วย อันที่จริง…พวกเราทุกคนสนับสนุนสิทธิมนุษยชนของคนที่ชอบเพศเดียวกันอยู่แล้วด้วยฮะ…”
“เอ่อ…แป็บนะแฮงค์ ฉันกับอีริคทำไมนะ?” ชาร์ลส์โบกมือขอเวลานอกพั่บๆ…เรื่องที่เด็กชายพูดอยู่ฟังดูแปลกๆ และเขาก็พยายามจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่เขาเข้าใจ “เธอ…พูดถึงอะไรอยู่น่ะ?”
“ก็โฮโมเซ็กชวลลิตี้…คู่รักเพศเดียวกัน…การแต่งงานระหว่างผู้ชายกับผู้ชายไงฮะ” เด็กน้อยเอ่ยศัพท์วิชาการออกมาเป็นชุดด้วยน้ำเสียงเข้าอกเข้าใจ “ผมไม่ว่าอะไรเลยฮะ มันเป็นความรักอีกรูปแบบนึง…ดีนะฮะที่ตอนนี้นิวยอร์กอนุญาตแล้ว..”
“หยุดๆๆๆ !!!” ชาร์ลส์รีบเบรกเด็กชายไว้ทันที หน้าขาวแดงวาบกับสิ่งที่ได้ฟัง…ในหัวมึนด้วยความสงสัยว่าเด็กประถมสมัยนี้สามารถพูดอะไรที่มันแอดวานซ์ขนาดนี้ได้กันแล้วหรือ “ฉันกับอีริค เราไม่ได้เป็น…เอ่อ เธอเรียกว่าไงนะ คู่รักใช่มั้ย?…เราไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นกันนะแฮงค์ โอเคมั้ย? อีริคจ้างฉันมาเฉยๆ…แค่นั้นแหละ”
“อ้าว…ไม่ใช่หรอกเหรอฮะ” ฌอนอุทานออกมาด้วยเสียงผิดหวัง “แสดงว่าผมเดาผิดเหมือนกันสิเนี่ย…แย่อ่ะ ถ้าคุณเป็นแฟนกับแด็ด เราคงมีของอร่อยๆ ยังงี้กินทุกวัน…น่าเสียดายชะมัด”
“ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับอีริค…แต่ฉันจะเป็นคนดูแลพวกเธอแล้วก็ทำอาหาร โอเคมั้ย?” ชาร์ลส์อธิบาย…หวังว่ามันจะชัดเจนพอ เด็กชายทั้งสามพยักหน้าหงึกๆ แม้จะมีสีหน้าผิดหวัง…หากไม่ใช่กับหนูน้อยคนเล็ก
“แด็ดอีริค…มี๊ชาร์ลส์…เรเวนชอบ” เด็กหญิงหัวเราะพร้อมขย่มตัวอย่างสนุกสนานบนเก้าอี้เด็ก “แด็ดอีริคกับมี๊ชาร์ลส์…แด็ดอีริคกับ…”
“ไม่ใช่นะครับเรเวน!” ชาร์ลส์อุทานเสียงหลง มือเรียวโบกพั่บๆ ตรงหน้าเด็กหญิง “ไม่ใช่ครับ…อย่าจำอะไรผิดๆ อย่างนั้นนะ”
“ไม่มีประโยชน์หรอกครับ” อเล็กซ์ยักไหล่ “ถ้าพูดออกมาหลายรอบแบบนี้แสดงคงจะชอบใจน่าดู…รับรองเรเวนไม่ลืมหรอกครับ”
ชาร์ลส์รู้สึกเหมือนฟ้าถล่มดังครืนใส่เขา…หากเด็กชายทั้งสามไม่ได้สนใจกับออร่าหม่นมัวที่ทะมึนรอบตัวชายหนุ่ม
“โอ๊ะ! จะสายแล้วนะเนี่ย” พี่ชายคนโตอุทานเมื่อเหลือบมองนาฬิกา “ไปกันเร็วฌอน แฮงค์”
ร่างเล็กทั้งสามรีบวางจานอาหารของตนลงในอ่างล้างก่อนจะคว้ากระเป๋ามาสะพาย บอกลาสมาชิกใหม่ของบ้าน…ก่อนที่ประตูหน้าจะถูกปิดลงด้วยฝีมือของแฮงค์ที่กำชับให้ชายหนุ่มพาเรเวนไปส่งที่โรงเรียนอนุบาลด้วย
ชาร์ลส์มองไปรอบตัว…โต๊ะอาหารว่างเปล่า อ่างล้านจานที่มีจานวางรอล้าง และเด็กหญิงตัวน้อยที่ยิ้มร่าให้พร้อมเรียกเขาด้วยชื่อที่เจ้าตัวดูจะชอบนักหนา
“มี๊ชาร์ลส์…โรงเรียนค่ะ” แม่หนูสื่อสารเป็นคำๆ ที่เขาเข้าใจได้ “เร็วสิคะมี๊ชาร์ลส์…สายไม่ดีนะ เรเวนรู้”
เจ้าของชื่อพยักหน้ารับล้าๆ…สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้รู้สึกว่าพลังชีวิตโดนลิดรอนไปหลายขุม เขาตกเป็นเหยื่อของแก็งค์เด็กประถม ก่อนจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกชอบเพศเดียวกัน และตอนนี้ก็มีสถานะเป็นหม่ามี๊ไปแล้วเสียด้วย
ให้ตายเถอะ…เขาเป็นอลิซที่ตกลงมาในโพรงกระต่ายที่มีชื่อว่า ‘งานดูแลลูกๆ ของอีริค เลนเชอร์’ ชัดๆ!
tbc.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in