มาช่าเธอเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่เข้ามาอยู่ในดินแดนที่ชื่อว่า "กะลานีเซีย" ซึ่งเธอมักจะถูกคนอื่นๆ นั้นมองเธอในทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะเธอไม่สวมกะลาครอบบนศรีษะของเธอ
อยู่มาวันหนึ่ง เะอได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง ผมยาวสีดำกลีบ คาดผมโบว์สีดำ ดวงตาเรียวสีดำเหมือนหินอ๊อบซิเดียน ตัดกับสีผิวของเธอเป็นสีขาวซีดราวหิมะ และริมฝีปากสีแดงอมชมพู เธอสวมเสื้อเซิ้ตปกเหลี่ยมสีขาวที่ทับด้วยเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวสีดำ ลายรูปเป้ดสีเหลืองและเส้นสีขาว 3 เส้น ท่อนล่างเธอสวมกระโปรงพลีทยาวถึงเหนือหัวข้อเท้าและสวมรองเท้าผ้าใบสีดำ เธอคนนั้นส่งยิ้มให้กับมาช่า ทำให้มาช่ารู้สึกเขินกับเธอเล็กน้อย
"เธอเป็นนักสึกษาใหม่หรือนักศึกษาแลกดปลื่ยนเหรอ" มาช่าถาม
"ใช่ ฉันเป็นนักศึกษาใหม่ และฉันเพิ่งเข้ามาใหม่ด้วย" เธอตอบมาช่า
"ฉันชื่อมาช่า แล้วเธอล่ะชื่ออะไร" มาช่าถามหญิงสาวคนนั้น
"ฉันชื่อแววดาว" แววดาวตอบมาช่า
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ แววดาว"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ มาช่า"
และแล้วทั้งคู่ก็ได้สนิทกัน แต่ในขณะนั้นเอง มาช่ารู้สึกสงสัยและไม่เข้าใจในเรื่องราวของดินแดนกะลานีเซีย ชั่วครู่หนึ่งแววดาวเธอได้ยื่นกระดาษใบเล็กๆ ให้กับมาช่าว่า
"มาช่า"
"อ่ะ นี่ ฉันให้"
มาช่า เธอสงสัยที่แววดาวทำไมต้องยื่นกระดาษใบนี้มาเธอ แล้วแววดาวก็กำชับเธออีกว่า "ต้องอ่านที่เธอถึงบ้านหรือหอพักแล้วเท่านั้นนะ"
มาช่าตอบรับกระดาษของแววดาวจนเมื่อเธอกลับมายังที่หอพักของเธอ เธอได้เปิดกระดาษแผ่นนั้นออก ซึ่งในกระดาษแผ่นนั้นได้เขียนถึงการเอาตัวรอดในดินแดนที่ชื่อว่า "กะลานีเซีย" มีกฎทั้งหมด 13 ข้อด้วยกันคือ
"ข้อแรก จงหากะลามาครอบศรีษะก่อนออกไปข้างนอกบ้าน สามารถถอดได้เมื่อถึงที่พักแล้วเท่านั้น
ข้อที่สอง เมื่ออยู่คุณอยู่ที่นี้ คุณสามารถพูดหรือแสดงความเห็นที่แตกต่างได้ แต่ขอแนะนำว่าควรจะอยู่นิ่งๆ ถึงแม้ว่าคุณจะอยากแสดงความคิดเห็นมันออกมาก็ตาม
ข้อที่สาม จงอย่าไว้ใจทุกรอบข้าง แม้กระทั่งความคิดของตนเอง จงระวังทุกฝีก้าวของคุณ
ข้อที่สี่ หากคุณลืมครอบกะลาศรีษะของคุณ ขอให้คุณรีบหาอะไรก้ได้มาครอบที่ศรีษะของคุณให้เร็วที่สุด
ข้อที่ห้า ในระหว่างทางที่อยู่ข้างนอก หากพบเห็นหรือเจอสิ่งใด จงอยู่นิ่งๆ แล้วรีบเดินไปยังจุดมุ่งหมายของคุณให้มากที่สุด
ข้อที่หก คุณสามารถติดต่อเพื่อนหรือคนที่รู้จักของคุณได้โดยทางอินเตอร์เน็ตที่สามารถเปลื่ยนเซิฟเวอร์แล้วเท่านั้น
ข้อที่เจ็ด เมื่อถึงเทศกาลแห่งการร่ำไห้ของคนที่นี้ จงทำตามคำแนะนำของคนที่นี้ ห้ามมีข้อสงสัยใดหรือข้อโต้แย้งกับคนที่นี้
ข้อที่แปด คุณสามารถถามในสิ่งที่คุณสงสัยได้ต่อเมื่อหลังจบเทสกาลแห่งร่ำไห้จบลงแล้วเท่านั้น
ข้อที่เก้า จงพึงระลึกเสมอไว้ว่า หากคุณถูกกลั่นแกล้งรังแกหรือถุกกระทำการใดๆ ที่คุณรู้สึกไม่สบายใจ คุณไม่สามารถตอบโต้คนกลุ่มนั้นด้วยกฎหมายของที่นี้ได้นอกเสียจากคุณจะทำบางสี่งบางอย่าง เช่น การแก้แค้นด้วยคำสาปแช่ง การใช้เงินเพื่อจัดการดำเนินกับศัตรูของคุณ แต่คุณต้องรับผลตอบแทนในการกระทำของคุณเอง
ข้อที่สิบ จงพึงระลึกเสมอไว้ว่าอย่าได้เรียกร้องเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือสวัสดิการจะที่นี้
ข้อที่สิบเอ็ด เมื่อคุณอยู่รอดตลอดจนถึงระยะเวลาที่คุณต้องกลับที่เมืองของคุณแล้ว คุณต้องถอดกะลาที่ครอบได้ต่อเมื่อคุณที่บ้านของคุณแล้วเท่านั้น
ข้อที่สอง ถ้าหากคุณยังอยู่ที่ดินแดนนี้ โปรดอย่าทิ้งกระดาษแผ่นนี้
ข้อที่สิบสาม เมื่อคุณอยู่ที่นี้ถึงครบกำหนดแล้ว สามารถทิ้งกระดาษแผ่นนี้และทำลายกะลาได้ต่อเมื่อเธอถึงบ้านของเธอแล้วเท่านั้น
และสุดท้ายนี้ฉันขอให้เธอโชคดีกับดินแดนแห่งนี้นะ มาช่า
จาก แววดาว"
เมื่อมาช่าได้อ่านคำแนะนำของแววดาวจบ เธอทั้งรู้สึกสับสนและรู้สึกงงงวยอย่างมาก แต่เธอต้องทำใจและต้องทำตามที่แววดาวแนะนำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนนานวันเข้า มาช่าเริ่มปรับตัวกับดินแดนแห่งนี้ได้แล้ว ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น และเมื่อเธออยู่จนถึงครบกำหนดในโครงการแลกเปลื่ยนของเธอแล้ว เธอจึงกลับไปที่เมืองของเธอ
แต่ทว่า....
มาช่าเธอกลับถูกดำเนินคดีที่กะลานีเซียด้วยข้อหาก่อกบฎ ทำให้เธอรู้สึกตกใจอย่างมาก และในคืนนั้นเองแววดาวได้มาหาเธออีกครั้ง
"สวัสดี มาช่า" แววดาวทักทายเธออย่างยิ้มแย้ม
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันล่ะ ทำไมมันเป็นแบบนี้" มาช่าถาม
"ฉันบอกเธอแล้วไง" แววดาวตอบ ทำให้มาช่าโกรธเธอมากขึ้นจนแววดาวได้เอ่ยพูดกับเธอว่า
"ฉันบอกแล้วไงว่า 'อย่าได้ไว้ใจใคร จงระวังทุกฝีก้าวของเธอ' ในสิ่งที่เธอโดนนั้นคิดดูดีๆ นะ ฉันพยายามช่วยเธอแล้วนะ มาช่า"
ในตอนแรก มาช่าโกรธแววดาวจนตัวสั่นแต่เมื่อเธอสงบลง เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า
เธอลืมเปลื่ยนเซิฟเวอร์ในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของเธอเพื่อที่เธอจะติดต่อกับเพื่อนของเธอ มาช่าได้แสดงความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับบางที่นี้อย่างมาก นั้นทำให้มาช่าโดนคดีนั้นเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in