ผมอยากรู้มากเลยว่าคุณผ่านมรสุมแห่งพายุนี้ไปได้ยังไงกัน
ตัวผมที่เจออยู่ตอนนี้ อยากได้คำตอบเหลือเกิน
เพียงแต่ . . . คุณบอกผมไม่ได้
และบางทีผมก็อยากผ่านมันไปเองด้วย
ณ ห้องพักเล็ก ๆ ที่ผมอาศัยอยู่
มันคือพื้นที่ปลอดภัย
ที่พาผมมาเจอพวกคุณอีกครั้ง
และเป็นอีกครั้งที่ย้ำเตือนผมว่า
ผมไม่ควรมีความรักเลย
เพราะความรักมันมักจะทำให้ . . .
ไม่ผมก็เธอ ที่ชีวิตใครคนใดคนนึงต้องพังทลายไป
และส่วนใหญ่ก็เป็นเธอ
ฝ่ายผมแค่นั่งสับสนกับชีวิต
ราวกับตายไปดื้อ ๆ ทั้งอย่างนั้น ช่วงเวลาที่มีร่วมกัน
มันกลายเป็นช่วงเวลาที่หายไปในชีวิตของผม
ข้อสรุป คือ ผมไม่เหมาะจะมีความรักเลย
เว้นซะแต่ว่ามันจะเป็นเหมือนจิ๊กซอว์
ที่ต่อลงในช่องว่างอย่างพอดี
ผมผิดหวังกับความรักมาก็หลายครั้ง
และหลาย ๆ ครั้งที่ผมพึ่งความหวังในการดำเนินชีวิต
ความหวังสำหรับผมเป็นดั่งนักฆ่าที่ไว้ใจได้
แต่สุดท้าย ตัวผมนี่แหละคือเป้าหมายของนักฆ่า
บทสรุปคือ ผมต้องมาพบกับ "ความผิดหวัง"
และสิ่งหนึ่งที่ผมค้นพบ
นั่นคือ "ความไม่คาดหวัง"
ผมได้ดูหนังเรื่องสไปเดอร์แมน
และแฟนสาวของเขาได้กล่าวไว้ว่า
"คาดไว้ก่อนว่าจะผิดหวัง แล้วจะไม่ผิดหวัง"
เป็นประโยคที่ฝังหัวผม . . .
และผมก็ไม่มีอะไรจะมาโต้แย้งโต้เถียงประโยคนี้ได้
ความไม่คาดหวังของผมมันเริ่มต้น
ตอนที่ผมติดศูนย์ครั้งแรกในชีวิต
และกำลังอยู่ในรั้วมหาลัย
ความรู้สึกแรก คือ ผิดหวังในตัวเองชะมัด
ต่อให้คาดไว้แล้ว่าจะผิดหวัง แต่ลึก ๆ มันก็มีความคาดหวังอยู่ดี
ผมบอกตัวเองว่ามันจะเป็นศูนย์ตัวแรกและตัวสุดท้ายในชีวิต
ผมรู้ดีว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
และจะแก้ไขรวมไปถึงรับมือมันอย่างไร
ชีวิตผมเป็นดั่งที่ใจปรารถนา
นั่นคือผมไม่คาดหวังว่าจะมีชีวิตที่คล้ายช่วงเวลา
ของยี่สิบเอ็ดเมษา แต่นั่นเกินความคาดหวังของผม
โอกาสนั้นได้หวนกลับมาอีกครั้งเพราะคุณแม่
ผู้ที่รู้ดีที่สุดว่าลูกชายตัวเองต้องการอะไรในชีวิต
และสิ่งใดที่จะทำให้ลูกชายมีชีวิตได้ดีขึ้น
คนที่ผมต้องการเอาชนะมากที่สุดในชีวิตรองจากตัวผมเอง
คือ คุณพ่อ คุณพ่อมักทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันได้
นั้นแหละ ผมจึงนับถือคุณพ่อที่สุดในชีวิต
ผมเองที่เป็นคนไม่มีใครคาดฝัน จะทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันได้
ปฏิญาณตนโดยไม่คาดหวังอะไร
เพราะตั้งใจจะอยู่กับตัวเอง ศึกษาตัวเอง เข้าใจตัวเอง
และควมคุมตัวเองให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ตอนนี้การอ่านหนังสือล่วงหน้าก่อนสอบ
ได้เกิดขึ้นกับตัวผมแล้ว
หนึ่งคืนมหศจรรย์ก่อนสอบ
มันจะหายไป . . .
แม้ว่าผมจะไม่ได้ชอบการเรียน
แม้ว่าผมจะไม่เก่งในด้านการศึกษามากแค่ไหน
ผมก็ไม่คาดหวังอะไรใด ๆ ว่าเส้นทางที่ไม่ได้เลือก
จะหักหลังผม . . .
เส้นทางนั้นได้เลือกผมให้ไปเดิน
เขาเลือกผมเพราะเห็นบางอย่างที่ผมไม่เห็น
ผมเป็นนักศึกษาวิศวกรรมการผลิต
ที่ตอนแรกก็ผิดหวังครั้งใหญ่ในชีวิต
สับสนกับหนทาง
มีทางให้เลือกสองสิ่ง
คือ ทิ้งทุกอย่างไปแล้วเริ่มใหม่
กับ เดินต่อไปทั้ง ๆ อย่างนั้น
ด้วยนิสัยของผมเอง มักจะชอบเลือกทางที่สอง
เดินต่อไปทั้ง ๆ ที่ไม่เห็นอะไรนี่แหละ
เพราะเหตุผลเดียว คือ เวลา
ผมจะไม่ยอมมาเสียเวลากับความผิดหวังนี้แน่ ๆ
แน่นอนว่าเส้นทางนี้มันมืดมน อับจนแสงสว่างจริง ๆ
ผมก็ท้อเป็น และต้องการที่พึ่ง
นั้นแหละคือแสงสว่างที่ปรากฎออกมา
"ผมว่าคุณก็แค่เหนื่อย ใจผมอยากให้คุณไปต่อนะ"
บุคคลที่อายุมากกว่าผมเพียงสองปี
เท่ากับว่าประสบการณ์ด้านการศึกษาในเส้นทางนี้
มีมากกว่าผมถึงสองปี ได้ให้คำแนะนำนั้นกับผม
ผมรับฟังอย่างเปิดใจ เพราะรู้ดีว่าเขาเห็นบางอย่าง
ในสิ่งที่ผมกำลังจะเห็นแต่มันไม่ใช่ ณ เวลาเดียวกับเขา
ผมยกมือไหว้ขอบคุณรุ่นพี่คนนั้น
แล้วประคับประคองตัวเองจนถึงที่สุด
ค้นหาจุดบอดของตัวเอง
และแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
สุมไฟและพลังงานที่มีในเฮือกสุดท้าย
แล้วผมก็ผ่านมันมา . . .
จากนั้นผมก็ค้นพบว่าการไม่คาดหวังอะไรเลย
แล้วใช้ชีวิตไปด้วยความสนุก
อย่างประโยคหนึ่งของพ่อที่เคยพูดกับผม
"ถ้าคิดให้มันสนุกได้ มันก็จะสนุกเอง"
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ทุกเรื่อง
แต่มันคลายความยากให้กลายเป็นง่ายเพียงเปลี่ยนความคิด
และทุกทุกครั้งที่ผมเผชิญปัญหาแบบกระทันหัน
คำพูดของพี่สาวก็จะประกฎราวกับกระซิบข้างหูผมว่า
"เวลาที่ลมสงบพายุก็อาจจะเข้ามาก็ได้"
นั่นแหละคือประโยคที่มักทำให้ผมต้องมาดูพยากรณ์
หรือใช้เซ้นในการเช็คว่า ปัญหาอะไรมันจะเกิดขึ้น
และมองหากระแสลมของพายุ รวมไปถึงการเตรียมแผนสำรอง
เพื่อให้ผมต้องระดมสมองมาแก้ไขอย่างตรงไปตรงมา
ผมต้องการแก้ไขปัญหาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
เพื่อหยุดพายุให้หายไป ไม่เหลือแม้แต่ลม
ผมไม่สามารถควบคุมพายุได้
หลังจากพายุผ่านพ้นไป ผมก็ต้องมาเก็บซากปรักหักพังต่าง ๆ
ที่พายุเหลือทิ้งไว้
มันคือบทเรียน อย่างที่บอกไปว่าแล้วแต่กรณี
ว่าจะต้องจ่ายค่าบทเรียนเหล่านั้นด้วยอะไร
และวนมาเรื่องความรักอีกครั้ง
ความวุ่ยวายในครั้งนี้ต่างออกไปจากทุกที
หรือเป็นเพราะผมได้กลิ่นอายบางอย่าง
ที่ย้ำเตือนผมไม่ให้เข้าไปยุ่ง
แต่ความรักมันเหนือการควบคุมจริง ๆ
"ไม่ผิดหวัง" ประโยคที่ก่อความหวังครั้งสุดท้ายในชีิวิตผม
จากการประกาศบอกตัวเองไป
ว่า "ต้องคาดว่าจะผิดหวังสินะ"
รู้อะไรไหม มันคือประโยคโกหกที่ผมหลงเชื่อไปหมดทั้งใจ
ทุกอย่างที่เคลือบแคลง ถูกเชื่อมโยง
ประติดประต่อในคืนเดียว
ราวกับกำลังวางแผนปล้น
ผมปล้นใจเธอไม่สำเร็จ
และเธอจะไม่ได้อะไรจากผมโดยไม่รู้ตัวไปอีกทั้งนั้น
เพราะถ้าหากความรักเปรียบเสมือนการลงทุน
ผมคือนักธุรกิจที่ล้มละลาย
เช่นเดียวกันหากมีการพนันเกิดขึ้น
ผมจะเป็นผู้แพ้พนัน และถังแตกทันที
นั่นแหละที่ทำให้ผมค้นพบจริง ๆ
ว่าความไม่คาดหวัง
มันรุนแรงแค่ไหน
เมื่อมันแสดงอิทธิฤทธิ์ ออกมา
ผมมองอยู่เพียงแค่ไม่กี่อย่างในชีวิต
นั่นคือผมจะสามารถดื่มเบียร์ในทุก ๆ วันหยุดได้หรือเปล่า
หรือพบจะพบเพลงใหม่ ๆ ที่ทำให้ขนลุกวาบเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง
และจะพบเจอหนังปล้นไหน ที่ทำให้แอนดีนนาลีนพุ่งพล่าน
เหมือนทรชนคนปล้นโลก
ผมเสพติดการคาดไม่ถึงมาโดยตลอด
มันก็เท่ากับการไม่คาดหวังนั่นแหละ
หักมุมเส้นทางตัวเอง
ไม่ต้องคาดหวังใด ๆ
สนุกกับการคาดไม่ถึงของสิ่งที่ปรากฎตรงหน้า
และยิ้มสะแหยะใส่มันต่อให้เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in