เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ทิวาสวัสดิ์WITCHARIN NIRANAMKUL
ว่างเปล่า
  • เมื่อหลายปีก่อนผมก็เคยรู้สึกแบบนั้น
    ความรู้สึกสงบที่ว่างเปล่า
    การควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ
    มันคือความรู้สึกที่วิเศษมาก ๆ
    ต่อให้ผมมีลิสต์ที่ต้องทำต่อวันเป็นร้อยสิ่ง
    มีสิ่งที่ต้องแก้ไข้ปัญหาเป็นร้อยอย่าง
    ผมก็สามารถทำมันได้อย่างลื่นไหล

    และมันเป็นแบบนั้นเรื่อยมา . . .
    "เจมีร์" เป็นชื่อย่อที่ใคร ๆ ต่างรู้ดีกว่าผมเป็นผู้ชายแบบไหน
    ผู้คนเรียกชื่อนี้บ่อยจนแทบลืมชื่อจริง ๆ ของผมไปแล้ว
    คนที่เรียกผมว่า ภาม คงมีแค่พ่อกับแม่แล้วล่ะ

    ผมมักถูกมองว่าเป็นผู้ชายที่แทบจะไม่ชายตามองหญิงสาวคนไหนเป็นพิเศษ
    สนใจเพียงแค่ "งาน" และ "เงิน"
    งานอดิเรกมากมายราวกับในหนึ่งวันมีห้าสิบชั่วโมง
    ผมถูกเพื่อนสนิทเรียกขานว่า . . .
    "ชายผู้ที่รู้จัดเพียงเสื้อเชิ๊ต กางเกงสแลค และรองเท้าหนัง"

    คำว่าวันหยุด ผมแทบจะไม่ได้รู้จักมันเลย
    จนกระทั่งวันนี้ . . . ที่ผมได้เห็นแฟรชไดร์ฟอันเล็ก ๆ ที่เริ่มมีสนิมเกาะอยู่

    โน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าที่ซื้อมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อทำโครงงานในช่วงมัธยมปลาย
    ได้ถูกเปิดใช้งานอีกครั้งในยามบ่ายของวันสุดท้ายในสัปดาห์
    นั่นคือวันเสาร์ตามปฏิทิน วันที่ผมจะทำให้ห้องพักผ่อนของตัวเอง
    กลับมาเป็นห้องพักผ่อนที่ดีขึ้นด้วยการจัดระเบียบสิ่งของ
    รวมถึงจัดห้องใหม่ให้มีความแปลกใหม่ ตามธีมของเอิร์ทโทน
    แต่คงต้องพักไว้เท่านั้น เพราะไฟล์ที่มีชื่อว่า "ความลับ" กำลังถูกเปิด

    "สวัสดี ขอบคุณที่กลับมาดูนะ"
    เด็กหนุ่มกล่าวทักทายผม ในวีดีโอที่ให้ความรู้สึกประหลาดบางอย่าง
    "ผมกำลังเจอพายุเข้าให้ และไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงดี"
    ผมรู้ดีเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร
    คือตัวผมเองเมื่อสิบปีก่อน . . .
    "ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณอายุเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมอาจจะให้คุณกำลังแย่"
    คิ้วผมขมวดชนกัน เป็นเรื่องปกติที่ผมจะทำหน้าเคร่งเครียดกับงาน
    แต่นี่ ไม่ใช่เพราะความเคร่งเครียดแต่อย่างใด
    มันคือความรู้สึกสงสัย
    หลังของผมเย็นวาบ ความรู้สึกหนาวเหน็บที่กระดูกสันหลังสัมผัสได้
    และประโยคที่ทำให้ผมตกใจ . . . . . .

    ความว่างเปล่าที่เหมือนกระดานจิกซอว์ที่ไม่สมบูรณ์
    ประโยคนั้นเหมือนจิกซอว์ที่พึ่งปรากฎมาในช่องว่าง

    "นายกำลังจุดไฟท่ามกลางทุ่งกองฟางแห้งเลยนะภาม"
    ผมพูดอย่างนั้น พร้อมปิดเครื่องอุปกรณ์ที่เคยใช้เอาตัวรอดทำมาหากิน
    แล้วลุกออกไปสูดอากาศตรงระเบียง

    "ไม่ว่าจะกี่ปี วังวนนี้ยังคงอยู่เสมอสินะ"

    ประโยคนั้นคือ "จงเป็นผู้ชายที่คุณอยากให้ลูกสาวเจอ เป็นผู้ชายที่โหยหาความสำเร็จนะ"

    ไพ่ที่ตัวผมในอดีตถือ มันเป็นไพ่แห่งม้ามืด
    ที่จะอยู่เหนือกว่าตัวผมเองในปัจจุบันเสมอ
    และไม่เคยจะเอาชนะได้เลย
    แต่ไพ่ใบนั้น มันกลายเป็นจิกซอว์ชิ้นต่อไปในช่องที่ว่างเปล่าเสมอ
    และเพราะอย่างนั้น ผมจึงไม่เคยลืมเรื่องราวในอดีตของตัวเองได้เลย
    สิ่งเหล่านั้น คือความผิดพลาด ที่ตัวผมในอดีตเรียกว่า "บทเรียน"
    แต่ละบทเรียนถูกบังคับจ่ายในราคาที่แตกต่างกันไป
    บางบทเรียนจ่ายด้วยเงิน
    บางบทเรียนจ่ายด้วยเวลา
    บางบทเรียนจ่ายด้วยน้ำตา
    และบางบทเรียนจ่ายด้วยความรู้สึก

    ผมรับรู้แค่เรื่องราวเท่านั้น
    ไม่สามารถกลับไปรู้สึกแบบนั้นได้อีก
    เพราะตัวผมไม่เคยย้อนกลับความรู้สึก มีแต่ . . .
    ตะเกียกตะกายไปข้างหน้าเท่านั้น
    ไม่รู้ว่าทำไม . . . สิ่งหนึ่งที่ผมจะหวนละลึกได้
    คือกลิ่นอายจากเพลง

    เพลงคือสิ่งที่หล่อหลอมความรู้สึกของผมในแต่ละช่วงเวลาเอาไว้
    ผมเพียงแค่จำได้ว่ารู้สึกยังไงในช่วงเวลานั้น
    แต่กลับไปเป็นคน ๆ นั้นไม่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง
    เพลงเหล่านั้นจะเล่าความรู้สึกขณะที่ฟัง
    บอกเรื่องราวสั้น ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ห้วงเวลานั้น
    และกลิ่นอายที่ที่โชยมาเบา ๆ 
    เป็นกลิ่นอายท่ามกลางความว่างเปล่า
    ที่ผมก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน
    ว่ากลิ่นเหล่านั้นมาจากไหนและเกิดขึ้นได้อย่างไร

    อย่างที่บอกว่าเพลงคือสิ่งที่หล่อหลอมความรู้สึก
    ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมได้เอาแต่ตามหาหูฟัง
    หูฟังในอุดมคติ ที่ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเจอได้
    ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน
    หูฟังที่จะคู่กับชีวิตผมไปตลอดในชั่วเวลาชีวิต
    มันหายากกว่าหญิงสาวเสียอีก

    ถึงจะพูดอย่างนั้น  . . .
    ชีวิตผมได้ทำความรู้จักกับหญิงสาวเพียงแค่สามสี่คนเท่านั้น
    แม้ว่าตอนนี้จะอายุสามสิบ
    แต่เพราะไม่อยากเอาเรื่องรักมาปนกับงาน
    ความว่างเปล่านี้จึงเกิดขึ้นมาร่วมสิบปีได้แล้ว
    เพราะตัวผมเองถึงจะไม่กี่ครั้ง
    ความเจ็บปวดที่ไม่อาจลืมได้ลง
    มันยังคงตามมาหลอกหลอนผมอยู่เสมอ
    ทุกครั้งที่เกิด ไม่ชีวิตผม . . .
    ก็ชีวิตของเขาที่ต้องพังทลายไม่เหลือชิ้นดี
    นั่นนำไปสู่การตัดสินใจที่เอาความปลอดภัย
    ของการดำเนินชีวิตตัวผมเองไว้อันดับแรก
    และความคาดหวังของคนอื่นที่จะถูกผมพังทลาย
    ผมต้องทำให้โอกาสนั้นเหลือเท่ากับศูนย์

    ผมไม่ได้รอใคร และไม่มีใครรอผม 
    ผมเพียงแค่ใช้ชีวิต . . 
    หากปรากฎขึ้นมาผมจะยอมแลกในสิ่งที่ผมแลกให้ได้
    เพื่อตอบแทนการปรากฎนั้น
    แต่ถ้าหากไม่มี ผมก็ยังคงใช้ชีิวิตท่ามกลางความว่างเปล่านี้ต่อไป
    และผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร
    เพราะสิ่งที่ผมลิสต์ไว้ว่าต้องทำในชีวิต
    มันยังไม่มีสักเรื่องที่ผมขีดฆ่าว่าทำไม่สำเร็จ

    และยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป . . .

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in