เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกการฝึกงานของนิสิตท่านหนึ่ง ที่ฝันอยากเป็นครูอนุบาลPaan Nalinchat
week 2 : ครูศิลปะฝึกหัด
  • โรงเรียนเปิดเทอมแล้วจ้า 

    เริ่มต้นวันแรกของการเปิดเทอม ก็ปั้นดินน้ำมันต่อเลย (หนทางยังอีกยาวไกล สัปดาห์นี้จะทำเสร็จไหมเนี่ย) ปั้นไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลาที่เราจะต้องไปสอนน้อง สัปดาห์นี้มีสอนน้องอนุบาล 1 ลากเส้น ส่วนพี่อนุบาล 2 สอนภาพพิมพ์ใบไม้ ก่อนเวลาสอนเราก็จะไปช่วยพี่ ๆ เตรียมอุปกรณ์สำหรับสอนน้อง ๆ ก่อน ตั้งแต่สัปดาห์นี้เรามีงานเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ก็คือ การเป็นครูผู้ช่วยสอนศิลปะ เย่!

    เริ่มสอนคาบแรก 

    คาบแรกเราได้ช่วยสอนน้องอนุบาล 1 เด็กในห้องมีประมาณ 25 คน มีครูศิลปะ 3 คน ครูประจำชั้นอีก 3 คน (ดูเยอะเนอะ แต่บอกเลยดูเด็กกันแทบไม่ทัน) ก่อนเริ่มเรียนก็แนะนำตัวกันเล็กน้อย จากนั้นก็มีกิจกรรมเล็กน้อยมาให้เด็ก ๆ ได้ทำกันก่อนเริ่มเรียน นั่นก็คือ การเต้นประกอบเพลง เห็นน้องเต้น ครูก็เต้น แล้วเราต้องเต้นด้วยไหม คนนิ่ง ๆ อย่างเราเนี่ยนะ ไม่มีทางหรอก แต่เห็นคนอื่นขยับแต่เราเอาแต่นิ่งก็ยังไงอยู่ สุดท้ายก็ตัดสินใจ เต้นก็ได้ แต่ก็ไม่ค่อยกล้าขยับเยอะหรอก เราอาย แต่พอสอนไปหลาย ๆ คาบ เราก็หายอาย กล้าเต้นแล้ว พอเห็นน้องเต้นแล้วน่ารักมากเลย เต้นดุ๊กดิ๊ก ๆ น้องดูสนุกกับการเต้นมาก ๆ พอเราเต้นเพลงนี้ไปหลาย ๆ รอบ บอกได้คำเดียวเลยว่า หลอน 'มายเนมอีสชิคกี้ ชิคกี้ ชิคกี้ ชิคกี้ ชิคกี้' จะติดอยู่ในหัวเราตลอดไป ทุกคนไปฟัง ไปเต้นกันได้นะ 


    หลังจากเต้นกันเสร็จก็มาเริ่มเรียนกันเลย สัปดาห์นี้สอนเรื่องการลากเส้นกัน มีเส้นตรง เส้นนอน เส้นเฉียง เส้นหยัก และเส้นโค้ง แต่ละเส้นก็มีท่าประจำเส้นด้วย ท่าน่ารักมากโดยเฉพาะตอนน้องทำ อย่างเส้นโค้งก็ทำท่าหัวใจ แต่เหมือนกับตอนเต้นเลย เราก็ไม่ค่อยกล้าทำท่าเหมือนกัน แต่สอนไปเรื่อย ๆ ก็กล้าทำ สนุกกับการทำท่าเป็นเพื่อนน้อง ไม่อายแล้วล่ะ หลังจากทบทวนเรื่องเส้นแล้ว น้อง ๆ ก็ได้เริ่มลงมือวาดเส้น เราก็ช่วยเดินดูน้อง คนไหนทำไม่ได้เราก็จับมือเขาเขียนให้ดูเป็็นตัวอย่าง แต่ตอนดูเราไม่ได้ดูแค่คนเดียว ยากตรงนี้แหละ เราช่วยดูเด็กประมาณ 5-6 คน หัวหมุนและวุ่นวายมาก หันไปดูคนโน้นที หันมาช่วยคนนี้ที แต่เรายังไหว เพราะเราชอบเด็ก

    เสร็จของน้องอนุบาล 1 เราก็ไปช่วยสอนอนุบาล 2 ต่อเลย สัปดาห์นี้น้องทำภาพพิมพ์าจากใบไม้ ครูก็เลยพาน้อง ๆ ลงไปเก็บใบไม้ที่สนามด้านล่าง น้องดูสนุกกับการหาใบไม่มากเลย พอเก็บเสร็จก็ขึ้นไปทำงานกันต่อ ครูศิลปะก็จะวาดรูปให้ดู แล้วเด็ก ๆ ก็วาดตามแบบ ภาพที่เราวาดกันมีผีเสื้อ ดอกไม้ ใบไม้ พระอาทิตย์ ก้อนเมฆ หญ้า และพื้นดิน เราก็คอยช่วยดูว่าน้องวาดเหมือนแบบไหม เพราะโรงเรียนนี้เขามีัมาตรฐานการวาดรูป เด็ก ๆ ทุกคนต้องวาดภาพหรือระบายสีบางอย่างให้ตรงกับมาตรฐานของเขา อย่างพระอาทิตย์ก็ต้องวาดวงกลมแล้วก็มีหยัก ๆ เป็นรัศมีพระอาทิตย์ น้อง ๆ จะวาดแบบพระอาทิตย์แบบวงกลมแล้วขีด ๆ เป็นพระอาทิตย์เงาะไปไม่ได้ ส่วนสีก็ใช้สีแดงกับเหลือง หรือแดงกับส้ม เป็นต้น เรามีหน้าที่บอกและแก้ให้น้องทำให้ถูก ปัญหานึงที่เราเจอคือ คำว่าใหญ่ ๆ ของเรากับน้องอาจจะไม่เหมือนกัน เพราะน้องวาดรูปกันเล็กมาก ๆ เราก็ต้องคอยอธิบายว่าถ้าวาดเล็กมากจะระบายสียากนะ เราเลยมีอาวุธประจำตัวคือ ยางลบ เรารู้สึกผิดเหมือนกันนะที่ต้องลบต้องแก้งานน้อง บางก็ลบไปหลายรอบเลย แต่พอเราเราขอ น้องก็ยิ้มแล้วบอกว่า "ได้ครับ/ได้ค่ะ" เราก็เลยแก้ปัญหาพอน้องวาดผิด เราก็ลบแล้วจับมือน้องวาดส่วนนึง แล้วให้น้องวาดที่เหลือเอง หรือวาดให้ดูรูปนึงแล้วให้น้องวาดเองอีกรูป พอเป็นพี่อนุบาลสองแล้วก็ไม่ยากเท่าน้องอนุบาล 1 เพราะหลาย ๆ คนวาดเป็นแล้ว เราก็เดินดูเรื่อย ๆ แล้วค่อยเข้าไปช่วยเด็กที่ทำไม่ได้แทน

    หลังจากสอนเสร็จก็ถึงเวลาพักเที่ยงพอดี หิวข้าวเกือบทุกวัน เพราะหมดพลังไปกับการช่วยสอนน้อง กินข้าวเสร็จเราก็มีงานใหม่มาให้ทำ เป็นงานประจำที่เราาต้องทำหลังกินข้าวเสร็จก็คือ 'การเหลาสี' ดูง่าย ๆ ใช่ไหมหล่ะ แต่สีเยอะมาก ๆๆๆ แรก ๆ เราเหลาสีจนนิ้วพองเลย หลังจากเหลาสีเสร็จ เราก็กลับไปปั้นดินน้ำมันที่ทำค้างไว้อีกหน่อย แล้วก็ถึงเวลาเรียนพิเศษเย็น

    พิเศษเย็นสัปดาห์นี้มีงานใหม่นั่นก็คือ เพนกวินคู่รักในขั้วโลกใต้ (เราตั้งชื่อให้เอง) งานนี้มีทั้งระบายสีชอล์ก สีน้ำ ทั้งปั้นดินเบาเลย (ดินเบาเหมือนดินน้ำมันเลย แต่ว่ามันไม่แข็ง แถมปั้นง่ายกว่าด้วย) เริ่มแรกด้วยการใช้ม ต่อไปก็ระบายสีน้ำ (ที่ใช้สีผสมอาหารแทน ล้างออกยากมาก สีติดมือเกือบทุกวันเลย) แล้วก็ขั้นตอนสุดท้าย ปั้นเพนกวิน ปัญหาคือเพนกวินต้องปั้นตัวให้เป็นรูปหยดน้ำก่อนแล้วค่อยกดให้แบน แต่น้องปั้นทรงหยดน้ำกันแทบไม่ได้เลย สอนไปน้องก็ไม่ค่อยเข้าใจวิธีทำ เราเข้าใจน้องนะ เพราะมันค่อนข้างเข้าใจยากสำหรับเด็กอนุบาลที่ต้องกะแรงแถมเอียงมือเพื่อคลึงให้เป็นทรงหยดน้ำ (เราเลยแอบช่วยน้องปั้นให้เป็นทรงมากขึ้น เพราะน้องปั้นทีมาเป็นทรงกระบอก ไม่ก็เป็นทรงขวด แต่น้องก็พยายามทำกันทุกคนเลย)

    สัปดาห์แรกของการสอนเด็กในห้อง ต่างกับการสอนพิเศษมากเลย สอนพิเศษเราโฟกัสอยู่ที่น้อง 1-2 คน แต่พอสอนในห้องมีเด็กหลายคน เราต้องดูรวม ๆ แล้วก็ต้องเดินดูเรื่อย ๆ คนไหนไม่ได้ก็เข้าไปช่วยเลย ผลคือ ปวดหลัง เพราะโต๊ะน้องเตี้ย เรายืน ๆ ก้ม ๆ เดินไปทางนู้นที ทางนี้ที บางทีก็คุกเข่าสอนน้อง  (แต่ปวดหลังก็ไม่เป็นไร เพื่อน้องพี่ทนได้) เราชอบนะ ตอนสอนเด็กในห้องมีน้องเรียกเรา "ครูขา/ครูคับ/
    คู ๆๆๆๆ" บางคนถึงกับเดินตามเรามาเลย น่ารักเนอะ เราดีใจที่มีเด็กอยากให้เราสอน สอนไปยิ้มไป รู้สึกมีกำลังใจแล้วก็จะตั้งใจสอนน้องทุกคนเลย พอได้สอนน้อง เราอยากจะเป็นครูอนุบาลขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะ
     


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in