ฉันจำครั้งแรกที่พบกับคุณได้ เราเจอกันในงานแต่งงานของคนที่เราต่างไม่รู้จัก ฉันต้องไปเป็นตัวแทนของครอบครัวเพราะฉันเป็นคนเดียวที่อาศัยอยู่ใกล้ที่สุด ส่วนคุณ—คุณเป็นเพื่อนของเพื่อนเจ้าบ่าวอีกทีหนึ่ง
เปล่า พวกเราไม่ได้รู้จักกันเพราะโดนเจ้าภาพจับนั่งโต๊ะเดียวกัน เปล่าเลย พวกเรารู้จักกันเพราะเราหนีออกมาจากงานพร้อมกัน
คุณเดินหนีออกมาสูบบุหรี่ ส่วนฉันเดินหนีออกมาร้องไห้เพราะตอนนั้นฉันมีประจำเดือนและปวดท้องมากจนทนไม่ไหว คุณเห็นสภาพฉันก็ขำแล้วอาสาขับรถพาฉันไปซื้อยา
แต่ตอนนั้นไม่ใช่ตอนที่ฉันตกหลุมรักคุณ
ฉันเป็นมนุษย์ที่ไม่เคยเชื่อในคำว่ารัก ฉันคิดแค่ว่าคนเรามีแค่ความชอบและความลุ่มหลงเท่านั้น รักคืออะไรฉันไม่เคยสัมผัส แต่ฉันน่ะเคยชอบคนมากมาย ตื่นเช้าไปทำงานเดินขึ้นรถไฟฟ้า เจอคนหล่อเดินผ่านฉันไปฉันก็อดไม่ได้ที่จะชอบแล้ว
ใน 365 วันฉันอาจจะชอบคนไปแล้ว 300 คนก็เป็นได้ แต่รักน่ะเหรอ...
ไม่ ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยรับรู้ เคยแต่นั่งฟังเพื่อนพร่ำพูดคำว่ารักอีกคนแล้วบอกเลิกกันไป เคยได้ยินคนพูดว่าหมดรักกับอีกคนไปแล้วโดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าพวกเขาเคยรักกันด้วยเหรอ
อาจจะเพราะแบบนั้น เพราะชีวิตฉันได้พบเจอความรักในด้านนี้ ฉันเลยเลือกที่จะไม่สัมผัสมัน และไม่เคยรับรู้ถึงมันเลย
แต่คุณ—คุณคือคนที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับสิ่งที่ฉันคิดว่าจะไม่มีวันได้รู้จักอีกแล้ว
ตอนที่ฉันรู้ตัวว่าตกหลุมรักคุณจริง ๆ ก็คงเป็นช่วงเดือนมกราคม
ตอนนั้นเป็นตอนที่งานของฉันยุ่งที่สุด ฉันเลิกงานดึกทุกคืนตั้งแต่ปีใหม่ อันที่จริงไม่ได้ฉลองอะไรข้ามปีเลย นอกจากทำงานข้ามปี ในเดือนนั้นมีอยู่คืนหนึ่ง ฉันเลิกงานดึกเหมือนกับคืนก่อนหน้า ตอนนั้นฉันถ่อไปหาคุณที่คอนโดหลังจากเลิกงาน ถ้าฉันจำไม่ผิดเกือบเที่ยงคืนได้แล้ว ครั้งนั้นฉันรู้สึกเศร้าเกินกว่าจะอยู่คนเดียวได้เลยตัดสินใจส่งข้อความไปบอกคุณว่าจะไปหา
พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับคุณที่กำลังนั่งหันหลังอยู่บนโซฟา บนโต๊ะกลางสีขาวหน้าโซฟามีถุงกระดาษของร้านเบอร์เกอร์ร้านโปรดของคุณอยู่ คุณรู้ตัวว่าฉันมาถึงก็ตอนที่ฉันเอ่ยปากทักคุณด้วยชื่อของคุณ ฉันยังไม่ค่อยชินที่จะเรียกคุณโดยใช้ชื่อเลย ปกติฉันเอาแต่เรียก คุณ คุณ คุณ จนเมื่อคริสมาสต์ที่ผ่านมาตอนที่พวกเราสองคนออกไปเดินซื้อของลดราคากัน ตอนที่ฉันพยายามเรียกให้คุณดูสเปรดทาขนมปังที่ลดราคาอยู่ อยู่ ๆ คุณก็บอกให้ฉันหยุดเรียกแบบนั้นแล้วเปลี่ยนไปเรียกชื่อคุณแทน
สำหรับฉันชื่อคุณเหมือนเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ (แต่ฉันจะไม่บอกคุณหรอกนะ ไม่มีวัน) เวลาจะเอ่ยออกมาทีไรฉันรู้สึกแปลก ๆ ทุกที รู้สึกว่าไม่ควรเรียกเพราะจะทำให้ชื่อคุณผิดความหมายไป แต่คุณก็ยังยืนยันคำเดิมว่าฉันต้องเรียกชื่อคุณนับแต่ตอนนั้น จะไม่มี คุณ คุณ คุณ อีกต่อไป ฉันเลยต้องเรียกชื่อคุณหลังจากนั้น แม้ครั้งแรกที่เรียกฉันจะเอ่ยออกมาอย่างเบาหวิวเหมือนเวลาตอบคำถามในห้องเรียนแล้วกลัวคำตอบผิด คุณหัวเราะกับท่าทีของฉัน และบอกว่าให้ฉันพยายามทำตัวให้ชิน เพราะยังไงก็คงต้องเรียกกันอีกนาน
ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าคุณกำลังขอแต่งงานฉันหรือเปล่านะ ฉันเลยเรียกชื่อของคุณซ้ำอีกครั้ง แล้วคุณก็ตอบมาว่า "หืม ว่าไง"
ฉันจำได้ว่าฉันไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย
หลังจากที่ฉันเรียกชื่อคุณ คุณหันมามองอย่างเชื่องช้าขณะกำลังเคี้ยวเบอร์เกอร์อยู่ตุ่ย ๆ เต็มแก้มทั้งสองข้าง พยักหน้าให้ฉันเดินไปหาคุณ คุณเคี้ยวเบอร์เกอร์จนหมดแล้วกลืนลงไปพอดีกับตอนที่ฉันเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนตักของคุณ
คุณถามว่า "เป็นยังไงบ้าง อยากจะเล่าอะไรให้ฟังก็ได้นะ ตอนนี้ยังไม่ง่วง แต่หลังกินอิ่มแล้วก็ไม่รู้แล้วนะ" แล้วคุณก็ยกแก้วโค้กที่มีหยดน้ำเกาะเต็มแก้วขึ้นมาดูด น้ำที่เกาะข้างแก้วหยดใส่ใบหน้าฉัน ฉันสะดุ้งตัวเพราะความเย็น พอเห็นฉันหลับตาปี๋คุณก็ใช้นิ้วโป้งเช็ดเบา ๆ ตรงที่หยดน้ำที่หยดลงมาบนใบหน้าของฉัน
พอได้รับสัมผัสจากคุณฉันก็คว้ามือคุณเอาไว้ ใช้มือของคุณปิดตาของฉันแน่น จากนั้นฉันก็ร้องไห้โฮออกมา ระบายความเครียดจากงานที่พยายามเก็บไว้ขณะขับรถมาตลอดทางผ่านทางน้ำตา ตอนเด็กๆ ฉันไม่เคยร้องไห้ เพราะยายฉันบอกว่าหากร้องไห้ออกมามาก ๆ น้ำตาจะแห้งและแก่ไปฉันต้องใช้น้ำตาเทียมเหมือนกับยาย ด้วยความกลัว ฉันไม่เคยร้องไห้เลย แต่ยิ่งโตขึ้น ฉันยิ่งร้องไห้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ฉันคิดว่าแก่ไปฉันคงเหมือนยายของฉัน—ต้องใช้น้ำตาเทียม
เสียงร้องไห้ของฉันน่าเกลียดมาก เหมือนกับเสียงร้องของเด็ก ๆ แต่คุณไม่ได้ว่าและไม่ได้ถามอะไรฉันเลย คุณไม่ว่าที่ฉันร้องไห้อย่างน่าเกลียด ไม่ได้ถามว่าทำไมฉันถึงร้องไห้ คุณทำเพียงแค่ใช้นิ้วโป้งสาก ๆ ของคุณลูบบนหน้าผากของฉันเบา ๆ ราวกับกำลังปลอบใจฉัน ไม่สิ คุณกำลังปลอบใจฉันอยู่ คุณเป็นแบบนี้เสมอ ไม่เคยบอกให้ฉันหยุดร้องไห้ ไม่เคยบอกให้เข้มแข็งต่อหน้าคุณ ไม่ว่าใบหน้าของฉันตอนร้องไห้จะบู้บี้เหยเกน่าเกลียดแค่ไหน คุณไม่เคยบอกให้ฉันหยุดร้องไห้กับคุณเลย คุณแค่จะนั่งลูบหลังฉันเบา ๆ อยู่ข้างฉันเสมอ คุณไม่ยอมลุกไปไหนเลย
พอฉันเริ่มหยุดร้องไห้ ในห้องก็เหลือเพียงเสียงสะอื้นจากฉัน และเสียงกัดเบอร์เกอร์คำโตของคุณ
คุณยังคงใช้นิ้วโป้งลูบหน้าผากของฉันอยู่
ตอนนั้นเองที่ความอบอุ่นจากมือของคุณบอกฉัน
ตอนนั้นเองที่ฉันรู้ตัวว่าฉันรักคุณมากแค่ไหน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in