
" รักก็พัง งานก็พัง ตอนกำลังจะสามสิบ ถามคำเดียว...ทำไมต้องปีนี้ "
“ Turning Thirty ปีนี้ไม่อยากโสด เล่าเรื่องของ 'แมท เบคฟอร์ค' 
ชายหนุ่มที่อายุกำลังจะ 30 ในอีก 3 เดือนข้างหน้า เขาตั้งเป้าหมายของเขาไว้สองเรื่องคือ 
อย่างแรก ‘ความรัก’ 
แต่ แมทกับ ' อีเลน ' แฟนสาวที่อายุห่างกัน 7 ปี
ต้องจบความสัมพันธ์ลงด้วยเหตุผล เราคงไปกันไม่รอด 
อย่างที่สอง ' งาน ' 
เมื่อรักพัง แมทก็อยากจะหนีไปให้พ้นๆจะสภาพแวดล้อมเดิมๆ
เขาตัดสินใจย้ายงานไปออสเตรเลียในอีก 3 เดือนข้างหน้า 
ระหว่างนั้น เขาจึงตัดสินใจย้ายจากนิวยอร์คไปพักใจที่บ้านเกิดในเบอร์มิงแฮม 
และที่บ้านเกิดแห่งนี้เองที่ทำให้เขาได้นึกถึงความทรงจำเก่าๆอย่างกลุ่มเพื่อนสมัยเรียน 
และอดีตแฟนเก่า ' จินนี่ '
การกลับบ้านคราวนี้ของแมทเขาได้พบว่าหลายๆสิ่งรอบตัวเขามันเปลี่ยนไปแล้ว อย่างเช่น 
เพื่อนที่โรงเรียนเก่าคนนั้นที่ตอนนั้นมีแนวโน้มว่าจะพวกค้ายา แต่ตอนนี้โตมาเป็นทันตแพทย์
แก๊งกลุ่มเพื่อนคนนึงที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน รวมถึงความสัมพันธ์ของแมทกับจินนี่ 
___________________________________________________________________________________________
" ไปรื้อฟื้นอดีตนั้น มันน่ากลัวตรงที่เราไม่มีทางรู้ว่าจะไปเจออะไรนี่แหละ "
เป็นประโยคที่ชอบมากประโยคหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ 
เนื้อเรื่องโดยรวมเป็นแนวโรแมนติกคอเมดี้ อ่านสนุก ไม่น่าเบื่อเลย 
ทุกหน้ามักให้ข้อคิดเรื่องการใช้ชีวิตเสมอ 
อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ชีวิตคนเราก็ไม่แน่นอนเช่นกัน
เราไม่มีทางล่วงรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้า สิ่งที่เราทำได้คือ 
อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยสูญเปล่า ทำตามความฝันของตัวเอง ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากเป็น
หากไม่ทำเสียตั้งแต่วันนี้ บางทีเราอาจจะไม่มีโอกาสนั้นให้แก้ตัวอีกเลย
ตอนอ่านก็คิดตามว่าถ้าอนาคตเราอายุ 30 เราจะครุ่นคิดขนาดนั้นไหม ? 
นั้นสิ..ตอบไม่ได้เหมือนกัน ก็ตอนนี้มันยังไม่ถึงนี่หน่า 
แต่เราเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจกับตัวเลขสักเท่าไหร่ 
บางทีอาจจะไม่ได้รู้สึกพิเศษหรือตื่นเต้นอะไร 
แต่ก็ไม่แน่นะถ้างานพัง รักพัง 
อาจจะสติแตกหนักกว่า แมท เบคฟอร์ค ก็ได้ 
				 
			
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in