“อดีต ห้วงความทรงจำ”
1 ปีครึ่งต่อมา
ผ่านมาหนึ่งปีครึ่ง หลังจากที่ย้ายงานจากที่ทำงานเก่า ก็กำลังจะลาออกอีกครั้ง เพราะฉันมีเป้าหมายใหม่และจะไม่ทนกับอะไรเดิมๆ นั่นคือนิสัยของฉัน ฉันเองก็ครุ่นคิดตัดสินใจมาดีแล้วเช่นกัน ในทุกๆครั้งก่อนจะทำเรื่องใหญ่แบบนี้ ฉันมักจะคำนวนก่อนเสมอ
หนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ฉันก็ยังคงยุ่งกับชีวิตตัวเองเหมือนเดิม ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานในแต่ละวัน แทบไม่มีเวลาได้พัก
ในขณะที่ทุกอย่างไปได้สวย ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในชีวิตฉันบ้างที่ผ่านมา มันเพอร์เฟคแล้วจริงๆหรอ? ทำไมฉันรู้สึกเหมือนลืมอะไรสักอย่าง บางอย่าง ที่ขาดหายไป เหมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย หรือหนังสือตอนจบที่ไม่เคยเฉลยว่าจะจบยังไง บางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่ได้ทำ พึ่งผ่านพ้นปีใหม่มาได้ไม่นาน ทำไมฉันกลับรู้สึกโหวงๆอย่างบอกไม่ถูก ฉัน ลืม อะไรไปนะ...
ตัวฉันกลับถึงบ้าน เปิดเข้าห้องนอนและทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า ก่อนที่ฉันจะหลับตาลงเพื่อที่จะงีบสักพัก แล้วสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นของบางอย่างบนเตียงของฉัน
'ถุงเท้า' คู่หนึ่ง ที่วางอยู่ประจำที่เตียง มันไม่เคยหายไปไหน แม้มันจะเก่าแค่ไหนก็ตาม ไม่ว่าอากาศจะร้อนหรือหนาว แต่มันเป็นเหมือนไอเทมประจำตัวที่ฉันหวงแหนมันมาก มันทำให้ฉันหวนคิดถึงบางอย่างขึ้นมา มันพาฉันย้อนกลับไปในอดีตที่แสนอบอุ่น
หลายปีก่อน
ฤดูหนาวในเดือนธันวาคมเป็นเดือนที่ทุกคนมักจะตื่นเต้น การที่ฉันมาอยู่ต่างแดนก็ทำให้ฉันได้สัมผัสเทศกาลที่ต่างกันไปอีกแบบ สถานที่ข้างนอกครึกครื้น ผู้คนและร้านค้าต่างเตรียมเพื่อฉลองคริสมาสที่ใกล้เข้ามา รวมถึงวันปีใหม่ด้วย
เดือนธันวาปีนี้เป็นเดือนที่ฉันมีความสุขที่สุด และมันอาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างถ้าฉันมีความกล้ามากกว่านี้
ฉันกำลังยืนรอใครคนหนึ่งอยู่ในสถานที่ที่เรานัดกันไว้ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยแสงสีจากไฟประดับต้นคริสมาส และ เพลงคริสมาสที่ดังอยู่เรื่อยๆ ผู้คนต่างสวมเสื้อโค้ทและเดินกันอย่างขวักไขว่ ถนนและสถานที่ต่างครึกครื้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
เมื่อมองไกลๆ ฉันเจอใครคนหนึ่งที่กำลังวิ่งตรงเข้ามาหาฉัน
เธอวิ่งเข้ามาหาและหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันเห็นเธอยืนหอบจากการวิ่งมาแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ แต่ก็ต้องกั๊กเอาไว้ เพราะฉันเข้าใจดีว่าการวิ่งในขณะที่อากาศหนาวนั้นมันเป็นยังไง
“ฉันให้เธอนะ...” เสียงของผู้ชายร่างสูงพูดขึ้นมา พร้อมกับยื่นถุงเท้าสองคู่นุ่มๆให้กับฉัน
“ว้าว น่ารักจังเลย ขอบคุณนะ” ฉันตอบรับและรับของขวัญชิ้นนั้นมา แววตาฉันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ ฉันยิ้มไม่หุบ ถ้าฉันส่องกระจก คงได้เห็นตัวเองที่เหมือนเด็กที่กำลังตาโตเบิกกว้างและยิ้มไม่หุบด้วยความดีใจที่ได้ของที่ชอบ
“สุขสันต์วันเกิด ขอโทษที่ให้ช้าไปหน่อย คิดอยู่ว่าจะให้อะไรเธอดี แต่ฉันเห็นถุงเท้าคู่นี้น่ารักมาก เวลาอากาศหนาวสวมมันนะ เธอมักจะไม่สบาย ถ้าเท้าอุ่น มันจะทำให้ร่างกายเธออุ่นไปด้วย” เธอรัวใส่ฉันไม่หยุด ฉันฟังเธอพูดอย่างตั้งใจ ใจฉันเปี่ยมล้นไปด้วยความดีใจ
“อื้ม ขอบคุณนะ” ฉันตอบรับไปสั้นๆ แต่ในทุกๆครั้งที่ฉันตอบอะไรสั้นๆ ส่วนใหญ่จะหมายถึงฉันมีความในใจมากมายที่อยากจะพูด แต่มันพูดไม่หมด จึงทำได้แค่ตอบสั้นๆ
“มันอาจจะดูไม่แพง และธรรมดา...” เธอพูดต่อ แล้วเมื่อฉันได้ยินประโยคนั้น ฉันจึงต้องรีบตัดบท เพราะกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดที่ให้ของชิ้นที่ดูไม่พิเศษหรือใหญ่โตมากมายเหมือนคนอื่น
“มันดีที่สุดแล้ว ดีที่สุดที่เคยได้รับเลยล่ะ ฉันรักมันนะ” ใช่ มันดีที่สุดที่เคยได้รับมา เพราะที่ผ่านมาฉันดีใจและชอบกับของขวัญที่หลายๆคนให้กับฉัน แต่ชิ้นนี้ฉันรักมันที่สุดในชีวิตฉันเลยล่ะ มันช่างธรรมดาและวิเศษไปในตัว ไม่เหมือนใคร และแฝงไปด้วยความห่วงใยและความจริงใจจากอีกฝ่าย มันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดนับตั้งแต่ที่เธอยื่นให้ฉัน ‘ฉันรักมัน และฉันก็รักเธอด้วย’ ฉันได้แต่คิดในใจ และสลัดความคิดนั้นทิ้งไปเพราะคิดว่าฉันคงแค่อารมณ์อ่อนไหวก็ได้
ทุกๆอย่างมันดูวิเศษที่สุดในเดือนนั้น วันเกิดฉันห่างกับวันคริสมาสไม่ถึงเดือน สิ่งที่ฉันได้รับนั้น มันวิเศษยิ่งกว่าสิ่งไหนๆ และมันช่างมีค่ามาก เหมือนเป็นทั้งของขวัญวันเกิดและของขวัญคริสมาสไปในตัว
บางครั้งเธอเหมือนซานต้าที่รู้ใจ บางครั้งเธอเหมือนสถานที่ที่หนึ่ง ที่มองทั่วไปแล้วเหมือนจะให้หลบความหนาวได้ชั่วคราว แต่เมื่อได้สัมผัส มันกลับเป็นที่ที่สามารถอยู่ได้ตลอดกาล และที่สำคัญ ฉันรู้ดีว่าเธอเป็นคนที่ไม่ได้เปิดให้ทุกคนได้เข้าไป ฉันจึงรู้สึกดีใจ และอยากรักษาที่ตรงนี้เอาไว้ ไม่ให้มันหายไปไหน
การที่ฉันได้พบกับเธอ ในตอนนั้นฉันเหมือนคนที่เดินหลงทางท่ามกลางสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและหนาวเหน็บ แต่เมื่อฉันได้เจอเธอ ในทุกๆครั้งมันเหมือนกับฉันได้เจอสถานที่ที่เหมือนบ้าน ได้นั่งผิงไฟ ดื่มโกโก้ร้อนในฤดูหนาว มันช่างอบอุ่นและมีความสุข เหมือนสถานที่ที่เวลาฉันรู้สึกดีก็อยากจะกลับมาแบ่งปัน เวลารู้สึกแย่ก็อยากจะเข้ามาพักพิง
แล้วคริสมาสก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว คืนของวันสุดท้ายของปีก็ได้มาถึง
ฉันต้องออกไปฉลองกับเพื่อน จึงไม่ได้ชวนเธอ ทั้งๆที่ใจจริงๆแล้วฉันอยากอยู่กับเธอที่สุด แต่ฉันก็ทำปากแข็งแล้วบอกไปว่าฉันมีนัดกับเพื่อนแล้ว
ไม่รู้ว่าฉันกลัวอะไร หรือกลัวใจตัวเองกันแน่ ฉันก็เพียงแค่อยากแน่ใจว่าฉันจะไม่หลงไปกับอารมณ์อ่อนไหว
5...4...3...2...1 Happy New Year!
สิ้นสุดเสียงนับถอยหลัง ผู้คนรอบข้างต่างส่งเสียงพูดประโยคเดียวกัน เฉลิมฉลอง รอบข้างบรรยากาศครึกครื้น และผู้คนก็หนาแน่นจนเกินไป ฉันและเพื่อนจึงพากันออกมาข้างนอกร้าน
หิมะลงปรอยๆในเวลานั้น บรรยากาศที่เย็นแต่ก็อบอุ่นเพราะเทศกาลนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า หิมะที่ตกลงมาปรอยๆ มือของฉันจับโทรศัพท์อยู่ ในตอนนั้นฉันคิดถึงเธอ ถ้าอยู่ด้วยกันก็คงจะดี แต่เธอคงหลับไปแล้ว
‘คุณมีข้อความใหม่’
ข้อความในมือถือฉันก็แจ้งเตือนขึ้นมา และเมื่อฉันเปิดดูก็พบว่ามาจากเธอ ฉันดีใจมาก และต้องดีใจยิ่งกว่า เมื่อได้เปิดฟังข้อความเสียงนั้น
‘สุขสันต์วันปีใหม่ ตั้งใจเรียน รักษาสุขภาพด้วย พักเยอะๆบ้าง ดีใจนะที่ได้เจอเธอ รักเธอนะ’
และถึงแม้ว่าฉันจะเก็บอาการไม่อยู่ แต่ตอนนั้นฉันก็ยังคงนิสัยเดิม เพราะกลัวจะเสียฟอร์ม
ฉันส่งข้อความกลับไป 'สุขสันต์วันปีใหม่ ดีใจที่ได้เจอพี่ รักพี่เหมือนกัน'
เมื่อนึกถึงวันที่ใกล้เข้ามา ฉันก็แกล้งทำเป็นว่าตัวเองเมาจนไม่รู้เรื่องในคืนนั้น เพราะกลัวว่าจะทำตัวไม่ถูก ฉันคงกลัวเสียใจ เพราะอีกไม่ถึงเดือน เธอก็จะต้องกลับแล้ว ส่วนฉันยังคงต้องอยู่ต่ออีกสักพัก
แต่ยังไงก็ตาม มันก็คือการแยกย้ายกันอยู่ดี
รูปถ่ายที่ไม่ได้ถ่าย
หลังจากเทศกาลปีใหม่จบลง ก็ถึงช่วงเวลาสอบ และเมื่อฉันสอบเสร็จ ในวันเดียวกันนั้นก็เป็นวันรับปริญญาของเธอ ฉันสัญญาแล้วว่าจะไป แต่เราก็นัดกันไว้ว่าเจอกันหลังจากเสร็จดีกว่า
ในวันนั้นเองฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่า เพราะฉันสอบ จึงไม่ได้ซื้อดอกไม้อะไรให้เธอ
ฉันจึงอยากจะทำอะไรให้ และนั่นก็คือเค้กช็อกโกแลต ฉันนัดเพื่อนไว้เพื่อที่จะช่วยกันทำเค้ก เพราะหอของฉันอุปกรณ์ไม่พร้อม จึงได้นัดกันไว้ที่หอเพื่อนแทน
ในขณะที่ฉันกำลังเดินทางไปหาเพื่อนนั้น ข้อความจากเธอก็เข้ามา
‘อยู่หอไหม กำลังจะไปหานะ มาถ่ายรูปกัน’
ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าพลาดแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้รู้ว่าฉันกำลังจะทำอะไรให้ ฉันจึงได้ตอบไปว่า
‘มาทานข้าวกับเพื่อนแล้ว เดี๋ยวกลับไปหานะ'
รูปถ่ายที่ควรจะต้องมี แต่กลับไม่มี
เมื่อฉันทำเค้กช็อกโกแลตเสร็จก็รีบตรงกลับไปหาเธอ แต่แล้วเราก็สวนกันอีกครั้ง
เธอบอกว่ากำลังฉลองอยู่ และกำลังจะกลับมาหา ฉันจึงนั่งรออยู่ใต้หอแทน ก็ยังโชคดีที่เธอมาหาได้
หนึ่งวันผ่านไป วันรุ่งขึ้นเธอต้องบินกลับแล้ว
เธอมาหาที่ข้างล่างหอของฉัน เอากล่องที่ฉันใส่เค้กไว้ให้กลับมาคืน กล่องถูกล้างมาอย่างสะอาด ฉันตอบขอบคุณ แต่ก่อนที่ฉันจะกลับเข้าหอไป คำพูดเธอก็รั้งฉันไว้
‘พรุ่งนี้ฉันต้องไปแล้วนะ’ เธอพูดออกมาแบบนั้น
‘ฉันไปส่งพี่ไม่ได้หรอ ทำไมฉันถึงไปไม่ได้ล่ะ ยังไงก็อยากจะไปส่งนะ ฉันไม่ลำบากเลย ฉันกลับมาเองได้พี่ไม่ต้องห่วง’ ฉันออกปากเพื่อขอให้อีกฝ่ายตอบตกลง
‘ฉันจะไม่ร้องไห้ ฉันสัญญา’ ฉันฝืนความรู้สึกและกลั้นน้ำตาเอาไว้
‘ฉันรู้ว่าเธอจะไม่ร้องไห้ แต่ฉันไม่อยากเศร้าในตอนจากลา ฉันไม่อยากให้มีน้ำตา เราควรจะแยกกันด้วยรอยยิ้ม ถึงเธอจะไม่ร้องไห้ แต่ฉันจะร้อง ฉันไม่อยากให้เธอเห็นฉันแบบนั้น’ เธอเอ่ยออกมา
‘เข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ไป แต่พี่ต้องส่งรูปมาให้ดูด้วยนะว่าพี่เดินทางถึงอย่างปลอดภัย เข้านอนเร็วๆนะพี่ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า’ ฉันพูดออกมา ฉันคิดว่าบทสนทนาเราคงจบแล้ว ในขณะที่ฉันจะเดินกลับ แต่แล้วฉันก็ชะงักกับคำพูดเธออีกครั้ง
'นี่... มากอดหน่อยมา วันสุดท้ายแล้วนะ' ฉันไม่รีรอแล้วรีบเข้าไปกอดอีกฝ่าย ฉันสัมผัสได้ถึงมือที่ลูบผมของฉันและกอดที่อ่อนโยนของเธอ มันได้ย้ำให้ฉันรู้ว่าที่ผ่านมาฉันไม่ได้คิดไปเอง ตาของฉันร้อนผ่าว มันจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว ในหัวมีแต่ความเศร้าและความไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่ฉันและเธอคิด แม้กระทั่งในตอนสุดท้ายก็ยังไม่ตรงกัน
‘อย่าร้องนะ พรุ่งนี้พี่จะถ่ายรูปมาให้’ ฉันได้แต่กอดเงียบๆแบบนั้นโดยไม่พูดอะไร
ในวันนั้นเรากอดเพื่อจากลา แต่ใครจะไปรู้ว่ามันอาจจะเป็นกอดสุดท้ายของเรา เรายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะได้เจอกันเมื่อไหร่
‘อย่าเศร้ามากนะ ดูแลตัวเองดีๆ แล้วไว้ฉันจะไปหานะ ฉันต้องไปหาให้ได้เลย!’ ก่อนที่เธอจะเดินพ้นรั้ว เธอได้หันมาโบกมือลาฉันและตะโกนออกมาแบบนั้น นั่นเป็นวันสุดท้ายที่ฉันได้เจอกับเธอ
ถ้าในตอนนั้นฉันวางแผนอะไรดีกว่านี้ เราอาจจะมีรูปมากกว่านี้ก็ได้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ฉันกลับคิดว่ารูปถ่ายมันไม่เท่าความทรงจำ ฉันจึงไม่เคยถ่ายรูปเราไว้
มีเพียงแค่รูปเธอ ที่ใช้เครื่องฉันถ่าย และรูปของเราสองคนเพียงแค่ไม่กี่ใบ
ถ้าในตอนนั้นย้อนกลับไปได้ ถ้าฉันเปลี่ยน อะไรจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้ไหมนะ
ฉันดึงตัวเองกลับมาจากห้วงอดีตของตัวเอง ฉันลุกจากเตียงแล้วไปหยิบสมุดบันทึกของตัวเองมาเปิดดู ภายในนั้นมีหน้าหนึ่งที่เขียน List to do เอาไว้ ฉันได้เช็คไปจน เกือบ หมดแล้ว แต่ยังเหลืออย่างหนึ่ง
ใจของมันไม่เคยจะสงบไม่ว่าจะนึกถึงเหตุการณ์ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ตาม แม้ว่าเราจะห่างกันนานแค่ไหนก็ตาม และคิดเอาว่าเดี๋ยวมันก็คงผ่านไป ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in