10.
ตอนพัค จีฮุนอายุสิบขวบ
“แพ จินยอง
ลูกชายคนเดียวที่โดนแม่เลี้ยงมาแบบเข้มงวด ถึงจะไม่ชอบแค่ไหนก็ตัดสินใจทำตามที่แม่สั่งอยู่ดี นั่นแหละ เขาเลยเดินพาเด็กสกุลแพเดินออกมาที่สนามเด็กเล่นแทน
“อยากเล่นอะไร” เอ่ยถามคนเด็กกว่า “ถ้าไม่เล่นพี่จะได้ไปหาเพื่อน”
“แต่แม่บอกให้พี่เล่นกับหนูนะ”
คำว่าหนูนั่นทำให้คิ้วกระตุกไม่ยาก –แทนตัวอย่างอย่างกับเด็กผู้หญิง –
“หนูอะไรแทนตัวเองแบบนั้นทำไม เป็นตุ๊ดปะเนี่ย” เด็กนั่นกำมือแน่น จีฮุนเลยยิ่งได้ใจก้มลงไปล้อเลียนต่ออย่างห้ามไม่ได้ “ไหน น้องหนู เงยหน้าหนะ
พลั่ก
14.
“
พี่มึงคนนั้นถอนหายใจ จินยองเด็กก้มหาเหรียญที่รู้จักกันตั้งแต่แรกมลายหายไปตั้งแต่ต่อยเขานั่นแหละ มีเหลือแต่ความเป็นตัวปัญหา เพราะอยู่ข้างบ้านกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน โชคดีอยู่บ้างที่ช่วงหลังๆ มานี่จีฮุนเริ่มเรียนพิเศษทำให้เขาได้แยกกันกับเจ้าตัวปัญหานี่บ้าง แต่จินยองก็ยังมาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเขาบ่อยๆ เวลาเขาได้วันหยุด เอาศิลปะมาให้ทำให้บ้างเอาคณิตมาให้สอนบ้าง ปั่นทอนช่วงเวลาที่เขาควรจะได้เล่นเกมสบายๆ ไปเสียเยอะ
เขาได้ยินเสียงเด็กข้างบ้านบ่นตะแง้วๆ อยู่ข้างหูตลอดเวลาที่เล่นเกม จนบนจอขึ้นคำว่า YOU WIN
เด็กนั่นเท้าคางมองเขาที่ค่อยๆ สอนคณิตศาสตร์ที่เคยเรียนเมื่อปีที่แล้วอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ฟัง ไม่งั้นพี่ไม่สอนเราแล้วนะ หน้าพี่ไม่มีคำตอบ”
ใบหน้าเล็กง้ำงอ “ก็อยากมองหน้าพี่มึงอ่ะ ไม่ได้เหรอ”
เขาได้ยิน
จีฮุนถอนหายใจ “มานี่ ไม่เข้าใจตั้งแต่ตรงไหน สอบไม่ได้พี่ไม่รู้แล้วนะ” ก่อนจะเริ่มอธิบายใหม่ตั้งแต่ต้น
แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นว่าแววตาใสแป๋วนั่นยังคงจับจ้องที่ใบหน้าของตัวเองเหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
17.
เขาเริ่มรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเด็กข้างบ้านตอนที่ตัวเองอายุสิบเจ็ด – มัธยมปลายปีสอง – ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังก้าวขึ้นมาเป็นเด็กม.ปลายเต็มตัว เขาเพิ่งสังเกตว่าเขาได้ยินชื่อของแพ จินยองบ่อยขึ้นจากเพื่อนผู้หญิงในห้องตัวเองที่บอกว่าน้องทั้งหล่อ ทั้งน่ารัก หรืออาจจะเป็นเพื่อนผู้ชายที่พูดถึงฝีมือการเล่นบอลของเจ้าเด็กนั่น
แหงล่ะ
“พี่มึง” และเขาก็ยังคงได้รับฉายาพี่มึงไม่เสื่อมคลาย “หนูปวดขาอ่ะ”
“ไปทำอะไรมา”
“วันก่อนโดนทำโทษวิ่งรอบโรงเรียนเพิ่มตั้งสี่สิบรอบ”
“สมน้ำหน้า”
“เนี่ยหนูปวดขาๆๆ” เขาเลิกคิ้วแทนคำถามว่าแล้วจะให้ทำยังไง เด็กนั่นก็ยิ้มเผล่ “นวดขาให้หน่อย”
“จะบ้าเหรอ” เขาโวยวายบ้าง แต่เจ้าตัวปัญหาก็ไม่ยอมแพ้ จินยองแทบจะเอาเท้ามาเกยคอเขาอยู่แล้วจนเขาต้องดึงมันลง สุดท้ายเด็กนั่นก็หัวเราะคิกคักอย่างพอออกพอใจเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ
เขาลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายเวลาหัวเราะเสียจนเห็นฟันสีขาวเรียงตัวสวย ตาหยี หรือตอนที่เห็นรอยย่นบนจมูก ยิ่งช่วงหลังๆส่วนสูงของอีกฝ่ายก็ยืดขึ้น บุคลิกก็ดีขึ้น เขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าแพจินยองค่อนข้างจะ— น่ามอง
ใช่
เหมือนกับที่ผ่านๆมานั่นแหละ
20.
“จะเข้าที่นี่เหรอ”
เขาเคาะลงบนกระดาษชื่อมหาวิทยาลัยในแห่งหนึ่งเด่นหราอยู่บนนั้น เขาไม่ได้แปลกใจที่เจ้าเด็กข้างบ้านให้ความสนใจกับมหาวิทยาลัย เด็กมัธยมปลายปีสุดท้ายทุกคนทำ ตอนปีที่แล้วเขาก็ทำ
จีฮุนแค่นึกสงสัย – ทำไมเป็นมหาวิทยาลัยที่ไกลขนาดนั้น – เขาเข้าศึกษาต่อที่ใกล้บ้าน โชคดีที่ด้านมหาวิทยาลัยนั้นมีวิศวกรรมศาสตร์ที่เขาให้การสนใจตั้งแต่ช่วงมัธยมต้น เพราะงั้นเขาเลยได้อยู่บ้านเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องไปอาศัยอยู่ที่หอพักเหมือนใครเขา นั่นเป็นข้อดีเหลือแสน
“อื้อ มองๆ อยู่”
“ตั้งไกล” คนอายุมากกว่าเอ่ยปาก “มองแล้วเหรอว่าจะเข้าคณะอะไร”
“มองแล้ว” และเขาโคตรแปลกใจที่เด็กคนนั้นตอบกลับมาทันควัน “คงจะเป็นนิเทศฯ มั้ง”
“นิเทศศาสตร์?” จีฮุนทวนคำ “เอกไหนล่ะ มันมีตั้ง—”
“มองเอกโฆษณาไว้”
พัคจีฮุนกลืนน้ำลาย ตอนแรกเขาเกือบจะเอ่ยปรามาสอีกฝ่ายว่าคิดดีแล้วเหรอ ศึกษาดีแล้วหรือยัง แต่ยิ่งจินยองตอบคำตอบทุกอย่างของเขาชัดถ้อยชัดคำแบบนั้นเขายิ่งไร้คำพูด
เขาไม่เคยสังเกตว่าเด็กมากปัญหาคนนั้นโตขึ้นขนาดนั้น คงเพราะเราไม่ได้อยู่ในสังคมใกล้ๆ กันเหมือนตอนอยู่โรงเรียนอีกแล้ว เขาถึงไม่รู้ตัวว่าหนังสือบนโต๊ะของจินยองถูกแทนที่ด้วยหนังสือเรียนมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นคิดถึงเรื่องอนาคตของตัวเองมากขึ้นขนาดไหน
“ตลกละพี่มึง ที่นู่นมันดัง ถ้าไปได้ใครก็ต้องอยากไปปะวะ”
เขาสิ้นคำพูดไม่รู้จะพูดอะไรต่อในเมื่อความคิดที่เขาอยากพูดออกมามันหนักเกินกว่าจะหลุดออกจากปากตัวเอง “แล้วไม่อยากอยู่ที่นี่เหรอ”
“มันคนละเรื่องเถอะเอาจริง” จินยองขมวดคิ้วมุ่น “เอาให้หนูสอบให้ติดก่อนได้ไหม จะรีบถามอะไรเยอะแยะ”
23.
“ไอ้เด็กเวรเอ๊ย ตัวเล็กมากมั้ง”
หน้าตาดีฉิบหายสูงอีกต่างหาก – จีฮุนรู้สึกเหมือนจ้องหน้ากับแสงอาทิตย์อย่างไรอย่างนั้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสู้เลยกู
“ไปๆเดี๋ยวพาไปดูหอแถวๆ นี้”
คนอายุมากกว่าพยักหน้า ไม่ได้ตอบอะไรไปมากกว่านั้นเขาลอบมองเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาของฮวัง มินฮยอน –
และใช่
26.
ตอนเขาอายุยี่สิบหกการจากลาวิ่งฉิวเข้ามาในชีวิตเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะหายไปในเสี้ยววินาที
เขายืนอยู่ตรงหน้าหลุมศพบนป้ายหินนั่นเขียนชื่อมารดาของเขาที่ยังใหม่เอี่ยม จีฮุนรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึงแต่เขานึกว่าเขาจะซื้อเวลาได้นานกว่านี้ แม่ของเขาแก่ตัวลงมากก็จริง ไม่ได้ยังสาวและสวยสะพรั่งเหมือนกับตอนที่เขายังอยู่ประถและท่านแก่ตัวขึ้นอีกเมื่อทำงานนักเพราะการจากไปของบิดา เพียงแต่นั่นไม่ใช่สาเหตุ
จีฮุนหมดสิ้นคำพูด เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเหลือตัวคนเดียวเร็วเพียงนี้ ไม่คิดเลยจริงๆ
“จีฮุนเดี๋ยวพรุ่งนี้น้าไปช่วยนะจ๊ะ เราไปพักก่อนเถอะ”
“ครับ” เขาพยักหน้า
พิธีศพเกิดขึ้นอย่างเรียบง่าย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่มีญาติที่ไหนเหลือแล้วประกอบกับแม่ของเขาเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว เพื่อนสนิทมิตรสหายเท่านั้นที่มาในงาน คนหนึ่งที่คอยช่วยเหลือเขาตลอดก็คือครอบครัวสกุลแพที่อยู่ข้างๆกัน สองวันที่ผ่านมา เขาเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะร้องขอความช่วยเหลือจากใคร
จีฮุนแบกร่างตัวเองไปดูก่อนที่จะแปลกใจเมื่อเห็นว่าคนที่มายืนรอเป็นลูกชายบ้านข้างๆ
“กลับมาแล้วหรือ” เขาได้แต่เอ่ยทักทายอย่างนั้นขณะเปิดประตู ก่อนจะเหลือบตามองที่ข้างกายกระเป๋าเดินทางยังอยู่ตรงนั้น “ยังไม่เข้าบ้านเหรอ?”
“
“
เขากระซิบเสียงแผ่วเบาท่ามกลางความมืดและเงียบสงัด “จินยอง” สิ่งที่ตอบเขากลับมามีเพียงเสียงหายใจสม่ำเสมอ “แพ จินยอง”
“
เขามองตาใสแป๋วของตัวป่วนในชีวิตทั้งที่มันมืด แต่ประกายจากแววตาอีกคนกลับชัดเจน “พี่แค่คิดว่ามันดูเหมือนวันธรรมดาวันนึง พี่ไม่เคยบอกรัก ไม่เคยแสดงออกหรือพาแม่ไปเที่ยวไกลๆ เลย”
เขาเห็นประกายวูบหนึ่งในแววตาคนตรงหน้า คงไม่ใช่จากความสดใส แต่เป็นจากความไหวหวั่น แทบจะกลั่นออกมาเป็นน้ำตา จีฮุนนับหนึ่ง, สอง, สามบอกตัวเองว่าถ้าเงียบถึงห้าวินาที เขาจะเอ่ยออกไปว่าล้อเล่นอย่างคนไม่กล้า แต่แพจินยองกลับกล้ากว่าเขา
“ถ้าเป็นแบบนั้นหนูก็จะบอกว่ามันไม่ทันแล้ว”
เขารู้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ เขารู้อยู่แล้ว
“หนูจะบอกพี่ว่าทำไมพี่ไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ทำไมถึงทำเหมือนมองไม่เห็นสิ่งที่หนูคาดหวังมาตลอด ทำไมถึงมากล้าเอาตอนที่หนูมีความสุขดีขนาดนี้”
เขาหมดสิ้นคำพูดไร้คำตอบโต้ใดๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีหยดน้ำตาหยดลงมา หากแต่จินยองกลับปาดมันออกไปอย่างลวกๆ ในทันที จีฮุนทำเพียงก้มหน้าลงยอมรับต่อความจริงที่ว่าที่มันไม่ทันแล้ว เป็นเพราะความขลาดกลัวของเขาทั้งสิ้น ทั้งที่จินยองเองก็พยายามส่งสัญญาณให้เขาหลายต่อหลายครั้ง หากแต่เขาก็แกล้งทำเป็นไม่รับไม่รู้ ไม่แปลกเลยถ้าหากอีกฝ่ายจะไม่รอเขา
อันที่จริง
เขาเอื้อมมือไปปาดน้ำตาอีกฝ่ายที่ไหลไม่หยุดออก “ขอโทษ” เอ่ยเอื้อนได้เพียงคำนั้น เพราะไม่มีคำอื่นใดที่คิดออกอีกแล้ว
จินยองส่ายหน้าตอบเสียงสั่นเครือ “ไม่เป็นไร”
เรามองหน้ากันตั้งคำถามอย่างเศร้าสร้อยว่าเหตุใด, เพราะอะไร, ทำไม สามคำนั้นวนเวียนอยู่ในหัวของเขา เขากำลังจะลุกขึ้นไปที่ไหนก็ได้ หากแต่โดนมือของคนอายุน้อยกว่าจับไว้ก่อนเขาจึงทิ้งตัวนั่งตำแหน่งเดิม
จินยองมองเขาตรงๆเหมือนจะพูดอะไรสักคำ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
จีฮุนเม้มริมฝีปากแน่นเขาเลื่อนมือไปแตะต้องหัวไหล่ของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยถามอะไรที่สุดแสนจะเห็นแก่ตัว
“ถ้าพี่จูบนายตอนนี้
29.
ตอนที่เขากำลังนับอายุว่าอีกไม่นานตัวเองจะขึ้นเลขสาม เพื่อนเขาแต่งงานมีครอบครัวไปหลายคนแล้ว ในขณะที่เขายังแบกสารร่างไปทำงาน กลับบ้านกินข้าว เข้านอน ก่อนจะแบกร่างไปทำงานใหม่ในเช้าวันถัดไป บางครั้งเขาก็มองสถานที่เก่าๆ แล้วภาพทรงจำก็ลอยขึ้นมาในอัตโนมัติ เขาเคยตั้งคำถามเคยได้รับคำตอบ และเคยเรียนรู้ว่าเราไม่ควรถามอะไรอีก
เขายังจำคำพูดนั้นได้ดีแม้ว่าจะเบาหวิวเพียงไหน เขายังจดจำมันได้แม้ว่ามันจะผ่านมากว่าสามปี จำสัมผัสที่ควรจะเลือนรางไปกับความมืดหากแต่ยังแจ่มชัดในทุกความทรงจำ และเขาคิดว่านั่นเป็นความผิดพลาดยิ่งกว่าการบอกอะไรออกไปในคืนนั้นเสียอีก
หากเขาไม่รู้ว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงเขาก็คงไม่ต้องเศร้าหมองเช่นนี้
พัค จีฮุนทุรนทุรายอยู่เป็นเดือน เขาอยู่ในบ้านที่มีความทรงจำของแม่ทั้งยังมีความทรงจำของความวุ่นวายนั่นอยู่ทุกส่วน เขาจะนอนในห้องของตัวเองได้อย่างไรถ้าตระหนักได้ว่านั่นคือสถานที่ที่เขาได้กดจูบมอบจุมพิตให้กับอีกฝ่ายยันเช้าของอีกวัน และจางหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น
แพจินยองทำเฉกเช่นที่อีกฝ่ายพูด – เก็บเป็นความลับ
ใช่
ไม่มีการทักทายกันในโซเชียลมีเดีย ไม่มีการเจอกันในวันหยุดยาว
เขาใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะโดนถีบมาจากวงโคจรชีวิตของอีกฝ่าย
“อ้าว จีฮุน ทำไมวันนี้กลับเร็ว” เจ้าของชื่อหันขวับไปมองคุณนายสกุลแพข้างบ้านวันนี้หล่อนเดินออกมารดน้ำต้นไม้พอดีตอนที่เขากลับบ้านเร็วในรอบเดือน “ดีแล้วๆ ช่วงนี้หน้าโทรมมากเลยนะเรา”
เขาหัวเราะ “นั่นสิครับ ไม่ไหวเลย แต่ตอนนี้คงได้พักยาวหน่อยเพราะงานใหญ่เพิ่งปิดโปรเจ็ก”
“ก็ดีแล้วนี่นาถ้าแบบนี้ช่วงนี้ก็ว่างน่ะสิ”
“ครับ คงได้พักหน่อย”
“ดีเลย ขุดเจ้าจินยองออกไปข้างนอกหน่อยสิว่างๆ ตั้งแต่กลับมานี่เอาแต่นอนอยู่ห้อง”
“ครับ?” ก้อนเนื้อในอกเต้นร่ำ เขาบอกตัวเองว่าฟังผิดไป แต่คุณน้ากลับยืนยันว่าไม่ใช่เช่นนั้น
“เนี่ยก็เจ้าจินยองมันกลับมาแล้ว เห็นว่าทำงานฟรีแลนซ์แล้วเลยไม่มีเหตุผลจะอยู่ทางนู้นต่อ” หล่อนว่าเช่นนั้นส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับลูกชายคนเล็ก “ดูสิ มันน่าจะคิดได้ตั้งแต่เรียนจบแล้วอยู่ไกลบ้านใครจะอยากให้อยู่”
“อา งั้นหรือครับ” นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขายังพอพูดได้หลังคลำหาเสียงตัวเองเจอ
จีฮุนคุยกับคุณนายแพอีกนิดหน่อยก่อนที่จะขอตัวเข้าบ้านตัวเองโยนกระเป๋าโน๊ตบุ๊กไปทาง โยนถุงเท้าไปทางอย่างคนไร้ระเบียบที่อาศัยอยู่คนเดียว เดินไปต้มน้ำเพื่อจะทำรามยอนง่ายๆ โง่ๆ กินก่อนที่จะขลุกอยู่บนเตียงสักสองวันที่ได้หยุดพัก แต่ความคิดนั้นก็กลายเป็นหมันเมื่อสายตาเจ้ากรรมของเขาดันเหลือบมองไปที่ข้างๆ บ้าน
แพ จินยองเดินออกมาพร้อมกับกางเกงวอร์มขายาว เสื้อยืดตัวเก่าๆคิ้วขมวดมุ่นหากันไม่มีผิดเพี้ยนจากเมื่อก่อน
เขาเหลือบมองจากห้องครัวจังหวะนั้นเองที่จินยองหันมา และเราก็สบตากัน
ยิ่งกว่าจมน้ำ ไม่รู้เลยว่าควรพูดอะไรไปไหม ตะโกนไปจินยองจะได้ยินหรือเปล่า หรือควรจะยิ้มเอ่ยปากทักทาย หรือควรจะทำอะไร – พัค จีฮุนไม่รู้เลยจริงๆ เสี้ยววินาทีที่นานเหมือนเป็นชั่วโมงก่อนที่เด็กคนนั้นจะเบือนหน้าหนีไปหัวใจเขาฟีบลงทั้งที่บอกว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรแล้วแท้ๆ แต่ไม่ทันไรเขาก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านหลังจากที่ไม่ได้ยินมานาน
“ช้า” นั่นเป็นคำแรกที่ตอกหน้าเขาทันทีที่เปิดประตู “อะไรวะ ไม่คิดจะมาทักหนูหน่อยเหรอ”
“ยังไม่เลิกเรียกแบบนี้อีกเหรอ”
“จะให้ทำยังไงล่ะก็เลิกเรียกไม่ได้นี่”
“แบบนี้ก็ได้เหรอ” เขาหัวเราะกับคำพูดคำจาแบบนั้น เหมือนสามปีที่ไม่ได้คุยกันไม่ได้มีผลอะไรแต่ในใจก็ยังรู้สึกวูบไหวพอประมาณ
“โอกาสอ่ะไม่ได้มีบ่อยๆ รู้เปล่า รอบนี้ช่วยรีบทำอะไรหน่อยได้ไหม แก่กันจะตายแล้ว”
เหมือนตอนสิบขวบที่เราเจอกัน
ตอนสิบสี่ที่เขาเริ่มมองเห็นความรู้สึกอีกฝ่าย
ตอนสิบเจ็ดที่เขาไม่สามารถยอมรับตัวเองได้
ตอนยี่สิบที่เขาปล่อยอีกฝ่ายไปไกลโดยไม่ได้รั้งไว้
ตอนยี่สิบสามที่เขาเป็นไอ้ขี้แพ้มองจินยองรักกับคนอื่น
ตอนยี่สิบหกที่เขาพูดมันในวันที่สายไป
และตอนนี้
แพจินยองเป็นแบบนั้นเสมอ – เป็นตัววุ่นวายที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวไปได้ทั้งดวง
--------------------------------------
เป็นฟิคที่เขียนตอนงานมีตวิ้งดีพค่ะ
เลยเอามาลงเพราะคิดถึง
ปล. จัดย่อหน้าไม่ค่อยได้ ขอโทษนะคะ
#nandnsf
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in