เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
starry nightKhai Kung
ไม่มีคำถามว่าปีใหม่ไปไหนมาในบทสนทนาอีกแล้ว
  • 1.
    3 มกราคม 2559

    ผมตื่นขึ้นมาเพื่อพบว่านาฬิกาลังซ้อนทับกันพอดีที่เลข 12

    "หยุดวันสุดท้ายแล้วหรอวะ"

    ผมคิดในใจ ก่อนจะฝืนลุกตัวเองขึ้นไปอาบน้ำล้างหน้า คอมพิวเตอร์ยังคงถูกเปิดคาทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ผมกะเวลาถูก หนัง เพลง เกมปริมาณมหาสารที่โหลดทิ้งไว้เสร็จสมบูรณ์พอดี อันที่จริงอาจจะก่อนผมตื่นนอนด้วยซ้ำ ชีวิตประจำวันซ้ำซากก็ดำเนินไปอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่หรือแค่วันหยุดเสาร์อาทิตย์

    แม้ยังไม่หายเมามายดีจากปาร์ตี้เมื่อคืน 
    แต่อย่างไรเสียก็ต้องตื่นมาสะสางงานต่อ

    ผมกลับมานั่งหน้าจอ วันนี้เป็นวันที่ 3 มกราคม โซเชียลเน็ตเวลิคยังคงอบอวลด้วยภาพสวัสดีปีใหม่ผสมๆไปกับภาพสวยๆจากสถานที่ท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศแม้จะผ่านมาได้สองวันแล้วก็ตาม ผมอิจฉาพวกเขาในแง่ของการใช้วันหยุดได้อย่างคุ้มค่า อย่างน้อยก็คงดีกว่าผม ภาพความโหยหาและการจากลาทำให้บรรยากาศโลกเสมือนในโลกอีกใบแตกต่างกับอาทิตย์สุดท้ายปลายเดือนอย่าสิ้นเชิง บางคนเอาบุญมาฝากเพื่อนผ่านทางหน้าจอ บางคนขอใช้ช่วงเวลานี้แสดงเจตจำนงถึงสิ่งที่ตนมุ่งหมายไว้ว่าจะทำให้สำเร็จในปีหน้า

    หากช่วงเวลาก่อนสิ้นปีคือช่วงเวลาที่เราต่างทบทวนความเป็นไปของห้วงชีวิตในรอบปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาหนึ่งวันก่อนทำงานคงเป็นช่วงเวลาที่เราต้องทบทวนเช่นกันว่าเรายังมีการงานอะไรคั่งค้างไว้ หรือมีสิ่งใดต้องสะสางต่อไปในวันพรุ่งนี้ เตรียมตัว เตรียมชุด เตรียมการประชุม คงมีน้อยคนที่ยังใช้ช่วงเวลาก่อนวันทำงานไปกับการลำลึกถึงภาพหอมหวานในช่วงปีที่ผ่านมา ลึกๆในใจมีบางอย่างบอกกับเราว่าการโดนตำหนิในวันแรกของการทำงานคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

    "ถ้าในช่วงชีวิตมีทั้งหมด 100% เราจะแบ่งน้ำหนักความสำคัญกับ อดีต ปัจจุบัน อนาคตยังไง" ผมเคยสัมภาษณ์ใครซักคนแล้วถูกเขาย้อนถามคำถามประโยคบน ผมไม่ได้ตอบอะไรต่อเพื่อรอดูคำพูดต่อไปของเขา

    "เป็นผมคงให้ความสำคัญอนาคต 20 ปัจจุบัน 80 ส่วนอดีตผมให้เป็นศูนย์ หรือถ้าต้องให้ก็คงไม่เกินห้า สำหรับผมถ้าแบ่งได้ ผมคงไม่ให้ความสำคัญกับอดีตที่มันผ่านไปเท่าไรนะ อย่างไรเสีย ต่อให้เราคิดถึงมันมากแค่ไหนเราก็ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรมันได้อีกแล้ว สิ่งสำคัญกว่าคือปัจจุบัน ซึ่งมันมีผลจากการกระทำบางอย่างซึ่งผูกพันธ์แน่นอนกับอนาคต" ผมคิดตาม และยอมรับว่าที่เขาพูดมาก็เป็นมุมมองที่ถูก

    ผมเห็นด้วยที่ว่าเราน่าจะให้ความสำคัญกับปัจจุบันขณะมากกว่าอดีตที่มันผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ในเมื่อชีวิตเราไม่มีปุ่ม Edit ได้เหมือนในสเตัสเฟสบุ้ค คงน่าเสียดายเวลาหากเราจะมัวคร่ำครวนและลำลึกถึงมันจนพาลเบื่อปัจจุบันและอนาคตไปเสียอย่างนั้น

    ความทรงจำใครๆก็มีส่วนหอมหวานด้วยกันทั้งนั้น และความจริงในโลกปัจจุบันมันช่างโหดร้าย เราเพียงมีอดีตไว้ประดับในความทรงจำ ทำให้เราได้ชุ่มชื้นหัวใจ หรือสิ่งใดควรค่าแก่การเป็นบทเรียนในหน้าต่อไปของตำราชีวิต เท่านั้นคงเพียงพอแล้วสำหรับประโยชน์จากมัน เพราะปัจจุบันอาจสำคัญกว่า

    ผมยังคงนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เวลาผ่านไปพักใหญ่ กาแฟทีชงไว้ตั้งใจจะดื่มระหว่างทำงานพร่องจนแทบไม่เหลือหรอ ผมกดไลค์สเตตัสเหล่านั้นหนึ่งครั้ง เลขหลักหน่วยขยับขึ้นอีกหนึ่ง สายตาเหลือบไปเห็นปฏิทินปีใหม่ที่วางอยู่ใกล้ๆกันแล้วถอนหายใจหนึ่งที อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ผมก็ต้องกลับไปทำงานอีกแล้ว ในใจลึกๆจากประสบการณ์การเป็นมนุษย์กรุงเทพมา 23 ปี ผมรู้ว่าพรุ่งนี้รถต้องติดแน่ๆถ้าผมออกจากบ้านช้า ผมรู้ว่าการจราจรจะติดยาวจนเราอาจหลับและตื่นได้อย่างเต็มอิ่มในการเดินทาง ผมรู้ว่าหากไม่จำเป็น ไม่ควรพาตัวเองออกนอกบ้านเพื่อเผชิญกับรถขาเข้า ผมปลอบใจตัวเองเบาๆคิดเอาว่าปีนี้คงเป็นปีที่ดีกว่าที่ผ่านมาแน่ๆ

    มองไปตรงหน้า โต๊ะยังรกเหมือนเมื่อปีที่แล้ว
    และผมคิดว่าวันใดวันหนึ่งในปีนี้ 
    จะได้จัดให้มันสะอาดขึ้นบ้างเสียที
    เหมือนกับที่ตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้จะออกกำลังกายในช่วงตลอด365วันที่ผ่านมา

    2.
    วันแรกของการทำงานผมตื่นตามเวลาของนาฬิกาปลุก ความเคยชินจากวันหยุดยาวจะทำให้ผมไม่อยากลุกเท่าไร แต่ในเมื่อมันเป็นงาน ยังไงก็ต้องฝืนใจ ชุดที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนวางอยู่ในตำแหน่งพร้อมสวมใส่ ไม่เกินเจ็ดโมงครึ่ง ผมพาตัวเองไปติดอยู่บนถนนเช่นที่คิดไว้ คงมีคนคิดเหมือนกับผมมากไปหน่อย

    นี่อาจจะเป็นหนึ่งในวันจันทร์ที่คนเบื่อเป็นอันดับต้นๆในรอบปี บุคลากรในหน่วยงานยังบางตา บางคนขอลาต่ออีกวันสองวันเพื่อให้การเดินทางกลับเป็นไปอย่างราบลื่นกว่าตอนนี้ มีการมอบกระเช้ากันเป็นพิธี มีของที่ละลึกปีใหม่ติดไม่ติดมือมาให้กันตามความสนิทสนม

    บทสนทนาประจำวันนอกจากกล่าวคำทักทายสวัสดีปีใหม่คงหนีไม่พ้นเรื่องการถามไถ่กิจกรรมที่ไปทำมาในช่วงวันหยุดยาว ผมไม่ได้เบื่ออะไรนักหรอกที่ต้องคอยตอบคำถามเดิมๆกับคนใหม่ๆ มันอาจเป็นการทักทายที่มีได้เฉพาะวันนี้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ผมเองไม่มีเรื่องเล่าอะไรยิ่งใหญ่ที่จะแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของการใช้วันหยุดอย่างมีประโยชน์ได้แบบที่คนถามส่วนใหญ่เค้าไปทำกัน

    "ไม่ได้ไปไหนครับ อยู่บ้าน"

    ส่วนใหญ่มักตอบเลี่ยงๆไปแบบนี้ และพยายามเปลี่ยนเรื่องสนทนา นอน ตื่นเที่ยง ทำงานบ่าย เดินในเมือง เข้าสตารบัค(คนน้อยดี เน็ตไว ไม่มีคนแย่ง อันนี้ชอบมาก) ตกเย็นไปบาร์ นั่งดื่มเบียร์ให้เมามายและใช้ชีวิตวนกลับไปยังลูปเดิมๆอีกครั้ง

    วันหยุดสี่ห้าวันและก่อนหน้านั้นก็ดำเนินชีวิตไปแบบนี้ ไม่มีการเก็บบ้าน ไม่มีการจัดห้อง ไม่ได้ไปทำบุญ ไม่ได้ไปดูพลุ มีดูบอลบ้าง ไม่ได้ไปดูไฟประกับอลังการของกรุงเทพ แต่ที่ดีคือได้ใช้เวลากับมิตรสหาย ไอ้ที่ไม่ได้เจอกันนานๆก็ไม่พ้นเรื่องลำลึกอดีต บางทีคุณค่าของสิ้นปีมันอาจจะมีแค่นี้ ไม่อยู่คนเดียวเพื่อคิดถึงและทบทวนตัวเองก็อยู่กับใครซักคนเพื่อลำลึกอดีตอันหอมหวานที่ไม่มีวันย้อนไปได้ เวลาที่อยู่กับเพื่อน เราไม่ประกาศตัวเองหรอกว่าปีหน้าเราจะมีแผนการยิ่งใหญ่อะไร เราไม่เคยเอา new year resolution มากางและป่าวประกาศให้เพื่อนๆรับทราบ ทำตัวบ้าบอได้โดยที่รู้ว่าเพื่อนจะหัวเราะตามไปด้วย ก่อนจากลาและตบบ่า ขอบคุณที่เอาชีวิตรอดไปด้วยกันอีกปีหนึ่งแล้ว

    ผมนึกถึงหนังเรื่อง Big fish ของ Tim Burton เป็นเรื่องราวของเอ็ดเวลิด ชายหนุ่มวัยชราซึ่งอาศัยชีวิตอยู่มาจนวาระสุดท้าย เขาเลี้ยงดูลูกชายผ่านเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับตัวเขา การพจญภัยสุดแสนวิเศษมันช่างฟังแล้วน่าตื่นเต้นเมื่อครั้งยังเด็ก เพียงแต่เมื่อโตมา เรื่องเล่าเหล่านั้นสร้างความกังขาให้กับลูกชาย

    ในโลกที่เราเติบโตมาโดยไม่เชื่อว่าหมู่บ้านลับแล แม่มด และมนุษย์ยักษ์มีจริง สิ่งที่พ่อของเขาเล่าจากปากจึงเป็นเพียงนิทานเรื่องหนึ่งซึ่งเขายังคงเล่ามันซ้ำๆราวกับมันเกิดขึ้นจริง แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อ ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรยืนยัน จึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะเชื่อ ในท้ายที่สุดแล้วเราเองซึ่งเป็นผู้ชมก็ยังคงตั้งคำถามอยู่ดีว่าสิ่งที่พ่อเขาเล่ามาเป็นจริงมั้ย แต่นั้นคงไม่สำคัญ เพราะเขานั้นได้ดำรงอยู่ในหัวใจลูกชายตลอดไปด้วยเรื่องเล่าของเขาเรียบร้อยแล้ว

    เพราะผมไม่มีวีรกรรมยิ่งใหญ่เพียงพอจะให้ใครต่อใครได้ฮือฮา เวลามีคนถามว่าหยุดยาวไปเที่ยวไหนมา ผมจึงตอบอย่างเจื่อนๆและถามกลับไปตามมารยาท แม้หลายคนจะรู้อยู่แล้วจากการนำเสนอผ่านสเตตัส แต่ถึงกระนั้นการถามไถ่ด้วยปากก็ยังเป็นคุณสมบัติหนึ่งซึ่งยืนยันได้ว่าเรายังเป็นมนุษย์อยู่

    แม้จะหยุดไปแค่ 4 – 5 วัน แต่คนเราคิดถึงกันได้มากขนาดนี้เลยหรือ และนี่คงเป็นการทำงานวันแรก เป็นวันที่บุคลากรยังเบาบาง เป็นวันที่เราอาจจะยังไม่อยากนั่งทำงานเท่าไร เราจึงใช้วันนี้ไปกับการนั่งอัพเดตชีวิตที่ผ่านมา นั่งสนทนากันราวกับไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน เล่าเรื่องราวแลกเปลี่ยนกันอย่างสนุกสนานไม่ต่างกันกับเอ็ดเวลิดในเรื่อง Big fish

    บางทีชีวิตเราอาจเป็นแบบนี้ ดำรงอยู่ในหัวใจใครได้ตลอดไปโดยใช้เรื่องราวมายมายมาร้อยเรียงต่อเนื่องกันเป็นภาพชีวิต ไม่แปลกใจหากเราจะรู้สึกว่าโลกเร่งเร้าให้เราสร้างตำนาน สร้างเรื่องราวของเราแม้จะเป็นช่วงวันหยุดสั้นๆ เราต่างเลือกสรรสถานที่เหมาะเจาะสำหรับตัวเองเพื่อนับ 10-0 ไปพร้อมๆกัน และมีช่วงวันดีๆประดับตำนานแรกของปี 2016 โดยหวังว่าท้ายที่สุดเมื่อเดือนธันวามาถึง แอพพลิเคชั่นจะรวบรวมเรื่องราวชีวิตตลอดปีให้ และเราจะเต็มไปด้วยช่วงเวลาสุดเจ๋ง ผมเองถ้าเป็นไปได้ก็อยากมีรวมภาพดีๆในรอบปีกับเข้าบ้าง แต่หากต้องวางแผนกันตลอดปีคงเหนื่อยเกินไป ปีนี้ผมจึงไม่เขียนปณิธานอะไรอีกแล้ว และปล่อยให้เรื่องราวชีวิตดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น

    และอาจเป็นเพราะวันนี้คนเบาบางมากกว่าที่คิดไว้
    ไม่มีใครชวนผมไปไหน และผมไม่มีเรื่องเล่าหวือหวา 

    ไม่นานเท่าไร ผมพาตัวเองกลับบ้าน เปิดตารางงาน 
    ดูสิ่งที่ต้องสะสางในวันถัดไป สลบไสลแม้ตะวันยังไม่ตกดิน
    ก่อนจะลุกขึ้นในอีกสองช่วงโมงถัดมา
    และทำงานที่คั่งค้างต่อไปไม่ต่างกับสัปดาห์สุดท้ายปลายปีเลยซักนิด
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in