ปัจจุบันเราคงไม่ค่อยได้ยิน หรือได้ยินน้อยลงไปมากแล้วกับสำนวนที่ว่า
ไม่กินเส้น เพราะสำนวนนี้ได้แปรความและสภาพออกไปเป็นคำว่า
เกาเหลา และเป็นที่นิยมใช้กันไปทั่วไปจนรู้จักกันดี
หากมีใครบางคนไม่ถูกต้องชะตากัน มองกันหน้าไม่ค่อยได้ พูดคุยกันก็ไม่ยืดออกแนวชวนทะเลาะหาเรื่อง แบบอย่างคู่พระคู่นางในละครไทย เมื่อมองผ่านสายตาคนนอกก็จะบอกว่าคู่นี้ หรือคนกลุ่มนี้เขา เกาเหลากัน
เหตุที่เป็นเกาเหลาเพราะว่ามาจากคำว่า ไม่กินเส้น เพราะหากจะกินก๋วยเตี๋ยวแต่ไม่อยากกินเส้นเราก็เท่ากับว่าเรากินเกาเหลานั่นเอง
แล้วการกินก๋วยเตี๋ยวแบบมีเส้น หรือไม่มีเส้น(เกาเหลา) มันเกี่ยวอะไรกับการไม่ถูกชะตากันระหว่างคนสองฝ่าย
นั่นเป็นเพราะว่าสำนวนไม่กินเส้นที่เราใช้และวิวัฒน์ออกไปเป็นเกาเหลานั้นไม่ได้มีที่มาจากเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่มาจาก เส้น ในร่างกายคน!
ในแวดวงการนวด เอ่อ นวดแผนโบราณน่ะครับ เขาจะมีตำราการนวดแบบหนึ่งที่เรียกว่า "แผนเส้น" ที่กล่าวถึง เส้นภายในร่างกายมนุษย์ทั้งหมด มีการเชื่อมโยงกันตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะ ตำรานวดแผนโบราณเขาว่าไว้ เส้นในร่างกายมนุษย์นี้มีถึง 72,000 เส้น!
ภายในเส้นอันยุ่งเหยิงนี้จะมีเส้นที่เป็นหลักในร่างกายที่เรียกว่า เส้นประธาน อยู่ 10 เส้น เท่านั้น
เส้นประธานทั้งสิบมีชื่อเรียกดังนี้ เส้นอิทา เส้นปิงคลา เส้นสุมนา เส้นกาลทารี เส้นสหัศรังสี เส้นทวารี เส้นจันทภูสัง เส้นรุชำ เส้นสุขุมัง และเส้นสิกขินี
การรักษาโรคด้วยการนวด หมอก็จะนวดเฟ้นเส้นทั้งหลายเพื่อให้คลายจากโรคที่เป็นอยู่ หากหมอนวดแล้วไม่หาย ไม่คลาย ก็จะบอกว่า หมอคนนี้นวด ไม่ถูกเส้น หรือ ไม่กินเส้น หมายถึง นวดไม่ดี นวดไม่โดน ก็พาลที่จะไม่ไปใช้บริการกับหมอคนนี้อีก จึงทำให้เกิดอาการ ไม่กินเส้น ระหว่างหมอนวดกับผู้ป่วยได้ ต่อมาบริบทการใช้งานสำนวนนี้ก็กว้างขึ้น และใช้กันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in