พอบัสเริ่มเข้าเขตดาลัทอากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ รู้สึกได้ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ในรถ มาหมดเลยจ้าทั้งลม ทั้งฝน สุดยอดไปเลย พอลงรถตรงปุ๊บก็เลยจะเรียก Grab ไปที่พักเหมือนทุกที แต่พอลองกดดูเลยรู้ว่า ที่ดาลัทมีแต่ Grab Bike ส่วนแท็กซี่ที่มีคือจะเป็นแท็กซี่ของที่นี่ เราต้องโบกเอาเอง (แต่มีมิเตอร์นะ แค่สตาร์ทเงินไม่เท่ากัน) พอลองดูระยะทางแล้วไม่ไกลจากที่พักมาก (12.000) เลยเรียก Grab Bike นั่งไปกันคนละคัน
และเพราะดาลัทเป็นเมืองที่อยู่บนเขา ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ม่อนแจ่ม ที่มีบ้านมีตึกแบบขั้นบันได แล้วพอนั่งรถมอเตอร์ไซต์หลังฝนตกเสร็จใหม่ ๆ รู้สึกคิดผิดนิดหน่อย เพราะการนั่งรถมอเตอร์ไซต์ที่เวียดนามนี่เสียวสันหลังวาบเลยนะ
หลังจากเช็คอินแล้วก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สวนไฮเดรนเยีย (135.000) ส่วนค่าเข้าสวนดอกไฮเดรนเยียจะคนละประมาณ 20.000 พนักงานตรงที่คอยเก็บเงินพูดไทยได้ด้วย น่ารักมาก ๆ อ่อ เกือบลืมบอกว่า ให้เราคุยกับแท็กซี่เลยนะว่า ให้เขาจอดรอตอนเราไปเที่ยว ไปถ่ายรูปได้ไหม ตกลงราคากันให้ดี เพราะตรงสวนมันเข้าไปอีกจากถนนใหญ่ แล้วเราให้แท็กซี่เข้าไปส่งถึงที่จริง แต่ตอนขากลับลืมว่าไม่มีรถ เลยต้องเดินออกมาที่ถนนใหญ่แล้วโบกแท็กซี่กันเอง ระยะทางเอาเรื่องอยู่นะ
พอเข้ามาตรงสวนเขาจะมีบันไดเป็นพร็อพประกอบให้เราถ่ายรูปวางเป็นจุด ๆ อยู่ในสวนให้เรา เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่าต้นไม้จะสูงเกินไป เพราะมีตัวช่วยมาให้แล้ว แต่เห็นแปลงดอกไม้เยอะขนาดนี้ แต่ตอนถ่ายรูปจริง ๆ เรามุมอยากมาก เพราะเรารู้สึกว่าดอกไม้มันแหว่ง ๆ ถ่ายไปบางทีเจอใบ ไม่ติดดอกไม้เยอะ ๆ แบบต้องเล็งแล้วเล็งอีก
นอกจากจะมีบันไดแล้ว ยังมีเหมือนโต๊ะสูง ๆ เอาไว้ให้เราขึ้นไปยืน ไปนั่งข้างบนได้อีกด้วย เพราะงั้นไม่ต้องห่วงว่า จะสูงไม่พอ ตัวช่วยมีหลายเวอร์ชันมาก วันนั้นที่ไปจริง ๆ นักท่องเที่ยวเยอะนะ แต่คนจะชอบไปกระจุกกันอยู่ตรงที่เขาจัดพร็อพไว้ให้แล้วต่อคิวรอถ่ายรูป ถ้าใครอยากได้รูปที่ไม่ติดคนอื่น ก็คือ มาตรงบันไดกับตรงโต๊ะน่าจะเวิร์กกว่า
หลังจากออกจากสวนแล้วกะว่า กลับไปเดินเล่นในเมืองก่อนละกัน กำแพงเหลืองของร้านนี้ตั้งใจมาโดยเฉพาะ โชคดีเจอพี่คนไทยต่อแถวถ่ายรูปอยู่ตรงนั้นเลยให้พี่เขาช่วยถ่ายรูปให้ ของกินในร้าน packaging น่ารักมาก ๆ เหมาะซื้อกลับมาเป็นของฝาก ราคาไม่แรงอีกต่างหาก แล้วที่เรางงมากคือ Banh Mi ของที่นี่ขายถูกกว่าเจ้าที่ขายในเมืองญาจางอีก ทั้ง ๆ ที่เราคิดเอาไว้แล้วว่า เอาขึ้นมาขายบนเขาของน่าจะแพงกว่าด้วยซ้ำ
ตลาดกลางคืนของที่นี่มีของที่เราเล็ง ๆ เอาไว้ว่าจะต้องมากินให้ได้หลายอย่างมาก เริ่มที่อันนี้เลย เราเห็นเขาเรียกว่าเป็นพิซซ่าของเวียดนาม (20.000) เป็นแป้งกรอบ ๆ เอาไข่ทาแล้วก็ใส่เครื่องเข้าไป จะเป็นพวกไส้กรอก ซอสต่าง ๆ อันนี้อร่อยมาก แล้วมีขายหลายร้านมาก ทั่วทั้งตลาดคือมีอันนี้ขาย เดินไปทางไหนก็เจอ ราคาเท่ากันทุกร้าน แต่เครื่องที่ใส่คือบางร้านให้เยอะน้อยไม่เท่ากัน
อันนี้ลองกินเพราะเห็นเป็นข้าวเหนียวสีม่วง (30.000) ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร เพราะหาป้ายไม่เจอ รู้แค่ว่าอร่อยมาก ตัวข้าวเหนียวก็คือข้าวเหนียวปกตินี่แหละ เพราะอากาศเย็นละกินข้าวเหนียวร้อน ๆ อะ ส่วนเครื่องข้างบนคือจะเป็นพวกหมูยอ หมูหยอง ไข่นกกระทา มีผักนิดหน่อย แล้วเขาจะเหยาะซอสเค็มลงไปบนข้าว คล้าย ๆ ซีอิ๊ว อันนี้คือทีเด็ด ประทับใจมาก
ทุกคนมันเผาบนนี้คือนอกจากจะหัวใหญ่มากแล้ว ราคายังเบาตรงข้ามกับขนาดอีกด้วย หัวเดียวคือต้องหักแบ่งไม่งั้นคือไม่หมด 5555555555555555555 เคยกินมันเผาตอนหน้าหนาวกันใช่ไหม คือเข้ากับบรรยากาศสุด ๆ
เราขอจบวันนี้ 3 ลงตรงนี้ แพลนวันนี้คือชิวมากจริง ๆ ดาลัทอากาศดีมาก ของกินถูกปากสุดตั้งแต่กินมา เป็นเมืองที่ถ้าจะมาก็อยากกลับมาซ้ำที่นี่อีก
P.s.
- มีแต่ Grab Bike แท็กซี่คือต้องโบกเอง แต่ละสีจะสตาร์ตไม่เท่ากัน
- ที่เที่ยวนอกเมืองจะเยอะ ทั้งสวนต่าง ๆ ทั้งคาเฟ่ที่เห็นวิวทั้งเมือง ถ้าคุยกับแท็กซี่ดี ๆ ว่าให้รอด้วย เพราะไม่งั้นจะเรียกแท็กซี่ยาก เพราะต้องโบกเอง
- เป็นเมืองที่อากาศเย็นตลอด ห้องที่เราพักไม่มีแอร์ด้วยซ้ำ แต่หลับสบายสุด ๆ
- ตั้งแต่กินอาหารมาตลอดทริป อาหารที่นี่ถูกปากเรามากสุด
ค่าใช้จ่ายของ Day 3 (เรท 0.0013)
ค่าแท็กซี่ : 111.000
ค่ากิน : 374.000
Total : 485.000
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in