เล่มที่สองของปี อ่านจบตอนเดือนมีนาคม...
สำหรับเล่มนี้ อ่านเพราะต้องอ่านเป็นหนังสือนอกเวลาในวิชาอิทธิพลวรรณกรรมต่างประเทศในวรรณกรรมไทย -- ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ เพราะอาจารย์ก็ได้คัดหนังสือที่ดีและน่าสนใจอีกเล่มมาให้อ่าน
สาวิตรี เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ในเล่มมีทั้งความเรียงร้อยแก้วและกลอนบทละคร ซึ่งแน่นอนว่าเราอ่านแค่ส่วนแรก (...) เพราะแค่อยากรู้เนื้อเรื่องเฉย ๆ (แต่ภาษาก็ดีนะ ร.6 ทรงแปลมาจากภาษาอังกฤษ)
จริง ๆ เรื่องนี้เป็นอุปาขยาน (เรื่องแทรก) ในมหากาพย์รามายณะ เล่าตอนที่นางเทราปตีโดนฉุดไปแล้วครอบครัวกังวลกัน เลยยกเรื่องนี้มาเล่าเทียบประมาณว่า นางเทราปตีเป็นคนดี ยังไงก็ต้องกลับมารอดปลอดภัยแน่นอน เหมือนนางสาวิตรี (ซึ่งนางก็รอดจริง ๆ ตอนหลัง ใครไปช่วยจำไม่ได้ ...)
พูดถึงเนื้อเรื่องคร่าว ๆ (?) เรื่องเริ่มจากพระราชาองค์หนึ่ง พระนามว่า อัศวบดี อายุมากแล้ว บำเพ็ญเพียรและสั่งสมบุญมาตลอดชีวิต อยากมีลูกเลยไปขอพระพรหม พระนางสาวิตรีที่เป็นมเหสีของพระพรหมชอบอกชอบใจการทำความดีของพระราชาเลยบอกว่าเดี๋ยวพระพรหมจะประทานพรให้ เลยได้ลูกสาวมาคนหนึ่ง ตั้งชื่อว่า "สาวิตรี"
เจ้าหญิงสาวิตรีก็เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ เป็นคนดี ทำพลีกรรมตามคติพราหมณ์อย่างตั้งใจ จนถึงวัยต้องออกเรื่อน เจ้าคุณพ่อเพิ่งระลึกได้ว่าเห้ย นี่ลูกสาวอายุปูนนี้แล้วยังไม่แต่งงานออกเรือนอีก ครั้นจะหาชายที่เหมาะสมพอจะให้มาตบแต่งกับลูกสาวก็หาให้ไม่ได้ เลยบอกลูกว่า เออ ไปหาเองนะ หาชายที่คิดว่าเหมาะสมกับตัวเอง ถ้าพ่อพิจารณาแล้วว่าผ่านก็แต่งเลย อยากให้ลูกแต่งแล้ว
ดูกรดรุณีผู้มีคุณสมบัติงาม, ลูกจงฟังพ่อเล่าถึงถ้อยคำที่พ่อได้ยินเหล่าทวิชากล่าวมาแล้ว.บิดาใดที่ไม่ยกธิดาให้แก่เขาย่อมได้ความอาย, และภรรดาใดที่ไม่สมพาศด้วยภรรยาในการอันเหมาะย่อมได้ความอาย. และบุตรใดที่ไม่ระวังรักษามารดาของนางนั้น ตายแล้วก็ย่อมได้ความอายเช่นกัน.
สาวิตรีก็เลยออกเดินทางไปหาชายในดวงใจของตน พอกลับมาเห็นพระบิดาอยู่กับพระนารทพอดี พระนารทก็ไถ่ถามชีวิตสาวน้อยสาวิตรีว่าเป็นไงมาไงไปไหนมา พระบิดาเลยเล่าให้ฟังว่า นี่ให้ลูกสาวไปหาคู่ครองมา ก็มาคอยฟังกันแล้วกันว่าหวยจะไปออกที่ใคร สาวิตรีเลยบอกว่า เนี่ย ท่านพ่อรู้จักเมืองศาลวะไหม กษัตริย์คนเก่าตาบอดแล้วก็โดนยึดอำนาจ เลยเข้าป่าไปอยู่อาศรม บำเพ็ญเพียรภาวนาและกระทำพลีกรรมกัน แล้วนางก็ไปตกหลุมรักโอรสของกษัตริย์องค์นั้นเข้า ก็คือ "สัตยวาน" นั่นเอง
พระนารทฟังแล้วตกใจ บอกว่านี่พลาดแล้วนะ พระสัตยวานน่ะ ดีทุกอย่างเลย เป็นคนดี หน้าตาดี มีบุญญาธิการสูงส่ง ดีจนไม่น่าจะมีอยู่บนโลกนี้ได้ แต่ข้อเสียที่สุดที่ทำให้ทุกความดีของพระสัตยวานกลายเป็นฝุ่นไปเลยก็คือ... จะทรงอยู่ได้อีกเพียงหนึ่งปีเท่านั้น
พระอัศวบดีฟังแล้วก็รีบห้ามลูกสาวเลยว่า เห้ย อย่าไปแต่งกับคนนี้ แต่สาวิตรีไม่ยอม บอกว่า
“อันลูกบาศจะตกได้ก็เพียงครั้งเดียว; บุตรีก็ยกให้เขาได้เพียงครั้งเดียว; และคนเราจะพูดว่า “ฉันยกให้” ดังนี้ก็ได้แต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น. ทั้งสามอย่างนี้จะเปนไปได้แต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น. ดังนี้เธอจะมีอายุยาวหรือสั้นก็ดี, มีคุณสมบัติหรือไร้คุณสมบัติก็ดี, กระหม่อมฉันได้เลือกภรรดาของกระหม่อมฉันครั้งหนึ่งแล้ว. กระหม่อมฉันจะเลือกสองครั้งหาได้ไม่. เมื่อได้ตกลงข้อใดข้อหนึ่งในใจแล้ว, จึ่งแสดงออกมาด้วยถ้อยคำ. แล้วจึ่งลงมือกระทำด้วยกาย. ใจของหม่อมฉันเปนตัวอย่างในข้อนี้.”
คนจริง พูดเลย
พระนารทฟังแล้วก็ยอม อวยพรแล้วกลับสวรรค์ไป พระอัศวบดีก็พาลูกเข้าป่าไปหาอาศรมฤาษีที่พวกพระสัตยวานและพ่อแม่อยู่ ตบแต่งกันจนเสร็จพิธีแล้วก็เสด็จกลับ ปล่อยลูกสาวทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ปรนนิบัติสามีและพ่อแม่สามีอย่างดี ทั้งกระทำตนอยู่ในหลักศีลหลักธรรม กระทำพลีกรรม เป็นที่ถูกอกถูกใจของพ่อปู่แม่ย่ายิ่งนัก
แต่แม้ภายนอกจะยิ้มแย้ม ในใจสาวิตรีพูดเลยค่ะว่าเครียดมาก คำพูดของพระนารทดังอยู่ในหัวตลอด หน้ายิ้มแต่ในใจแบบ สามีฉันกำลังเดินไปหาความตาย ควรทำยังไง พอคำนวณวันจนถึง 4 วันก่อนวันถึงฆาตของพระสัตยวาน นางก็เลยอดอาหารบำเพ็ญตรีราตระธุดงค์ แม่สามีก็แอบหวั่นใจ แต่นางบอกจะตั้งใจทำ จนถึงวันกำหนดเส้นตายของพระสวามี สัตยวานบอกพ่อแม่ว่าจะไปหาฟืนในป่า สาวิตรีก็ขอติดตามไปด้วย พ่อแม่สามีก็อนุญาตก็พากันเข้าป่าไป
เดิน ๆ กันอยู่ ตัดไม้ตัดฟืน จู่ ๆ พระสัตยวานเกิดปวดหัวตัวร้อนขึ้นมา รู้สึกโลกหมุน สาวิตรีเลยบอกให้มานอนตักดิฉันได้นะคะ พอนอนเท่านั้น หันมาอีกทีพระยมราชก็มาปรากฏตรงหน้าแล้วเอาวิญญาณพระสัตยวานไป
สาวิตรีก็... ไม่ยอมโว้ย 555555555 พอพระยมราชเดินไป นางก็วางกายหยาบสามีไว้กับดินนั่นแหละแล้วตาม พระยมก็หันมาบอกว่า เห้ย อย่าตาม พอแล้ว หลังจากนี้เจ้าไปไม่ได้ นางก็เลยเทศน์เรื่องธรรมเป็นเลิศให้พระยมฟัง ปรากฏพระยมถูกใจ บอกว่าเดี๋ยวให้พร ให้แล้วก็กลับไปนะ นางเลยขอให้พ่อสามีหายจากการตาบอด แต่ไม่ยอมเลิกตาม ก็ตามต่อ พระยมก็บอกให้หยุด นางก็เทศน์อีก พระยมถูกใจอีก นางเลยขอพรให้พ่อสามีได้เมืองคืนมา กลับไปเป็นกษัตริย์ดังเดิม พระยมก็โอเค เดี๋ยวจะได้ตามนั้น
ถามว่าสาวิตรีพอใจหรือยัง... ยังค่ะ ตามต่อ พระยมก็แบบ เห้ยยยย อะไรนักหนา นางก็เทศน์อีก แล้วพระยมก็ถูกใจอีกแล้ว (...อืม พอกัน) ก็จะให้พรอีก นางเลยขอว่า งั้นขอให้พ่อของตนที่ไม่เคยมีลูกชายเลย มีลูกชายสัก 100 คนไว้สืบบัลลังก์ พระยมก็เซย์เยส แต่สาวิตรีก็... ค่ะ ไม่ยอมอีก รอบที่สี่ละ เทศน์อีก พระยมก็ชอบอีก นางก็ขอพรว่าขอให้ตัวเองมีลูก 100 คน
ทีนี้ก็เข้าทางนางละ พอรอบสุดท้ายนางเทศน์อีกรอบ (รอบที่ห้าละ...) พระยมชอบอกชอบใจ บอกว่าอยากได้อะไร เดี๋ยวให้พร (ข้อที่ห้า) นางเลยบอกว่า พรข้อใด ๆ ก็เป็นไปได้ แต่ข้อล่าสุดจะเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ได้สวามีคืนนะจ๊ะ ขอสามีข้าคืนด้วย
ในที่สุดพระยมก็ยอม คืนสามีให้นาง แล้วก็อวยพรเพิ่มทำนองว่า ลูกชายทั้งหลายของนางและพ่อของนางที่เกิดกับแม่ของนางจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรเหมือนเทวดาไรงี้
เสร็จแล้วสาวิตรีเลยกลับมาหากายหยาบสามีที่นอนกับดินอยู่ ไปจัดแจงวางให้เหมือนเขาเพิ่งนอนตัก พอพระสัตยวานตื่นขึ้นมาก็งง อ้าว ตะกี้วูบไป ตื่นมาอีกทีฟ้ามืด ก็คร่ำครวญว่า เนี่ย เดี๋ยวเจ้าคุณพ่อเจ้าคุณแม่ห่วง กลัวท่านห่วงมากเลย ร้องไห้งอแงให้สาวิตรีปลอบแล้วก็พากันกลับอาศรม
เรื่องจบตรงนี้
ถามว่าเรื่องนี้ให้อะไรกับคนอ่าน
สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้ นอกจากคติพราหมณ์ฮินดูแล้ว ยังมีแนวคิดเชิดชูสตรีด้วย 555 จะสังเกตว่าในเรื่องสาวิตรีเด่นมาก และสตรองกว่าพระเอก พ่อตัวเองก็ห้ามไม่ได้ พระเอกก็มาร้องไห้ใส่ให้นางปลอบใจ คอยดูแล ช่วยชีวิตพระเอกอีก เป็นประเภทตัวละครหญิงที่ว้าวมาก เมื่อคิดว่าตีพิมพ์เผยแพร่ในสมัยรัชกาลที่ 6
เรื่องนี้อ่านไม่ยาก สำหรับใครที่อยากลองอ่านแนววรรณคดี ลองอ่านดูค่ะ เนื้อหามีไม่ถึง 40 หน้า A5 ด้วยซ้ำ (เฉพาะส่วนร้อยแก้ว) หาตัวเล่มยากหน่อย แต่เราเชื่อว่าคุณจะหาเจอค่ะ
สุดท้าย ผู้หญิงเป็นเพศที่แข็งแกร่งเหลือเกิน (นึกภาพสาวิตรีหยิบขวานมา กวาดของมาหอบหิ้วเอง มืออีกข้างก็พยุงสามีที่สะโหลสะเหลกลับอาศรม)
ป.ล. เล่มที่เรามีไม่ได้ซื้อมานะคะ อาจารย์หามาให้ เป็นเล่มก๊อปปี้... เล่มจริงหน้าตาเป็นไงไม่รู้เหมือนกัน
ป.ล.2 สาวิตรีโมเดลท่าจะเข้าที
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in