เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SURVIVOR IN JAPAN 1ST TIME BY ตูนเองctboonin
SURVIVOR IN JAPAN : ปฐมบทความบรรลัย
  • สวัสดีค่ะ 

    ตูนเอง

              ห่างหายจากการเขียนไปนาน ครั้งนี้ตูนก็จะมาเล่า มาแชร์ สิ่งที่ไปเจอมาในทริปเที่ยว 6 วันในญี่ปุ่น ที่ได้ไปแบบงงๆ จากความดวงเฮงของแม่ที่ทำยังไงไม่รู้ ชิงโชคได้ตั๋วไปญี่ปุ่นฟรีมา2ใบ (จะบอกว่าฟรีทั้งหมดก็ไม่เชิง รางวัลตัวที่ได้บังคับตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมแค่2 ที่นั่ง เท่ากับ ทางตูนต้องจ่ายตั๋วเพิ่มอีกใบให้น้อง)  แต่ยังไงก็ตาม จะพูดว่าทริปนี่เป็นทริปเที่ยวก็ไม่ถูกทั้งหมด บางส่วนดูเป็นการเอาตัวรอดซะมากกว่า เพราะ หนึ่งเลยทริปนี้มีแม่น้องชาย ผู้ประสบการ์ณการเที่ยวต่างประเทศเป็นศูนย์ และตัวตูนที่ถึงเคยไปต่างประเทศมาครั้งนึงแต่ก็มีคนนำตลอด ซึ่งแน่นอนเวลาเที่ยวมันก็จะมึนๆเพราะอ่านไม่ออก ภาษาอังกฤษก็งูๆปลาๆสุด แล้วก็จะมีคนสงสัยว่า "ทำไมไม่จ้างทัวร์" เอาง่ายๆเลยนะคะ "งกค่ะ" จะเก็บค่าจ้างทัวร์ไว้กิน ซึ่งตูนอยากจะมาเล่าทริปนี้ให้เพื่อนๆฟังเพราะ มองว่าการที่ตูนสามารถเที่ยวได้ รอดกลับกรุงเทพมาครบ 32 แบบนี้ เท่ากับว่า การเที่ยวญี่ปุ่นไม่ได้ยากอย่างที่คิด


     เตรียมอาวุธ(การเที่ยว)กันก่อน   

    ตูนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ ในการมาเที่ยวต่างประเทศ และทุกคนต้องพกติดตัวมาด้วย คือ ข้อมูล เราควรจะศึกษาเรื่องพื้นฐานในประเทศนั้นๆ มาก่อนระดับนึง เช่น มาเที่ยวโตเกียว ด่านหินจริงๆคือเรื่องรถไฟ ถ้าถามว่าทำไม ก็ลองดูแผนที่ดู 

    มันจะซับซ้อนไปไหมพี่

    สารภาพว่าตอนแรกตูนก็ช็อกค่ะ หลายสายไม่พอ หลายยี่ห้ออีก จึงเป็นการดีที่เราจะอ่านทำความเข้าใจมาก่อนบ้างว่า ชื้อตั๋วที่ไหน ใช้ยังไงทำนองนี้ 

    ซึ่งการหาข้อมูลเที่ยวญี่ปุ่น เอาจริง ง่ายนะคะ เพราะ คนมารีวิวเยอะมากกกก แทบจะทุกซอกทุกมุมในญี่ปุ่น ทั้ง pantip , youtube เว็ปอะไรอีกเยอะแยะ สละเวลามานั่งอ่านก็ไม่เสียหายอะไร และที่สำคัญ สำหรับคนกลัวหลงทาง นอกจากหาอ่านมาก่อน ก็ยึดคติประจำใจไว้เลยค่ะ 

    "google map is your best friend"

    ว่าด้วยเรื่องรถไฟ

         จากที่ตูนเกริ่นๆไปบ้างข้างต้นถึงความ hardcore ของรถไฟโตเกียว ส่วนนี้ตูนจะพูดถึงรถไฟที่ตูนขึ้นในทริปนี้ทั้งหมด หลักๆจะมีนั่งจากสนามบินเข้าเมืองบ้าง , วนอยู่ในเมืองบ้าง , ออกต่างจังหวัดบ้าง 

        จากสนามบินนาริตะเข้าโตเกียว ตูนใช้เจ้า Keisai skyliner ไปลงที่ ueno เพราะค่อนข้างไว (41 นาที) 

         ส่วนเวลาเที่ยวหลักๆ ตูนใช้บัตร suica เป็นบัตรที่อารมณ์คล้ายๆบัตร rabbit บ้านเรา เติมเงินแล้วก็แตะลูกเดียว แต่ระวัง! ตอนทำบัตรครั้งแรกจะมีค่ามัดจำบัตร 500 เยน เพราะบางทีคนจะตกใจที่เงินหายไป 500 เยน ซึ่งเจ้าบัตรตัวนี้นอกจากรถไฟ รถบัสก็ใช้ได้เหมือนกัน นอกจากนี้มันอายุการใช้งาน 10 ปี!!!! ไปมาญี่ปุุ่นได้อีกหลายรอบกว่าจะหมด555 

    หน้าตาบัตร suica อันมุ้งมิ้ง กับ อีแพนกวินโบกมือตัวหนึ่ง


    นอกจากนี้ก็ที่ตูนใช้ก็เป็นบัตร Tokyo subway 72- hour ticket ซึ่งเจ้าตัวนี่จะใช้ได้แค่กับ รถไฟโตเกียวเมโทรและรถไฟ Toei ซึ่งถ้าเกิดขึ้นสายรถไฟนอกจากนี้ เช่น JR ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ suica แทน เพราะตัวบัตรไม่ครอบคลุม

    หน้าตาก็จะแบบนี้ มีให้เลือกหลายแบบเหมือนกัน


        อีกเรื่องที่ตูนไปเจอมาในรถไฟโตเกียวคือ คนญี่ปุ่นน่ากลัวมากกก ในช่วงrush hour เราจะสามารถเจอแผงคนชุดสูทวิ่งกันได้ทุกสถานี อย่าได้คิดยืนขวางพวกเขานะ เจอชนลูกเดียว ตูนโดนชนไปรอบนึงคือ ไปเอาแรงจากไหนกันมาวะ5555 พอรู้แล้ว ถ้าเจอแผงคนอีก เลยใช้วิธีหลบหลังเสาเอา ปล่อยเขาเดินกันไปก่อน5555
        และสิ่งสำคัญที่สุดอีกเรืื่องนึง คือ ความตรงต่อเวลา ระบบขนส่งมวลชนของญี่ปุ่นตรงเวลามากๆๆๆๆๆ สมมุติบอกไป10โมง คือ10โมงจริงๆ นาทีนึงก็ไม่มีเกิน เพราะฉะนั้นแล้วก็บริหารจัดการเวลาดีๆ 

    ว่ากันต่อด้วยเรื่องที่พัก 

     ตูนพักที่ Khaosan tokyo laboratory 

    http://laboratory.khaosan-tokyo.com/en-us

    การเดินทางค่อนข้างง่าย ขึ้นรถไฟจากสาย ginza line มาลงสถานี tawaramachi 

    ดูสายส้มๆไว้

    เดินต่อมาอีกนิดหน่อยก็ถึง บรรยากาศค่อนข้างดี พนักงานน่ารักมากๆ บวกกับหน้าซอยมีสถานีตำรวจ ก็สบายใจได้ และใกล้กับที่เที่ยวใหญ่ๆหลายจุด เช่น วัดอาซากุสะหรือวัดโคมแดงที่คนชอบเรียกกัน ถึงตัวห้องจะเล็กไปบ้างแต่ facility ในห้องก็ครบถ้วนดี ส่วนเรื่องราคาตูนเปิดวาปหน้าเพจของโรงแรมไว้ให้ด้านบนแล้ว ลองเช็คดูได้ค่ะ 

    ที่เที่ยวละพี่

       สำหรับตูน ตูนจะวางแผนมาก่อนเลยว่าวันนี้ไปไหนบ้าง ยังไงๆๆ เพราะการคิดหน้างานถ้าเกิดมันพลาดอะไรขึ้นมามัน เสียเวลาเปล่าๆ และพวกสถานที่ที่จำเป็นต้องซื้อตั๋วกันมาก่อน อย่าง disney ก็เตรียมมาให้เรียบร้อย อย่าลืมเอามาวันไปแล้วกัน5555
       

    แถมให้อีก - ประสบการ์ณการจองตั๋ว ghibli museum 

      ถามว่าทำไมต้องพูดเรื่องจองตั๋ว ghibli museum คือ เป็นการจองตั๋วที่ลุ้นตลอดเวลา ยากวายวอดมาก กูจะได้ไหมวะ555 เรียกได้ว่าต้องรวบรวมสกิลการกดบัตรคอนทั้งชีวิตมารวมกันก็วันนี้ 
      
      เจ้าตั๋วที่ว่าเนี่ยตูนชื้อผ่านเว็ปนี้ https://l-tike.com/st1/ghibli-en/Tt/Tth010agreement/index

      ซึ่งก็ดูเหมือนง่ายนะแต่ประเด้นคือ เราจะชื้อมันได้แค่ ทุกวันที่10ของเดือน ตอน10โมงเช้าประเทศญี่ปุ่น(8โมงเช้าบ้านเรา) แล้วส่วนใหญ่ต้องจองล่วงหน้าไปเดือนนึง เพราะบัตรหมดไวมากกกกกกกกก 
      ย้อนไปวันที่จอง ตูนก็แหกขี้ตาตื่นตั้งแต่7โมงครึ่งมานั่งรีเฟรสหน้าคอม คิดว่ายังไงต้องได้แน่ๆ สรุปพอ8โมงปุ๊ป เว็ปล่ม โอ้โหลนสิครับ กูจะได้ไหม จำนวนที่นั่งก็ค่อยๆลดไปเรื่อยๆ ตอนแรกจะเอารอบเช้าเพราะจะได้ไปเที่ยวที่อื่นต่อ และคิดว่าไม่น่าจะมีใครเอาเพราะเช้าเกิน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ รอบเช้าไปก่อนเลยพี่บัวลอย โอ้โหที่เจ็บสุดคือ กดไปจนจะถึงหน้าจ่ายตังค์อยู่แล้ว เด้งบอกว่าที่เต็ม ทำไมทำกับน้องแบบนี้ละ ฮือ สรุปกว่าจะได้บัตรสำเร็จจริงๆคือตอนเก้าโมงครึ่ง สุดติ่งมากพี่เอ้ย 
       ทางที่ดีแนะนำว่าให้จองรอบเย็นสุดไปเลย เพราะโอกาสได้ไวกว่ามาก เหมือนคนญี่ปุ่นและพวกทัวร์จ้องจะเอารอบเช้ากันหมด เราก็ควรหนี555555

       แนะนำเรื่องพื้นฐานเบสิคๆกันมาขนาดนี้แล้ว คงถึงเวลาที่เพื่อนๆทุกคนจะได้รับรู้ถึง เรื่องราวการ survivor ของตูนกันสักที ที่รับรองว่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่ๆ ยังไงก็ขอเว้าวอนให้ ติดตามกันด้วยแล้วกัน5555 ส่วนโพสแรกก็จะขอลาเพียงเท่านี้ 

     ไว้พบกันใหม่ โพสหน้านะจ๊ะจุ๊บๆๆๆๆๆๆ 


    ปล.

      นอกจากไปเที่ยวแล้ว ในทริปนี้ตูนพยายามจะฝึกถ่ายรูปกับแต่งรูปด้วย สมัยก่อนไม่ชอบถ่ายรูปเลยเพราะคิดว่าตัวเองถ่ายรูปห่วยมาก5555 แต่ครั้งนี้เกิดอยากพยายามขึ้นมา ถ้ายังไงก็ฝากทุกคนติชม แนะบ้างก็เป็นเรื่องดี ด่าได้แต่อย่าแรง5555 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
^♡^
ctboonin (@ctboonin)
@fb1649918635063 ??