เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไดอารี่ของนักเขียนฝึกหัดningnong_nn
ความหวัง...
  • จะมีการแจ้งผลภายใน 60 วันนะคะ หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันค่ะ

    อีเมลล์ตอบกลับจากสำนักพิมพ์ที่เราตัดสินใจส่งต้นฉบับที่เรามีไปให้เขาพิจารณา
    60 วัน หรือระยะเวลาประมาณ 2 เดือนที่เราต้องรอ

    60 วันที่เต็มไปด้วยความหวัง


    7 วันแรก เรามีความสุข เปิดดูอีเมลล์ฉบับเดิมที่ส่งไปด้วยใจที่เต็มไปด้วยความหวัง เช็คอีเมลล์ทุกวัน เอาแต่นึกถึงหนังสือตัวเองตอนเป็นรูปเล่ม มีนักวาดที่เราชื่นชอบเป็นผู้วาดภาพประกอบให้

    เราเป็นผู้หญิงวัย 23 ปี เพิ่งเรียนจบและ...ไม่มีงานทำ
    บ้านเราอยู่ต่างจังหวัด แถบชนบท และเพราะปัญหาทางบ้านจึงทำให้เราไม่สามารถทำงานในกรุงเทพอย่างที่หวังไว้ได้ 
    และสายที่เราเรียนมา มันค่อนข้างเฉพาะเจาะจง การหางานให้ตรงสายในต่างจังหวัดแบบนี้จึงยากมาก
    และทางบ้างเองก็มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทางครอบครัวจึงอยากให้เราช่วยงานที่บ้านมากกว่าไปหางานข้างนอก



    20 วันต่อมา เรายังมีความหวัง ถึงแม้จะเช็คเมลล์น้อยลงแต่ยังคงมีหวังอยู่

    เพื่อนๆ มีงานทำกันหมดแล้ว มีเงินเดือนและมีชีวิตเป็นของตัวเอง เราจึงอยากมีบ้าง
    เราเริ่มเครียดและกลัวว่าจะเป็นซึมเศร้าเพราะภาพจากโซเชีียล จึงตัดสินใจลบเฟสบุ๊คออก...เพราะในนั้นมันมีรูปเพื่อนๆ ที่ใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากใช้ 
    เราคุยกับคนอื่นน้อยลง ส่วนหนึ่งเพราะเครียดและรู้สึกละอายใจ เราเอาจริงเอาจังกับการเขียนนิยายมากขึ้น เพราะคิดว่าเราจะยึดอาชีพนักเขียนนี้เป็นอาชีพของเราจริงๆ



    10 วันหลังจากนั้น เราไม่ได้เปิดเข้าอีเมลล์เลย เพราะกลัวว่าตัวเองจะหมกมุ่นเกินเหตุ
    เราพยายามไม่คิดถึงเรื่องต้นฉบับที่ส่งไป เพื่อเอาเวลานั้นไปแต่งนิยายเรื่องใหม่ รวมถึงรีไรท์นิยายเรื่องแรกที่เราเขียนไว้เมื่ออายุ 19 เราหวังว่าเมื่อรีไรท์เสร็จก็จะส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณาเช่นกัน

    เรารู้สึกแย่ที่อายุเท่านี้แล้วแต่ยังคงขอเงินจากครอบครัวอยู่ ทางครอบครัวไม่ได้ให้เงินเราเป็นรายเดือนหรืออะไร แต่จะให้เมื่อเราเอ่ยปากขอ เขามักจะพูดว่า "อยากได้อะไร จะใช้อะไรให้มาขอ" ซึ่งเราคิดว่ามันเหมือนเด็กมาก 
    เราอยากพาพ่อแม่และครอบครัวของเราไปทานข้าว ซึ่งเราทำไม่ได้ อีกทั้งยังรู้สึกอายเวลาที่ญาติคนอื่นๆ ถามว่าเราเรียนจบแล้ว ตอนนี้ทำอะไรอยู่ เราได้แต่ยิ้มแล้วตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่าช่วยที่บ้านทำงาน
    ...ค่อนข้างรู้สึกแย่นะ กับสายตาที่เขามองมาหลังจากได้ยินคำตอบของเรา



    15 วันผ่านไป เรากลับมาเช็คอีเมล์อีกครั้ง และยังคงไม่มีการตอบกลับใด ใจเราเริ่ม...เคว้งคว้าง ความหวังริบหรี่ลงเรื่อยๆ เราเข้ามาเช็คอีเมลล์ทุกๆ เย็น พยายามที่จะเข้าไปดูในอีเมลล์ขยะด้วย เผื่อว่ามันไปตกหล่นอยู่ในนั้น

    เราเริ่มคิดจะหารายได้จากทางอื่น ซึ่งก็ถือว่าโชคดีมั้งที่เราสามารถวาดรูปได้ แต่กลับไม่ได้โชคดีพอเพราะเราโนเนม จึงไม่มีใครมาจ้างวาดไม่มีใครอยากจ้างนักวาดโนเนมที่ไม่มีเครดิตมาวาดหรอก
    เราสมัครเฟสบุ๊คใหม่และสิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้คือ วาดไปเรื่อยๆ และโปรโมทงานเราเท่าที่จะทำได้ ซึ่งถือว่าค่อนข้างยาก...นี่คืออีกสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจ ทำให้เราเริ่มคิดว่าตัวเองกำลังหลงทาง ไปไม่สุดซักทาง ทำได้ไม่ดีซักอย่าง



    15 วันต่อจากนั้น ครบกำหนดแล้วและยังคงไม่มีการตอบกลับจากสำนักพิมพ์แรก... ซึ่งก็หมายความว่าต้นฉบับของเราคงไม่ผ่านการพิจารณา
    ความหวังที่ริบหรี่นั้นดับลงในที่สุด เรานั่งร้องไห้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพราะความผิดหวัง ทั้งที่เตรียมใจมาแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้อยู่ดี 



    60 วันที่เรารอ มันค่อนข้างสูญเปล่า เราผิดหวังในตัวเอง เสียใจแต่ไม่คิดที่จะยอมแพ้ ท้อแต่ก็ไม่คิดจะหยุด เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะไปทำอะไรแล้ว เราอยากมีเงิน เราอยากเป็นนักเขียน

    เรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่ ทุกคนที่ได้อ่านมาถึงตอนนี้คงคิดว่าเราไม่ได้อยากเขียนนิยายจริงๆ คงทำไปเพราะอยากได้เงิน 
    แต่การเขียนนิยายนี้ก็ไม่ใช่ช่องทางที่จะทำให้มีเงินได้ง่ายขนาดนั้น

    การเขียนนิยายแต่ละเรื่องค่อนข้างใช้ความอดทนมากเลยทีเดียว
    เราต้องคิดพล็อต ซึ่งคงเป็นส่วนที่ง่ายที่สุด เพราะพล็อตมันผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเลยล่ะ 
    จากนั้นก็ต้องวางโครงเรื่องทั้งหมด ค่อนข้างยาก เพราะต้องอุดรอยโหว่ของพล็อตกลวงๆ ที่มันผุดขึ้นเป็นฉากๆ ไม่ได้ปะติดปะต่อกันเท่าไร
    จากนั้นก็ต้องเขียนทรีตเมนท์แต่ละตอน ซึ่งยากเหมือนกัน
    และการลงมือเขียน...เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดแล้วจริงๆ 
    ตรวจคำผิด เป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างน่าเบื่อ คิดสภาพว่าต้องนั่งอ่านตอนเดิมสามถึงห้ารอบ อ่านวนไป...แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีคำผิดเล็ดลอดไปให้นักอ่านเห็นอยู่ดี
    อัพลงเว็บนิยายต่าง ซึ่งมีอยู่หลักๆ คือ 5 เว็บ แต่ละเว็บก็เคาะบรรทัดไม่เหมือนกัน...ไม่ยากแต่ก็ค่อนข้างเหนื่อย
    และขั้นตอนที่น่าตื่นเต้นที่สุด...รอคอมเม้นและฟีดแบ็คจากนักอ่าน เราจะเปิดเข้าเว็บต่างๆ ทุกห้านาทีเพื่อดูว่ามีใครมาเม้นบ้างรึยัง...
     สติ๊กเกอร์ก็ยังดี
     สั้นๆ ก็ดีใจ
     มายาวเป็นหางว่าว หรือเป็นย่อหน้าเหมือนเรียง คือโคตร made my day มากๆ 
     หรือโดเนทค่าค่าขนมมาให้ อยากจะกราบกันเลยทีเดียว

    และเอาจริงๆ เราชอบแต่งนิยายนะ เพราะเรานึกภาพว่าหากเรามีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง มีเงินพออยู่แล้ว เราก็คงเขียนนิยายเป็นงานอดิเรกอยู่ดี เราเลิกไม่ได้หรอก 
    ตอนที่เรายังเรียน ตอนที่เราฝึกงาน หรือตอนเราทำโปรเจคจบ เราก็มักจะหาเวลามาแต่งนิยายจนได้...



    ประมาณหนึ่งอาทิตย์ต่อมา...
    เราส่งต้นฉบับเดิมไปให้สำนักพิมพ์แห่งใหม่ ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงก็มีอีเมลล์ตอบกลับมา

    จะมีการแจ้งผลภายใน 60 วัน หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันค่ะ

    ลูปความหวัง 60 วันของเราถูกเซ็ตขึ้นใหม่อีกครั้ง...

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
dogsymphony (@dogsymphony)
เราอ่านจนจบ แล้วเราร้องไห้ เราเข้าใจความรู้สึกนี้ดีมากๆความรู้สึกเคว้งคว้าง เหมือนถูกลอยแพพยายามจะหางานให้ตรงกับสายที่เรียนมา แล้วก็ได้แต่รู้สึกว่าความหวังมันช่างริบหรี่ การเข้าเฟสบุ๊กเป็นการทรมานตัวเองมากๆในหลายๆทิศทาง คุณเขียนบรรยายออกมาได้ตรงกับใจเราจนอยากจะทะลุจอไปนั่งกอดปลอบ เรายอมรับนะว่าเราเป็นนักอ่านที่แย่ เราไม่ค่อยคอมเม้นหรือฟีตแบกอะไรให้นักเขียนเลย ด้วยความรู้สึกอายที่จะเปิดเผยตัวตนผ่านตัวหนังสือ แต่หลังจากอ่านบทความของคุณมันทำให้เรารู้สึกว่าจริงๆความเห็นของเราก็เป็นประโยชน์กับนักเขียนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ต่อไปนี้คงพยายามพลักดันให้ตัวเองกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นกว่านี้ ขอบคุณนะ
ningnong_nn (@ningnong_nn)
@dogsymphony สู้ๆ ในเรื่องหางานนะคะ เป็นกำลังใจให้ ส่วนเรื่องการแสดงความคิดเห็น เราในฐานะนักเขียนก็อยากให้นักอ่านส่งฟีดแบ็กกันเข้ามาค่ะ แต่อิโมจิเล็กๆ ก็ได้ สิ่งเหล่านนั้นมันเหมือนเป็นตัวช่วย เป็นเชือกที่ดึงให้นักเขียนโนเนมคนหนึ่งเขียนต่อค่ะ อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่างานเขียนของเขายังให้ความบันเทิงกับคนคนหนึ่งได้
bochan (@bochan)
อ่า น้ำตาไหลเลย 55555555 เป็นคนนึงที่มาเริ่มเรียนปี 1 ใหม่ตอนอายุ 21 ค่ะ เพื่อนที่เรียนจบมอปลายมาด้วยกันเริ่มฝึกงานกันแล้ว บางคนมาเริ่มปี 1 ใหม่พร้อมกับเราแต่ได้เรียนในคณะที่หาง่ายได้ง่ายกว่าและเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า ถึงจะยังเรียนไม่จบและยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการรองานทำ เราก็รู้สึกเคว้งไม่ต่างจากคุณเลยค่ะ
ningnong_nn (@ningnong_nn)
@bochan เรามีเพื่อนสนิทที่ซิ่วมาจากคณะอื่นเหมือนกันค่ะ ได้ฟังมันระบายความอึดอัดในเรื่องนี้อยู่บ่อยก็พอที่จะเข้าใจได้ว่าคุณรู้สึกยังไง ขอให้สู้ๆ นะคะ เลือกอะไรแล้วก้ขอให้ทำอย่างเต็มที่ มันจะออกมาดีเองในซักวันหนึ่งค่ะ วันข้างหน้าเราก็จะเจอที่ที่เหมาะกับเราเองค่ะ ตัวเราเองก็หวังไว้แบบนั้นเหมือนกัน 5555
star_fruit02 (@star_fruit02)
อ่านจนถึงบรรทัดสุดท้ายเเล้ว แสบจมูกมากๆเลย เราเป็นคนหนึ่งที่เรียนจบเเล้วเมื่อ6เดือนที่ผ่านมา ด้วยอายุ22 เเต่ก็เหมือนคุณนะ ด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้เรายังไม่ได้ทำงาน มีโอกาสแต่ไม่ได้ไปเพราะไกลบ้าน มันวนลูปอยู่ที่เดิมจนเราเครียด เลิกเข้าเฟสบุคเพราะรู้สึกแย่กับการไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเป็นตัวเอง มองไปเพื่อนรุ่นเดียวกัน กลุ่มเดียวกัน เริ่มทำงาน มีเงินเก็บ แต่เรายังไม่ได้เริ่มอะไรสักอย่าง เราชอบอ่านหนังสือ จนตอนนี้เราเริ่มลองงานเขียนมาสักระยะหนึ่งแล้ว เราอยากทำได้อย่างคุณนะ เเม้งานเขียนที่คุณส่งไปยังไม่ผ่าน เเต่คุณเก่งนะที่ทำมันจนจบ เราเชื่อนะว่าวันหนึ่งคุณจะมีเล่มเป็นของตัวเอง : )
ningnong_nn (@ningnong_nn)
@star_fruit02 ความจริงเรามีหนังสือเล่มแรกแล้วค่ะ ตอนแรกเราคิดว่าคงก้าวขึ้นบันไดมาได้สองขั้นแล้ว แต่พอคิดจริงๆ เรากลับรู้สึกว่า เราขึ้นมาได้ไม่ถึงขั้นเลยด้วยซ้ำ...รู้ตัวเลยว่ามันไปไม่ได้สวย จนรู้สึกสงสารสำนักพิมพ์ด้วยซ้ำว่าเขาจะขาดทุนรึเปล่า 5555 และเพราะเราตั้งใจจะเอาการเขียนนี้เป็นอาชีพ หนังสือเล่มแรกจึงยังไม่พอสำหรับเราค่ะ และเพราะหนังสือเล่มแรกที่ได้ตีพิมพ์นั้่นแหละทำให้เราไม่ยอมแพ้ เพราะถ้าเทียบกับครั้งแรกที่คิดจะเขียน ก็ถือว่าก้าวหน้าอยู่ และเราก็อยากจะเชื่อว่าเราจะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ แค่พยายามทำให้ดีไปเรื่อยๆ ค่ะ

// ขอให้สู้ๆ นะคะ ซักวันมันจะดีขึ้นค่ะ กับการเขียนหนังสือ ทุกวันนี้เราถือคติ "ดอกไม้แต่ละดอกจะมีช่วงเวลาเติบโตและบานที่แตกต่างกัน" ขอแค่อดทนและต้องทำอย่างสม่ำเสมอค่ะ พยายามอย่าทิ้งช่วงอัพนิยายเกิน 1 อาทิตย์ ไม่งั้นนักอ่านจะหายหมด ถึงแม้ว่าจะยากแต่ต้องอดทนค่ะ
...แล้ววันหนึ่งคุณจะมีหนังสือเป็นของตัวเองเช่นกันค่ะ ♥
zone1978 (@zone1978)
เราอาจะไม่เคยอ่านงานของคุณมาก่อน หรืออาจจะเคยอ่านมาก่อน แต่ว่าอยากเป็นกำลังใจให้นะคะ คุณทำได้ค่ะ เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่อยากเขียนนิยาย แต่ห่างมานานแล้ว เวลาที่ได้กลับไปแต่งนิยายมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากจริงๆเนอะ เราเข้าใจความเหนื่อยล้าของคุณเลย กว่าจะได้งานชิ้นหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจความเหนื่อยของคุณได้มากเท่าที่คุณรู้สึกไหม แต่เราเป็นกำลังใจให้จริงๆนะคะ ขอบคุณที่ทำงานหนักมาตลอด ถ้าท้ออยู่ก็อยากส่งกำลังใจให้เยอะๆ พักผ่อนให้พอ กินอะไรอร่อยๆนะคะ เราขอให้คุณประสบความสำเร็จดังหวังนะคะ สุ้ๆค่ะ?//เพี้ยงง! 555
ปล. ขอโทษที่เขียนเยอะนะคะ แง้
ningnong_nn (@ningnong_nn)
@zone1978 ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ สักวันเราก็อยากประสบความสำเร็จในแบบที่เราหวังไว้ เอาจริงๆ ถ้าเทียบระหว่างวันนี้กับวันแรกที่ตัดสินใจแต่งนิยายก็ถือว่ามาก้าวหน้าในระดับหนึ่งแล้วค่ะ เราบอกตัวเองเสมอว่าให้ทำต่อไป ทำให้ดีไปเรื่อยๆ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ♥♥
tagetes18 (@tagetes18)
แงงง น้ำตาซึมตามเลย .-. เป็นกำลังใจให้นะคะ ?
ningnong_nn (@ningnong_nn)
@tagetes18 ขอบคุณนะคะ จะสู้ต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ