คืองี้ ตั้งแต่กินอีปูนี่มาสามสี่ครั้ง มันยังไม่เคยมีครั้งไหนที่ต้องจ่ายเงินเองเลย โชคดีมีคนเลี้ยงตลอด ก่อนมารอบนี้เลยทำใจเอาไว้บ้างว่ามันคงไม่ได้ถูกเรี่ยราด เพราะก้ามปูใหญ่เท่าไอโฟนสี่จะมาขายตัวละร้อยสองร้อยก็คงไม่ใช่
แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะแพงแบบตัวละเป็นพันขนาดนี้
นิดนก: “เธอ มันแพงนะ กลับไปกินปูม้าบ้านเรามั้ย”
เอกชัย: “เฮ้ย มาฮันนีมูนทั้งที ต้องเอาให้สุด”
นิดนก: “เอางั้นเหรอ”
เอกชัย: “มาถึงที่แล้วต้องกิน!”
เอ้า! กินก็กินวะ
เราสองคนเดินเข้าร้าน สั่งไอ้ปูตัวใหญ่มาหนึ่งจานและเมนูแนะนำของทางร้านมาอีกสองอย่าง เพราะกลัวโดนเจ๊ที่มารับออร์เดอร์หาว่าจน พออาหารมาเราทั้งคู่ก็ตั้งหน้าตั้งตาแทะปูอย่างตะกรุมตะกราม แพงนักใช่มั้ยมึง มา มาลงท้องกูให้หมด
แล้วก็ถึงช่วงเวลาที่บีบหัวใจที่สุด
เช็ก-บิล
อาเจ๊เดินหน้ามุ่ยมาที่โต๊ะ วางบิลราคาอาหารทุกจานที่บวกค่าบริการ ค่าภาษี ค่าประกันสังคมของเจ๊เด็กเสิร์ฟ ค่าเทอมของลูกชายพ่อครัว ค่าน้ำค่าไฟของร้าน โว้ย จะค่าอะไรก็มาเถอะ บอกมาเลย เท่าไหร่…
“160 SGD”
อุ๊ย สามหลักเอง ไม่แย่นี่นา แปลเป็นไทยเท่าไหร่น้า ไหนขอเช็กค่าเงินวันนี้หน่อย หยิบมือถือขึ้นมา เอา 160 ตั้ง คูณด้วย 25
...
สี่พันนนน! มึงแดกปูไปสี่พันบาท
ไงล่ะ มื้อสุดพิเศษของการฮันนีมูน เที่ยวมาสามสี่วันยังใช้เงินไม่เท่ากับกินมื้อนี้มื้อเดียว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in