เป็นอย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีที่ผู้คนในสังคมLGBTมักจะมีปัญหาในการเลือกปฏิบัติในเรื่องต่างๆ เกือบทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง "งาน" สำหรับเรื่องงานนั้นการเปิดกว้างในเรื่องเพศยังไม่เปิดกว้างและไม่เปิดรับอย่างจริงจัง โดยสาเหตุหลักๆเลยคือ การมองภาพรวมของสังคมLGBT ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับเข้าทำงาน เช่น บริษัทเเห่งหนึ่งไม่รับกะเทย (สาวประเภท2) เหตุเพราะเคยมีการทะเลาะกันมาก่อนในบริษัท เพื่อเป็นการตัดปัญหาเลยไม่รับเข้าทำงาน จะเห็นได้การการมองภาพรวมนั้นมีผลกว้างใหญ่แค่ไหน ผู้หญิง ผู้ชาย ไม่ทะเลาะกันหรอ? แล้วถ้าทะเลาะกันทางบริษัทจะรับผู้หญิงผู้ชายเข้าทำงานไหม? ซึ่งตรงนี้เป็นคำถามที่ไร้คำตอบ แต่ถ้าหากจะถามว่า มันเป็นสิทธิของทางบริษัท ก็ใช่ค่ะมันเป็นสิทธิแต่ก็เป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วเรื่องที่น่าเศร้าก็ตกมาอยู่ที่สังคมLGBT ซึ่งนั่นมันส่งผลไปถึงอนาคตของคนคนหนึ่งด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่เรื่องการรับเข้าทำงาน แต่เมื่อเข้าทำงานแล้วคนLGBTก็ต้องพิสูจน์มากกว่าคนทั่วไป เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ การขึ้นเงินเดือน การเลือนขั้นนั้นแทบเป็นไปได้ยากมากๆเช่นกัน ถ้าหากบริษัทนั้นๆ ยังไม่เปิดกว้างก็เท่ากับว่าเรานั้นทำงานในความกดดัน เก็บกดต่างๆนา สังคมที่ทำงานก็ต้องมีวุฒิภาวะมากพอ ที่จะสามารถร่วมงานกันได้ ไม่ใช่แค่เห็นLGBTเป็นแค่ตัวตลก หรือเอามาหยอก แซวเล่น น่เป็นปัญหาที่เจอกันได้จริงๆในปี2020นะ ที่น่าตลกก็คือ เกย์ เลสเบี้ยน ซึ่งภายนอกดูลุคเป็นชายหญิง กลับได้รับการต้อนรับมากกว่า เกย์บางคนยังต้องแอ๊บแมนด้วยซ้ำถึงจะได้งานที่ชอบ ส่วนกะเทย (สาวสอง) หรือทอม ซึ่งลุคภายนอกนั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่สังคมทั่วไปอยากให้เป็น กลับถูกกดทับ และถูกไม่ต้อนรับ จากหลากหลายที่ เคยมีกรณีหนึ่ง ที่มีสาวสองหรือกะเทยไปสมัครงานที่ร้านอาหารกลางคืน แต่ทางร้านไม่รับโดยให้เหตุผลตรงๆไปเลยว่า อยากรับนะแต่..... กลัวลูกค้าไม่ชอบ กลัวบริการไม่ดี กลัวเสยงดัง ชวนคนอื่นๆคุย และเราไม่รู้ว่าลูกค้าคนไหนเหนียดเพศบ้าง ถ้าสมมุติเจอลูกค้าเหยียดเพศแล้วเราไปบริการพอดี อาจจะเกิดความไม่พอใจกับลูกค้าท่านนั้นได้ และอาจจะทำให้ทางร้านเสียลูกค้าไป  สิ่งเหล่านี้สามารถสรุปได้ว่า ในสังคมปัจจุบันนั้นยังคงติดภาพจำที่ผิดๆจากเเหล่งต่างๆ มาตัดสินคนอื่นๆอยู่ สังคมในการทำงานนั้นไม่ได้ต้องการคนที่เก่ง คนที่พร้อม มีความสามารถรับเข้าทำงาน  แค่เพียงแค่ต้องการคนตรงตามเพศเท่านั้น โดยอ้างศิลธรรม คุณงาม และความเหมาะสม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่มีเหตุผลเลยด้วยซ้ำ