เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
หลงใหลในวรรณกรรมsoulju
รีวิวหนังสือ : Reasons To Stay Alive (แด่ผู้แหลกสลาย)
  • Reasons To Stay Alive (แด่ผู้แหลกสลาย)

    Matt Haig เขียน

    ศิริกมล ตาน้อย แปล

    สำนักพิมพ์ Bookscape

    ราคา 295 บาท

    #ความซึมเศร้า #โรคซึมเศร้า #โรควิตกกังวล

     


    ขอให้เหล่าผู้แหลกสลาย ได้ค้นพบเหตุผลของการมีชีวิตอยู่

     

        ในปี 2021 ที่ผ่านมา การระบาดของ COVID-19 ยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นช่วงเวลาที่ชีวิตของใครหลายคนต้องเผชิญความทุกข์โทมนัสแสนสาหัส ติดอยู่ในเขาวงกตที่เรียกว่า ภาวะอารมณ์ความเศร้า ไร้ซึ่งทางออก เหมือนร่วงหล่นลงไปใต้ก้นมหาสมุทร จมดิ่งลึกลงไปในกระแสน้ำเย็นอันเหน็บหนาวอย่างเดียวดาย อยากให้โลกถล่มลงมาเพื่อหยุดวังวนของความเจ็บปวด และในปีเดียวกันนี้ได้มีหนังสือบันทึกความทรงจำเรื่องหนึ่งถูกแปลเป็นภาษาไทย ชื่อเรื่องว่า แด่ผู้แหลกสลาย จากต้นฉบับภาษาอังกฤษ Reasons To Stay Alive เขียนโดย Matt Haig (แมตต์ แฮก) นักเขียนวรรณกรรมชื่อดังชาวอังกฤษ ซึ่งในปี 2015 ผลงานชิ้นนี้เคยติดอันดับหนังสือขายดีในสหราชอาณาจักรนาน 46 สัปดาห์ มาแล้ว และเมื่อฉบับภาษาไทยได้ออกวางจำหน่ายก็พุ่งทะยานติดอันดับหนังสือขายดีประจำปี 2021 ในร้านหนังสือหลายแห่งเช่นเดียวกัน

     

         แมตต์ แฮก เป็นนักเล่าเรื่องชั้นยอด เขา คือ เพื่อนสนิท ที่กำลังนั่งเล่าเรื่องราวชีวิตของตนเองให้เราฟังอยู่ตรงหน้า แม้ว่าในความเป็นจริงมือของเรากำลังเปิดหนังสือในหน้าถัดไป และปฏิเสธไม่ได้ว่า ศิริกมล ตาน้อย ผู้แปลฉบับภาษาไทยนี้ ได้แปลออกมาเป็นภาษาที่สละสลวย มีการใช้ภาพพจน์ทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพตามได้โดยง่าย สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ เช่น โรคซึมเศร้าสำหรับผมไม่ได้ขุ่นมัวแต่คมชัดและรุนแรง ราวกับผมเคยอยู่ในกระดองแล้วกระดองหายไป เปิดเปลือยล่อนจ้อน เห็นจิตใจคาวแดงเถือกและตัวตนที่ถูกถลกหนัง เหมือนแช่สมองในโหลน้ำกรดที่ชื่อว่าประสบการณ์ สิ่งที่ผมนึกไม่ถึงในตอนนั้นและไม่เข้าใจคือ สภาพจิตใจแบบนี้เองจะส่งทั้งผลดีและผลเสียต่อผม. (ย่อหน้าที่ หน้า161)

     

         เรื่องราวใน แด่ผู้แหลกสลาย ผู้เขียนได้ถ่ายทอดช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่เขาเคยต้องทนทุกข์ทรมานจากปีศาจล่องหนที่ชื่อว่า โรคซึมเศร้า ผ่านการเล่าเรื่องนับตั้งแต่บทการ ร่วงหล่น ถึงพื้น ลุกขึ้น ใช้ชีวิต ไปจนถึงบทการ ดำรงอยู่ โดยมีจุดมุ่งหมายในการเขียนเพื่อลบล้างการตีตราผู้ป่วย และเพื่อโน้มน้าวให้คนเชื่อว่าเมื่ออยู่ก้นเหว แล้วย่อมไม่มีใครเห็นทิวทัศน์ที่ชัดเจน  ซึ่งเขาได้เล่าการต่อสู้กับโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และโรคแพนิค ผ่านเรื่องราวของเขาคนเก่าที่ได้ตายลง จวบจนกระทั่งกลายเป็นเขาคนใหม่ที่กำลังใช้ชีวิตปกติในปัจจุบัน

         

         หนังสือเล่มนี้อุทิศ แด่ Andrea (แอนเดรีย) ภรรยาที่อยู่เคียงข้างเขา เพื่อแสดงความขอบคุณเธอ รวมถึงเหล่าคนที่รักเขา ผู้ช่วยเหลือเขาในขณะที่ต้องเผชิญความทุกข์แสนสาหัสนั้น ซึ่งหากคุณได้อ่าน คุณคงจะรู้สึกซาบซึ้งใจและนับถือ แอนเดรีย เป็นอย่างมาก เพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะต้องดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้า สักครั้งในชีวิตพวกเขาคงอยากมีคนอย่าง แอนเดรีย อยู่เคียงข้างบ้าง คนที่บอกว่าคุณถึงเวลาต้องไปหาหมอ พาคุณกลับไปยังอ้อมกอดของครอบครัว อยู่กับคุณในวันที่คุณรู้สึกแย่ ยิ่งกว่านั้นคุณจะได้รับรู้ว่า ความรัก คือ พลังอันยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนให้คุณอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ทั้งจากการที่มีคนรักคุณ และจากการที่คุณรักตัวเอง  คุณอาจจะเคยรู้สึกเหมือนกับ แมตต์ แฮก ในขณะที่อยากฆ่าตัวตาย อยากให้ตัวเองนั้นไม่เหลือใคร แต่ความรักได้กักขังตัวคุณไว้ คุณเจ็บปวดทั้งที่มีชีวิตอยู่ แต่คุณก็เจ็บปวดหากต้องทอดทิ้งพวกเขาไป เพราะในความเป็นจริงคุณอาจ ไม่ได้รู้สึกอยากตาย แต่แค่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ เป็นวลีที่เหมือนหมัดฮุค สำหรับใครหลาย ๆ คน ที่กำลังเผชิญภาวะอารมณ์นี้เช่นเดียวกัน เขาจึงถ่ายทอดช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดแสนสาหัส สลับกับการเล่าถึงเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ที่ ปลอบโยนคุณว่า มันมีแสงสว่างอยู่จริงที่ปลายอุโมงค์ แม้ว่าคุณกำลังติดอยู่ในโมงยามแห่งความมืดมิด คุณแค่ต้องอดทนต่อไปอีกสักหน่อย และเมื่อได้ย้อนกลับมามอง คุณจะพบว่ามันคุ้มค่าที่คุณยังมีชีวิตอยู่

     

         แมตต์ แฮก สร้างจังหวะในการเล่าเรื่อง ทุกประโยคทุกถ้อยคำจะบาดลึกลงไปในความรู้สึกของคุณ ย้ำเตือนว่า หากคุณกำลังรู้สึกว่าบนโลกใบนี้ไม่มีใครเข้าใจคุณอย่างน้อยก็ยังมีใครสักคนที่รู้สึกเหมือนกันกับคุณ นั่นคือ เขา เพียงแค่ต่างประสบการณ์กัน คุณไม่ได้กำลังโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้แหลกสลายได้ และมีผู้คนอีกมากมายที่ต้องเผชิญโรคซึมเศร้า ทั้งรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว มันอาจไม่ได้แสดงอาการทางกาย แต่ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่จริง หนังสือเล่มนี้จึงทำให้คุณได้ร่วมสำรวจตัวเองไปด้วยว่า นี่ฉันกำลังเผชิญภาวะความเจ็บป่วยทางอารมณ์อยู่รึเปล่านะ ?

     

         ถ้าคุณกำลังรู้สึกเหนื่อยกับการใช้ชีวิต เฝ้าถามว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร หรือ คุณอาจกำลังร่วงหล่นลงไปในหลุมลึกของชีวิต มองไม่เห็นแสงสว่างใดที่จะส่องนำทางให้คุณอยากเดินไปต่อ หนังสือเล่มนี้อาจมีคำตอบให้แก่คุณ และถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้ทั้งหมด แต่มันช่วยบำบัดคุณได้ มอบ ความหวังในการใช้ชีวิต เพราะทุกคนมีเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ คุณจะต้องหาเจอแน่ในสักวัน ไม่ต้องรีบร้อนกระวนกระวายใจไปหากตอนนี้คุณยังไม่เจอมัน เหมือนอย่างที่ แมตต์ แฮก กล่าว จิตใจมีสภาพอากาศเฉพาะ คุณอยู่ในพายุเฮอร์ริเคน และพายุจะสงบลงในที่สุด อย่ายอมแพ้นะ” พายุมักมาพร้อมกับสายฝน ซึ่งคุณจะได้ผลิบานใหม่อีกครั้งจากสายฝนนั้นอย่างแน่นอน

     

        และสุดท้าย หากคุณคิดว่าตนเองไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยทางอารมณ์ ยินดีด้วย แต่เรายังอยากให้คุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะคุณจะได้มุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า วิทยาศาสตร์อาจไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง การกินยาไม่อาจแก้อาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยแต่ละคนได้ทั้งหมด เราจึงปรารถนาอย่างยิ่งว่าคุณจะได้ลองหยิบมันขึ้นมาอ่าน เพื่อจะได้เข้าใจถึงความเจ็บปวดที่กัดกินชีวิตของเหล่าผู้แหลกสลายมากขึ้น

     


          ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป สักวันความเจ็บปวดนี้จะหายไป มันคอยบอกคุณว่ามันจะอยู่ต่อไปและมันโกหก ช่างมันเถอะ ความเจ็บปวดเป็นหนี้ที่ชดใช้ได้ด้วยเวลา

     

     

         ขอบคุณที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ไว้เจอกันใหม่ในวันพรุ่งนี้นะ.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in