เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber | #Firthgrantsean and his nightmares
Spirit | คุณเชื่อในโลกหลังความตายไหม
  • Day 16 : Spirit (คุณเชื่อในโลกหลังความตายไหม) | #novelber

    Author :  Sean

    Pairing : Harry Deane x Williams Thacker

    Fandoms : Gambit and Notting Hill

    Rating : No Rate

    ป.ล. ทั้งดราม่าทั้งคอมเมดี้ยำเละรวมกันเลยค่ะ Y__Y


    ( เผอิญว่าเปิดไปเจอเลยหยิบมาใส่ซะเลย

    #Nowlistening : A Real Hero - College & Electric Youth )




     


    'คุณเชื่อในโลกหลังความตายไหม'

     

    ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอก

    ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ผมกำลังยืนมองตัวเองอยู่หน้าห้องไอซียูที่มีคุณนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องเช่นกัน

     

    ใครจะคิดล่ะว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

     


    ผมยืนอยู่ตรงนี้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ถ้าสิ่งที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้คือสิ่งที่มนุษย์เรียกว่าวิญญาณจริงๆ ผมคงไม่เหนื่อยอะไรเลย หากยืนอยู่อย่างนี้เฉยๆ

    จ้องมองตัวเองที่นอนไร้สติอยู่บนเตียง สายไฟสีฟ้าสีแดงห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด ไหนจะท่อช่วยหายใจที่เสียบคาปาก ไม่นับรวมเข็มน้ำเกลือที่แทงอยู่หลังมือจนแทบพรุน

    แทบจะทนเห็นสภาพของตัวเองตอนนี้ไม่ไหวเลยล่ะ

     


    ไม่ได้มีผมคนเดียวอยู่ตรงนี้-- ผมหันไปมองคุณ คุณที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประตูห้องไอซียู ใบหน้าของคุณเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

    ผมเดินเข้าไปหาคุณและคุกเข่าลงต่อหน้าคุณ

     


    ผมอยากจะเช็ดน้ำตาให้คุณจัง

    ผมอยากขอโทษที่ทำให้เสียใจ

    ผมอยากขอโทษที่ทำให้ร้องไห้

     


    ผมเคยได้ยินมาว่าหากรวมรวบพลังจิตของตัวเองให้มากพอ มันจะสามารถสัมผัสสิ่งของได้ชั่วคราว– จริงๆแล้วผมก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่หรอกนะ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลังจิตที่ว่านั่นคืออะไร แต่ถ้าได้สัมผัสคุณอีกครั้งผมจะลองทำดู

     


    ฟึ่บ!


    ผมตั้งใจจะจับแก้มของคุณ แต่มันดูเหมือนเพียงแค่วาดนิ้วผ่านไปยังใบหน้าเท่านั้น

     


    ผมลองเหวี่ยงฝ่ามือของตัวเองอีกครั้ง


    วืด..!

    ดูเหมือนแรงเหวี่ยงนั่นจะทำให้เส้นผมของคุณกระดิกเบาๆ

    คุณเงยหน้าขึ้น ดูเหมือนว่าคุณกำลังสงสัยที่มาของลมนั่น

     


    ผมเอง--วิล ผมเอง! ผมโบกมือข้างหน้าเขา


    โบกมือแทบหลุด แต่คุณก็มองไม่เห็น

    แถมยังลุกขึ้นและเดินผ่านผมไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     


    ผมลุกขึ้นและเดินเข้าไปยืนอยู่ที่ด้านหลังของคุณ ผมสะกิดไหล่ของคุณ แต่นั่นกลับไม่ได้ผลอะไรเลย



    ผมลองฟาดไปที่ท้ายทอยของคุณอีกครั้ง– คุณหันกลับมา

    คุณลูบท้ายทอยของตัวเองป้อยๆราวกับว่าเมื่อยคอเหลือเกิน

     


    ใครเป็นคนคิดตรรกะที่ว่า ถ้ารวบรวมพลังแล้วจะสามารถสัมผัสสิ่งของได้ ...บ้าบอที่สุด

     


    คุณเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้ง และผมเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับคุณ– จ้องมองเห็นคุณให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้




    แต่แล้วเสียงฝีเท้าของใครบางคนก็เรียกความสนใจของคุณได้เป็นอย่างดี (เรียกให้ถูกคงเป็นเสียงของรองเท้าส้นตึก)

     


    “วิลคะ” เสียงแหลมแปดหลอดดังมาตั้งแต่ทางขึ้นลิฟท์ “แฮร์รี่เป็นยังไงบ้างคะ พอฉันรู้ว่าเขาถูกยิง ฉันก็รีบมาที่นี่เลย”

     


    เหรอ? ตื่นเต้นจัง

     


    คุณลุกขึ้นเพื่อคุยกับเธอ ผมเองก็ลุกขึ้นเช่นกัน “เอ่อ..คือหมอบอกว่าเค้ายังไม่ได้สติเลยครับ อาการยังคงโคม่าอยู่ ไม่รู้ว่าจะได้ย้ายออกมาจากห้องไอซียูตอนไหน”

     


    “แล้วนี่คุณรออยู่ที่นี่นานหรือยังคะ”

     


    “ก็เกือบๆสามชั่วโมงแล้วครับ” คุณยิ้มให้กับหล่อน โอ้! ขอร้องล่ะ อย่ายิ้มให้ใครบ่อยได้ไหม...

     


    “โถ..น่าสงสารจัง” เธอเอื้อมมือมาจังแก้มของคุณเบาๆ นี่ ยัยป้า..เยอะแล้วนะ

     


    “ฮะๆ” คุณหัวเราะออกมาเบาๆแล้วผายมือไปทางเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังตัวเอง “นั่งก่อนสิครับ”

     


    “ขอบคุณนะคะวิล” หล่อนยิ้มกรุ่มกริ่มให้คุณ สายตาไม่น่าไว้ใจชะมัด

     


    คุณไม่ได้พูดอะไรมีเพียงแต่ยิ้มให้เธอเท่านั้น

    คุณยิ้มเสมอไม่ว่าจะเป็นอะไร นั่นเป็นสิ่งหนึ่งในตัวคุณที่ทำให้ผมหลงรัก 

    แต่ข้อเสียก็คือคุณยิ้มให้กับทุกคน

     


    ผมกลับไปนั่งลงที่เดิม- กลับไปจ้องมองคุณและเธอ คอยมองเธอทุกครั้งแอบขยับเข้าไปใกล้ๆคุณ

     


    “วิลคะ ฉันง่วงจังเลย” หล่อนมองคุณด้วยสายตาหยาดเยิ้ม



    ง่วงก็กลับบ้านไปสิ!

     


    “เอ่อ..” คุณมักจะทำสายตาลอกแลกเสมอเวลาที่คุณเริ่มกลัวอะไรสักอย่าง “คุณจะกลับบ้านก็ได้นะ ผมอยู่คนเดียวได้”

     


    แบบนั้นแหละวิลเลี่ยม เก่งมาก

     


    “แต่ฉันอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณนี่คะ” แอ๊วไปอีก.. แล้วเธอก็เอนคอลงซบกับไหล่ของคุณ “ฉันขอพิงไหล่คุณสักพักนะคะ”

     


    โอ้โห.. นี่ผมยังไม่ทันจะไปสู่สุขติเลย รีบอะไรขนาดนั้นล่ะแม่คุณ- ผมได้แต่ร้อนรนในใจ ทำอะไรก็ไม่ได้ จะลุกเข้าไปสิงก็ไม่ใช่เรื่อง

     


    “เดี๋ยวผมคงกลับบ้านแล้วล่ะครับ คือพี่ชายของแฮร์รี่จะมาเปลี่ยนเวรกับผมน่ะครับ”



    แถได้ดีมากวิล แต่ผมเป็นลูกคนโต และมีน้องสาวคนเดียว

     


    “อ๋อ..” เธอลากเสียงยาวยังกะหวอรถตำรวจ “ให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม พอดีว่าฉันเอารถส่วนตัวมาน่ะ”

     


    “ผมขับรถมอเตอร์ไซค์มาครับ” คุณตอบกลับไปอย่างใสซื่อ นั่นทำให้สีหน้าที่ดูยิ้มแย้มของเธอเหี่ยวลงแทบจะทันตา “แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับ” คุณยิ้มให้หล่อนอีกแล้ว



    “งั้นเดี๋ยวเราลงไปพร้อมกันนะคะ”



    จะเอาให้ได้เลยสินะ..เอาสิ ตามสบายเลย- ผมลุกขึ้นเมื่อคุณและเธอลุกขึ้น

     



    วิลมองไปที่ประตูของห้องไอซียูอีกครั้ง– หล่อนถือโอกาสจับแขนคุณแล้วเดินไปที่ลิฟท์ และผมเองก็เดินตามลงไปพร้อมกันกับเขาทั้งสอง

     

     

    ทุกอย่างอยู่ในสายตาของผม– เพียงแค่อยู่ในสายตาเท่านั้น

     

     

    แน่นอนว่าเธอเป็นฝ่ายรุกมาตลอดทาง แต่ยังดีที่คุณดูเหมือนไม่มีอารมณ์อยากจะเล่นด้วยเท่าไหร่

     



    “รถคุณจอดอยู่ฝั่งทางนั้นใช่ไหมครับ คือรถผมจอดอยู่ตรงทางนี้น่ะ” คุณชี้ไปทางลานจอดรถที่อยู่ฝั่งทางซ้ายมือของคุณ “งั้น..”

     


    “คือทางนั้นเปลี่ยวจังเลยค่ะ คุณช่วยไปส่งฉันได้ไหมคะ”



    ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมีควันออกจากหูยังไงยังงั้น

     


    “เอ่อ..ก็ได้ครับ” ผมสังเกตเห็นว่าคุณแอบถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินตามไปที่รถของหล่อน


    ผมรู้สึกสงสารเขาจับใจ

     


    คุณส่งเธออยู่ที่หน้าประตูรถ ยืนรอเธอเข้าไปข้างในนั้นและปิดประตูให้กับเธอ คุณโบกมือให้กับเธอเป็นการบอกลาก่อนจะเดินกลับมาทางลานจอดรถอีกฝั่ง

     



    คุณไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นก็ได้..วิล ผมพูดขึ้นถึงแม้จะรู้ว่าคุณไม่ได้ยิน ผมรีบเร่งฝีเท้าไปเดินข้างๆคุณ

     


    ดูเหมือนว่าคุณหันมามองทางผม แต่จริงๆแล้วคุณกำลังมองประตูอัตโนมัติของห้องฉุกเฉินที่ปิดสนิท

    คุณยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆและหยุดที่มอเตอร์ไซค์คันโปรดของคุณ

     


    แล้วแบบนี้จะอยู่คนเดียวได้เหรอ.. ผมมองดูเขาสวมหมวกกันน็อคด้วยท่าทางที่อ่อนแรง– ผมอยากให้มีวิธีดลบันดาลให้คนโทรเข้ามือถือของเขาตอนนี้จัง

     


    ไม่อยากให้ขับรถเลย...ผมกลัวคุณเป็นอะไรไปอีกคน

     

     


    แต่ดูเหมือนว่าคำภาวนาของผมจะได้ผล จู่ๆเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

     


    คุณสวมหมวกเรียบร้อยแล้ว แต่คุณก็ต้องงัดกระจกที่ติดอยู่บนหมวกกันน็อคขึ้น คุณล้วงเอามือถือของตัวเองที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาดูว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา

    ส่วนผมเองก็ขยับเข้าไปยืนใกล้ๆกับคุณมากยิ่งขึ้น มองดูชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของคุณ

     


    ‘แม็กซ์’ คุณเลื่อนปุ่มกดรับและแนบโทรศัพท์มือถือเข้ากับหูของตัวเอง- อ่า..โทรมาได้เวลาพอดีเลย

     


    “ฮัลโหล..แม็กซ์” คุณเอ่ยประโยคแรก

    ผมเอียงตัวเข้าไปใกล้มือข้างที่จับโทรศัพท์ของคุณ

     


    วิล เดี๋ยวฉันกำลังจะออกไปที่โรงพยาบาลนะ สไปค์กับน้องสาวของนายจะไปเฝ้าแฮร์รี่ให้เอง ผมได้ยินเสียงของแม็กซ์แทรกผ่านสปีกเกอร์ของโทรศัพท์มือถือ

     


    “โอเค..ผมกำลังจะกลับบ้านพอดี” คุณตอบกลับไป

     


    ขับรถไหวไหม เดี๋ยวกลับพร้อมฉันก็ได้ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเอารถ แม็กซ์เองก็ต้องกลับไปดูแลภรรยาของเขาที่ไม่สบายเหมือนกัน

     


    ตอบตกลงไปสิวิล..ผมไม่อนุญาตให้คุณจะขับรถกลับบ้านแบบนี้หรอกนะ ผมพยายามจะเขย่าแขนคุณ แต่มันเหมือนแค่ลมพัดผ่านคุณเบาๆเท่านั้น

     


    คุณเอียงคอแนบมือถือไว้กับไหล่ของตัวเอง ส่วนมือทั้งสองข้างก็ลูบแขนของตัวเองไปมา คุณสวมเพียงแค่เสื้อยืดสีเทา “ผมเกรงใจคุณจังแม็กซ์..”

     


    ฉันถือว่านายเป็นคนในครอบครัวฉันนะวิล ถ้าเรื่องแค่นี้ฉันช่วยนายไม่ได้ ฉันคงดูเห็นแก่ตัวมากๆเลยล่ะ

     


    “งั้นก็ตกลงตามนั้นก็ได้..” คุณปลดตัวล็อคหมวกกันน็อคที่อยู่ใต้คางของคุณออก “ผมอยู่ตรงฝั่งขาเข้านะ ทางห้องฉุกเฉิน”

     


    โอเค ฉันใกล้ถึงแล้วล่ะ อีกประมาณห้านาที รออยู่นั่นแหละ แล้วคุณก็กดวางสายไป

     


    ผมทำได้เพียงแค่นั่งลงบนรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้างๆกัน มองดูคุณที่กำลังเหม่อมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง

     


    ผมอยากทำอะไรได้มากกว่านี้จัง..

     


    แม็กซ์มาทันเวลาพอดี..อย่างกับคำนวณไว้เรียบร้อย สไปค์เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาหาคุณก่อนเป็นอันดับแรกตามด้วยฮันนี่ (น้องสาวของคุณ) ส่วนแม็กซ์ยังคงนั่งอยู่บนรถ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดึกมากแล้วแต่ที่ลานจอดยังคงอัดแน่นไปด้วยรถจำนวนมาก เขาเลยจำเป็นต้องจอดรถไว้ที่ทางเดินรถ

     


    “แฮร์รี่ต้องไม่ตาย” สไปค์สวมกอดและตบหลังคุณ

     


    “ขอบคุณนะสไปค์” คุณขมวดคิ้ว คิดทบทวนคำพูดเมื่อครู่ของชายที่กำลังทุบหลังคุณอยู่ “พ..พอแล้ว..สไปค์”

     


    สไปค์ถอดแขนออกจากคุณ เขาพยักหน้าเหมือนกับกำลังสื่ออะไรบางอย่างให้กับคุณ ซึ่งผมที่รู้จักเขามาเกือบสามปีก็ไม่สามารถแปลมันออกได้

     


    “เดี๋ยวฉันจะอยู่เฝ้าแฮร์รี่ให้เอง พี่ไม่ต้องห่วงนะ” ฮันนี่ลูบแขนของคุณเบาๆ เธอยื่นเสื้อสูทที่คุณใส่ประจำให้กับคุณ – ไม่ต้องห่วงวิลเหมือนกันนะฮันนี่ ผมจะดูแลเขาเอง

     


    “ขอบใจนะฮันนี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะมาใหม่” คุณเม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วก้มหัวลงเล็กน้อย “ขอบใจพวกเธอทั้งสองคนด้วย”

     


    คุณหันไปมองทางแม็กซ์ที่นั่งอยู่ในรถ แม็กซ์พยักหน้าให้กับคุณ และคุณก็เดินเข้าไปหาแม็กซ์ที่จอดรถรออยู่

     


    “ไปกันเถอะ” คุณเข้ามานั่งในรถแล้ว ส่วนผมเพียงแค่ทะลุเข้ามา ก็นั่งได้แล้ว ถึงแม้มันจะดูวืดๆไปหน่อยสำหรับครั้งแรก

     


    “หมอว่ายังไงบ้าง” แม็กซ์ถามถึงผมกับคุณในขณะที่กำลังขับรถอยู่

     


    “ตอนนี้เขายังอาการทรงตัวอยู่” คุณตอบทั้งๆที่สายตายังคงมองออกไปข้างนอก “แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ดี..”

     


    “ไม่ต้องคิดมากนะ แฮร์รี่จะไม่เป็นอะไร” แม็กซ์หันไปยิ้มให้กับคุณ – ขอบคุณนะแม็กซ์...

     


    คุณยิ้มให้กับแม็กซ์แทนคำขอบคุณ ก่อนจะหันกลับมามองนอกหน้าต่างเช่นเดิม

     



     


    “เข้าไปข้างในก่อนไหม” แม็กซ์เอ่ยชวนคุณเข้าไปในบ้านของเขา ในขณะที่คุณกำลังจะเปิดประตูเพื่อลงจากรถ

     


    “ไม่เป็นไรหรอกแม็กซ์ รบกวนเบลล่าเปล่าๆ” คุณหันไปยิ้มให้กับแม็กซ์ ผมลงจากรถพร้อมๆกับคุณ “ยังไงก็ขอบคุณนะแม็กซ์”

     


    “อืม..ราตรีสวัสดิ์วิล ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะ” แม็กซ์ดับเครื่องรถ เขาโบกมือให้กับคุณ

     

     


    บ้านของคุณอยู่ไม่ไกลจากบ้านของแม็กซ์เท่าไหร่ ใช้เวลาเดินเพียงแค่ห้านาทีก็ถึง แต่ถึงอย่างนั้น..เส้นทางก็ค่อนข้างเปลี่ยวอยู่ดี– ผมหันมองสวนสาธารณะที่เราเคยมานั่งเล่นด้วยกันทุกเย็น แต่เท้าของผมก็ยังคงเดินตามคุณไปเรื่อยๆ

     


    คุณหยุดที่ประตูหน้าบ้าน และปลดพวงกุญแจที่ห้อยอยู่หูกางเกงของคุณออก คุณไขกุญแจนั่นเข้าไปในลูกบิดประตู ผมเดินตามคุณเข้าไปในบ้าน

     

     

    ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เหลือเพียงแค่ร่างกายของผมที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นกับคุณ

    ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของคุณ ตอนนี้คุณเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบเหยือกน้ำออกมา

     


    ผมมองดูคุณรินน้ำใส่แก้วที่ถูกตั้งทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะ มองดูคุณจับแก้วและยกมันขึ้นมาดื่ม

    คุณไม่ได้เก็บเหยือกน้ำนั่นเข้าตู้เย็น แต่คุณกลับทิ้งมันไว้บนโต๊ะทานอาหาร

     


    คุณเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ตรงเข้าไปในห้องนอนของคุณ

    คุณทิ้งตัวลงนอนบนเตียงรกๆนั่น เสื้อผ้ามากมายทั้งใส่แล้วและยังไม่ใส่วางกระจัดกระจายเต็มพื้น

     


    ผมนั่งลงที่ปลายเตียง หันหน้าไปมองคุณที่นอนหลับตาอยู่

    ผมค่อยๆทิ้งตัวลงนอนข้างๆคุณ– มองดูหน้าอกของคุณที่กำลังขยับกระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ

     


    ผมวางมือลงบนที่หน้าอกของคุณ หวังเพียงแค่ว่าคุณจะได้รับไออุ่นจากผม

    ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่..แต่คุณวางมือบนหน้าอกของตัวเอง บนมือของผม

     


    ผมเขยิบเข้าไปใกล้ๆคุณ แนบหูลงบนหน้าอกของคุณ ฟังเสียงหัวใจของคุณที่เต้นอยู่ในนั้น

    ผมหลับตาลงและสวมกอดคุณอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้...

     

     


    ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังสะกิดเรียกผม

    ผมลืมตาขึ้นมา ...คุณหลับไปแล้ว

    ฝ่ามือของผมเริ่มกลายเป็นสีโปร่งใสขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งขาของผมด้วย

     



    “ติ๊ด! ติ๊ด!”


    เสียงนั่นแว่วเข้ามาในหูของผม ผมมั่นใจว่านั่นไม่ใช่เสียงจากสิ่งของที่อยู่ในห้อง แต่เป็นเสียงที่ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทของผม

     


    “ตื๊ด..ตื๊ด...”


    เสียงสั่นของโทรศัพท์คุณที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นมา ปลุกให้คุณตื่นจากภวังค์

     



    คุณเบิกตาโพลง กระเด้งตัวลุกขึ้นแล้วรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง– ผมไม่ทันมองว่าเป็นใครที่โทรมา เพราะคุณกดรับก่อน

     


    “ครับ คุณหมอ?” น้ำเสียงของคุณดูตื่นๆ

     


    ผมมองดูร่างกายของตัวเองที่ค่อยๆโปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ

     

    “คุณดีนฟื้นแล้วครับคุณแท็กเกอร์!”  น้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นไม่แพ้กันของคุณหมอดังออกมาจากสปีกเกอร์โฟน


    .

    .


    สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือ น้ำตาของคุณ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in