เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber | #Firthgrantsean and his nightmares
Crimson | Blood
  • Day 10 : Crimson (Blood) | #novelber

    Author :  Sean

    Pairing : Harry Hart x Alexander  Waverly

    Fandoms : Kingsman The Secret Service and The Man From U.N.C.L.E

    Rating : No Rate


     



     



    “เอาผ้าปิดตาออก” ผมได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่ง แต่เจ้าของเสียงนั้นไม่ได้อยู่ในระยะที่ใกล้กันกับผม– มือปริศนากำลังงุ่มง่ามอยู่กับผ้าคาดสีดำที่ปิดตาผมไว้ เขากระชากมันออกทันทีที่แก้ปมเสร็จ

     


    แสงสว่างถึงแม้จะมีเพียงแค่ริบหรี่แต่ผมก็ต้องใช้เวลาปรับสายตาอยู่นาน ผมก้มลงมองพื้น..เงาของผมเคลื่อนไหว ใช่..หลอดไฟห้อยอยู่เหนือหัวผมมันกำลังแกว่งไปมา นั่นทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเล็กน้อย

     

    แขนของผมขยับไม่ได้..แต่ผมกลับรู้สึกเจ็บที่ข้อมือเหลือเกิน ตัวของผมเอนไปข้างหน้าแต่ก็ไม่ยักที่จะล้มลงกับพื้นเหมือนมีบางสิ่งคอยดึงผมไว้อยู่ ข้อมือของผมถูกตรึงไว้..ด้วยเชือก

     


    “อ่า..ตื่นแล้วเหรอ..เจ้าชายแห่งบรินสก็อต” ผมพยายามเพ่งสายตาไปยังต้นตอของเสียงนั่น แสงสว่างจากหลอดไฟมันทำให้ผมมองเห็นแค่รัศมีเพียงหลาเดียวเท่านั้น

     

    “เรียกให้ถูกคือบุตรคนที่สองของเอิร์ลแห่งบรินสก็อต..แต่ฉันสละตำแหน่งไปแล้ว” ผมแค่อยากแก้ให้..แต่สิ่งที่ผมควรถามคือถามว่าเขาเป็นใคร

     

    “อ๋อ....ยาวชะมัดยาดเลยว่ะเพื่อน งั้นฉันขอเรียกเวฟเวอรี่แทนนะ” เสียงอ๋อของหมอนั่นมันแทบทำให้ผมอยากงัดฟันหน้าออกสักสองสามซี่

     

    “แกเป็นใคร” ผมพยายามยันตัวเองให้ยืนขึ้นตรงๆแต่ขาของผมกลับอ่อนปวกเปียกจนทำผมเอนล้มลงไปข้างหน้าอีกครั้ง บ้าชิบ..ข้อมือของผมเริ่มแสบขึ้นมาทุกที

     

    “ฉันเหรอ..ไม่บอกหรอก เดี๋ยวรู้” ผมได้ยินเสียงเก้าอี้ดังลากยาวเข้ามาใกล้ๆ เขาหยุดไว้ที่เส้นขอบสีแดงที่ถูกขีดไว้ ยื่นเพียงแค่เท้าก้าวเข้ามาในเส้น

     

    “นายรู้ท็อปซีเคร็ตไปแล้ว แบบนั้นมันไม่ยุติธรรมหรอกนะ” ถึงผมจะมองพียงแค่เงาลางๆแต่ผมก็ยังคงเพ่งมองไปที่เขาอยู่ดี

     

    “โลกนี้มันมีความยุติธรรมกันที่ไหนล่ะเวฟเวอรี่” เขาเปลี่ยนท่านั่งของตัวเองโดยการไขว่ห้าง “อีกไม่นานแฮร์รี่ ฮาร์ตก็คงตามกลิ่นของนายมาได้ นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ”

     


     

    สิ่งที่เขาต้องการ? เขาต้องการตัวแฮร์รี่ไปทำไม?

     



    “แกจะทำอะไรเขา!?” ผมหลุดตวาดออกไปเสียงดังออกไป แต่หมอนั่นกลับหัวเราะดังลั่น

     

    “แหมๆ..เป็นห่วงเป็นใยออกหน้าออกตาเชียวนะคุณชาย” ผมโมโหจนรู้สึกเลยได้ว่าเลือดกำลังขึ้นหน้า ผมพยายามดึงแขนของตัวเองให้หลุดจากพันธนาการ ถึงแม้ว่าเลือดมันจะค่อยๆซึมออกมา “นายน่ะ จับตัวได้ยากนะแต่ก็ยังน้อยกว่ากาลาฮัดอยู่ดี– ฉันจะเสียเวลาไปตามล่าเขาทำไมล่ะ หื้ม”

     

    “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!!!” ผมดูเหมือนกับคนบ้าสติแตกไม่มีผิด ผมยันตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งตัวเข้าไปหาไอ้หมอนั่นที่นั่งอยู่ แต่เชือกที่มือกลับดึงรั้งผมไว้

     

    “ว้า..แฮร์รี่อยู่ไหนน้า หวานใจของนายกำลังกริ้วแล้ว เมื่อไหร่จะมากัน” เขาแสร้งทำเป็นสะบัดแขนขึ้นมาเพื่อมองนาฬิกาข้อมือ พร้อมกับกระดิกขาตามจังหวะ

     

     


    เสียงข้อความมือถือดังขึ้นสองครั้ง

     


    เป็นเสียงมือถือของไอ้ทึ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังผม มันเดินอ้อมเส้นวงกลมสีแดงที่ถูกขีดรอบตัวผมเอาไว้แล้วเดินเข้าไปหาอีกคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าผม

      

    “มันอยู่หน้าตึกแล้วครับนาย” ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เสียงกระซิบแต่มันกลับดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง

    ไม่..ไม่ แฮร์รี่อย่าเข้ามา ผมได้แต่พึมพำเบาๆ

     

    “ตายยากจริงๆคนอะไร..” หมอนั่นพูดติดตลกราวกับมันเป็นเพียงแค่เรื่องโจ๊ก “แกออกไปข้างนอก ถ่วงเวลามันไว้ ฉันขอเล่นกับหมอนี่ก่อน”

     

    “แกต้องการอะไร!?” ผมตะคอกเสียงดัง โมโหจนน้ำตาแทบไหล

     

    “ต้องการทำให้หมอนั่นเจ็บปวดยังไงล่ะ..เหมือนกับที่มันทำกับลูกน้องคนสนิทฉันไง” หมอนั่นลุกขึ้น และเดินข้ามเส้นวงกลมสีแดงเข้ามา ผมยังคงมองไม่เห็นหน้าของมันเพราะหมวกแก็ปสีดำที่มันสวมอยู่พร้อมกับแว่นตากันแดดสีดำ(ที่ไม่รู้จะใส่ทำไมในที่แบบนี้) และผมไม่รู้ว่ามันถือไม้เบสบอลมาตั้งแต่เมื่อไหร่– แต่มันเดินไปรอบๆผมพร้อมกับลากไม้เบสบอลไปกับพื้น ผมทำได้เพียงแค่หันมองตามมันเท่านั้น

     

    “อย่ายุ่งกับแฮร์รี่! ปล่อยเขาไป! ทำแค่ฉันก็พอ” ตอนนี้ผมคิดคำที่จะพูดออกเพียงเท่านี้ ถึงแม้มันจะดูน้ำเน่าก็ตาม

     

    “นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันจะทำ” เขาเหวี่ยงไม้เบสบอลลงบนกลางหลังของผมจนขาที่อ่อนแรงทรุดลงกับพื้น

     

    “..ทำแค่ฉันก็พอ” อ่า...ผมแทบจะหายใจไม่ออก

     

    “แบบนั้นมันก็ไม่สนุกสิ” เขาเดินวนรอบๆผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงเร่งฝีเท้าข้างนอกยังคงดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่บอกก็รู้ว่าต้องเป็นแฮร์รี่..ไม่ ได้โปรด.. พระเจ้า บอกเขาว่าอย่าเข้ามา..

     

    “too close… too slowly...” เขาฮัมเป็นทำนองเพลงจังหวะช้าๆ ทั้งผมและเขาต่างเฝ้าฟังเสียงต่อสู้ของแฮร์รี่ที่อยู่ข้างนอก หมอนั่นหัวเราะออกมาเบาๆและหยุดที่ข้างหน้าของผม มือหยาบกระด้างของมันเอื้อมมาจับคางของผมและบีบจนผมรู้สึกเจ็บที่กระดูก

     

    “ใกล้แล้ว..” มันก้มลงมากระซิบที่ข้างๆหูผม ผมจำหน้ามันได้แล้ว..หมอนี่มันเป็นเจ้าของเว็ปไซต์ที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ 'วาเลนไทน์'

     

    ผมทำได้แต่ขบกรามของตัวเองแน่น จ้องมองใบหน้าของมันอยู่อย่างนั้น..มันมองเหยียดๆมาที่ผมและสะบัดหลังมือเข้าที่โหนกแก้มด้านซ้ายของผมอย่างจัง– รู้สึกเหมือนเห็นดาวตอนกลางวันเลยล่ะ

     

    “มาแล้วครับนาย” เจ้าทึ่มที่เดินออกไปก่อนหน้าที่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับดึงแฮร์รี่เข้ามาด้วย

     

    “ว้าว สภาพดูไม่จืดเลยนะกาลาฮัด” วาเลนไทน์โบกมือ “ออกไปก่อน” เขาไล่ลูกน้องของตัวเองออกไป

     

    “อเล็กซ์..เป็นไงบ้าง” แฮร์รี่เดินเข้ามา มือของเขากุมอยู่ที่หน้าท้อง– ผมเห็นรอยเลือดที่ไหลออกมาตามหลังมือของเขา

     

    “แฮร์รี่..” เสียงของผมดังราวกับกำลังกระซิบอย่างแผ่วเบา

     

    “จะเรียกชื่อกันอีกนานไหม” เหมือนเจ้ามืดที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมเริ่มหมดความอดทน เขาแทรกบทสนทนาของเรา วาเลนไทน์หันมาทางผมแล้วใช้มือจิกศีรษะของผมขึ้น “ไหนบอกมันสิว่าเป็นไงบ้าง”

     

    “.....” ผมไม่พูดอะไรออกไป ผมเพียงแค่จ้องหน้ามันเท่านั้น– แฮร์รี่เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

     

    “เห้ย! เข้ามาซิ!” เหมือนวาเลนไทน์กำลังสั่งลูกน้องของตัวเองให้เข้ามาในห้อง และทันทีที่สิ้นสุดเสียงของมัน ไอ้ทึ่มนั่นก็เปิดประตูเดินเข้ามา

     

    “ครับนาย”

     

    “เปิดไฟ” วาเลนไทน์หันไปบอกลูกน้องที่ยืนทะมึนอยู่ข้างประตู ผมหันไปมองแฮร์รี่ ดูเหมือนว่าเขากำลังยกฝ่ามือขึ้นเพื่อบอกว่าให้รอก่อน

     


    ทั้งห้องสว่างขึ้น– ผมคิดว่าห้องนี้จะเป็นเพียงแค่ห้องว่างเปล่าธรรมดาๆ แต่ไม่เลย..รอบห้องถูกทาด้วยสีแดงเลือดหมู เช่นเดียวกับชุดสูทที่วาเลนไทน์กำลังสวมอยู่...แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

    ด้านบนของเพดานกลับเต็มไปด้วยท่อน้ำเล็กๆที่เชื่อมต่อกัน หยดน้ำที่ไหลซึมออกมาจากท่อนั่นกระทบลงบนพื้นที่ผมยืนอยู่..มันเป็นเลือด..แต่เป็นเลือดของอะไรนั้นผมไม่รู้

     


    “นายต้องขอบคุณฉันนะแฮร์รี่ที่ยังใจดี” วาเลนไทน์กระชากมือออกจากศีรษะของผมอย่างแรงและเดินเข้าไปหาแฮร์รี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล “อุตส่าห์เปิดไฟให้ด้วย” พูดจบแล้วเขาก็ตบบ่าแฮร์รี่เบาๆและเดินจากไป

     

     

    ผมมองตามวาเลนไทน์ที่เดินออกไปข้างนอกพร้อมกับปิดประตูด้วยสีหน้างงงัน..

     

    แฮร์รี่พุ่งตัวเข้ามาแก้มัดที่ข้อมือทั้งสองข้างของผมและทันทีที่ผมหลุดพ้นจะพันทนาการ ร่างของผมก็หล่นแปะลงบนพื้นอย่างสมบูรณ์

     


    “คุณขาหัก..” แฮร์รี่จับขาผมเบาๆแล้วเลิกขากางเกงผมขึ้น แต่ผมกลับไม่ได้สนใจขาของตัวเองเลยด้วยซ้ำ– หยดน้ำเลือดที่ไหลซึมออกมาจากท่อเมื่อสักครู่เริ่มไหลถี่ขึ้นเรื่อยๆ และตามท่ออื่นๆก็เริ่มไหลออกมา

     

    “แฮร์รี่..แย่แล้ว” ผมชี้ไปที่ท่อน้ำที่ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมาราวกับฝักบัว ท่อพวกนั้นมันเชื่อมต่อกันไปทั่วเพดาน เลือดไหลรินราวกับห่าฝน

     

     



    “ติ๊ด!”

     


    แฮร์รี่เลิกเสื้อเชิ้ตสีขาวของผมที่เริ่มกลายเป็นสีแดงขึ้น ที่หน้าท้องของผมมีนาฬิกาดิจิทัลติดอยู่พร้อมกับแท่งระเบิดไดนาไมต์หนึ่งแพ็คซึ่งถูกพันด้วยเทปอยู่ด้านหลังของนาฬิกา

     

    “ฉิบหายแล้ว..” แฮร์รี่สบถออกมา– เขามองดูเส้นสายไฟที่พันกันระโยงระยางอยู่ที่หน้าท้องของผม ส่วนผมเองก็ช็อคอยู่

     

    “เรื่องพวกนี้คงง่ายสำหรับคุณ” ผมกำลังพูดให้กำลังใจเขา

     

    “ผมเป็นสายลับไม่ใช่หน่วย EOD, ไดนาไมต์ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเครียดๆและหยิบมีดพับที่เหน็บอยู่ถุงเท้าของเขาออกมา

     

    “พกทุกอย่างติดตัวตลอดเลยงั้นสิ” อย่างกับร้านสะดวกซื้อ

     

    “เผื่อเหตุฉุกเฉิน แบบนี้ไง” คุณมองผมลอดแว่นสายตากรอบดำนั่น – คุณหยิบสายไฟสีดำ สีแดง สีเหลืองขึ้นมา

     


    ใช่..มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับระเบิดที่เดาใจไม่ถูกว่าตัดสายไหนจะอยู่ ตัดสายไหนจะรอด

     


    “คุณว่าสีไหนเป็นสีนำโชค” คุณถามผม – ผมคิดว่าคุณคงรู้คำตอบแต่เพียงแค่ถามผมไปอย่างนั้น

     

    “สีแดงสิ” ผมไม่ได้มั่วหรอกนะ แต่ทั้งตัวและรอบตัวผมเป็นสีแดงเลือดไปหมดแล้ว รวมทั้งคุณด้วย

    “ผมไม่เกี่ยงหรอกว่าคุณจะตัดสีอะไร ตัดๆไปเถอะ” แค่ตายกับไม่ตายเท่านั้นเอง

     


    แน่นอนว่าคุณตัดสีแดง

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in