ในที่สุดเราก็บินมาอัมสเตอร์ดัมเป็นครั้งที่สิบแล้วเว้ยเฮ้ย ซึ่งถ้าไม่นับกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์แล้ว เราบินมาที่นี่บ่อยมากที่สุดประหนึ่งทำงานอยู่ KLM เลยทีเดียว มาเกือบทุกเดือนประหนึ่งซุกกิ๊กไว้ และโดยปกติแล้วเวลาเรามาก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไร นอน เจอเพื่อน (เจ๊น้ำ -- ชื่อนี้โผล่มาในทุกตอนที่บินมาที่นี่) นอน กินอาหารเช้า เดินเล่น กิน นอน วนไปไม่ทำอะไรเท่าไร

วันนี้เราเลยลุกขึ้นมาทำอะไรที่มีสาระและประโยชน์กับเขาบ้าง โดยเราได้รวบรวมนำร้านอาหารที่เคยไปลิ้มลองมาแล้วติดใจ ถ่ายรูปลงไอจีสวยเก๋ อัพลงสตอรี่แบบคนชิคมาแชร์ให้ทุกตามไปลองกันนนน

เอาละ...

เราขอให้ผู้อ่านทุกท่านเตรียมท้องของคุณให้พร้อม

หยิบกล้องของคุณไว้ให้ดี

และถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเล้ยยยยยย

รูปนี้ไม่มีอะไร เราชอบก็เลยถ่ายไว้ น่ารักม๊ากกกก

ภายในร้านมันกุ๊กกิ๊กน่ารักมากเลย Instagram friendly มากเหลือล้น ถ่ายรูปสวยปุ๊กปิ๊ก ส่วนขนมที่ขายนั้นเรียกว่า Brigadeiro (ออกเสียงไม่ถูกเหมือนกันแหะ) เป็นขนมพื้นเมืองของบราซิลที่ก็สงสัยเหมือนกันว่าแกมาขายอะไรที่นี่ แถมเคลมว่าเป็นร้านขนมที่อร่อยที่สุดในเมืองไปอี๊กกกก คือเจ้าสิ่งนี้เนี่ยไม่ใช่ลูกอม ไม่ใช่ทรัฟเฟิล ส่วนประกอบคือนมข้นหวาน ผงโกโก้ เนย และก็ช็อกโกแลต ซึ่งก็จะมีรสมีไส้ที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ว่าจะใส่อะไรเพิ่ม

ซึ่งเราก็หยิบๆมาลอง 6 แบบด้วยกัน เริ่มจากแถวบนสุดด้านซ้ายมือของภาพคือ Crème Brûlée ที่อร่อยมาก หวาน หอม กลมกล่อม กินแล้วเหมือนวาร์ปไปยืนอยู่หน้าไอเฟล

ถัดมาอีกสองอันคือ Dark Chocolate อันนี้ไม่ต้องพูดมาก เจ้มจ้น อร่อย เป็นรส original ของร้านเลยนะจ๊ะ ความแตกต่างอยู่ที่อันขวาสุดจะกรอบๆเพราะมันกลมๆ

แถวสองอันแรกคือ Crunchy Salted Caramel โอ้ อันนี้อร่อยมาก ถัดมาคือ Sweet Corn และปิดท้ายด้วย Milk Chocolate จ้ะ

หากใครผ่านมาเที่ยวที่นี่และอยากลิ้มลองขนมแปลกใหม่ เปิดจักรวาลแห่งของหวานที่ไม่ต้องบินลัดฟ้าไปไกลถึงบราซิลก็แวะเวียนมาได้ หากโชคดีจะได้ลองชิมช็อกโกแลตและกาแฟร้อนสูตรบราซิเลี่ยนอีกด้วยนะเอออออออ (เราไม่ได้ลองเพราะวันนั้นของไม่มี เศร้า...)

เช้านี้เราต๊อกแต๊กมากินอาหารเช้าที่ร้าน The Avocado Show ร้านคอนเส็ปแน่นที่เสิร์ฟเอฟวรี่ติงจิงเกอเบลเป็นอะโวคาโด โอ้ รักกกกกกกกก ฉันรักที่นี่เหลือเกิน?

ความจริงแล้วร้านนี้มีสาขาอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ เช่น นิวยอร์ก และ ลอนดอน แต่ต้นตำรับที่แท้คือร้านนี้นี่แหละจ้า ถ้าใครสนใจจะมาลองชิมก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์และดูเมนูได้ที่นี่เด้อ ซึ่งเมนูอาหารเช้าและกลางวันนั้นแตกต่างกันนะจ๊ะ อยากกินอะไรก็เข้าไปสอดส่องดูก่อนได้ ร้านเปิดตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็นเลยจ้ะ >> คลิก << ขอบอกว่าเว็บไซต์ของเขาน่ารักม๊ากกกกกกก

การตกแต่งภายในร้านนั้นสุดแสนจะ Instagram friendly เหลือเกิน ช่างน่ารักกุ๊กกิ๊กไปทุกมุม แต่ครั้นจะแทรกตัวเบียดบังชาวบ้านก็จะกลายเป็นภาระสังคมประมาณหนึ่ง อาจได้รับสายตาเหยียดหยามดูหมิ่นดูแคลนจากมนุษย์รอบตัวได้

อ้อ... ที่นี่ไม่ต้องจองโต๊ะล่วงหน้าก่อนแต่อย่างใด เดินมาต่อแถวได้เลย ให้บริการแบบมาก่อนได้โต๊ะก่อนนะจ๊ะ ซึ่งคนแน่นตลอดทั้งวันเลยนะเอาจริ๊ง ความน่ารักคือพนักงานจะถามชื่อและเบอร์ติดต่อหรืออีเมลไว้ พอถึงคิวเราปุ๊บก็จะมีข้อความมาเตือนให้กลับไปที่ร้าน ระหว่างนั้นเราก็สามารถไปเดินเล่นรอบๆบริเวณนั้นได้ ซึ่งก็มีคาเฟ่น่ารักมากมาย ร้านหนังสือกุ๊กกิ๊กมากมีให้ได้ฆ่าเวลาระหว่างรอโต๊ะจ้ะ

รหัสไวไฟอยู่หน้าแรกของเมนูเลย ถ่ายรูปปุ๊บ อัพลงโซเชียลปั๊บ

ชิคกะด้าวมาก

 

ซดกาแฟก่อนเป็นอันดับแรก ชีวิตจะได้ลืมตาตื่นด้วยความแจ่มใส

ที่นี่ให้เลือกได้ด้วยว่าจะใส่นมธรรมดา ถั่วเหลือง มะพร้าว โอ๊ต หรืออัลมอนด์

ดี๊ดี เป็นมิตรต่อมนุษย์ที่ดื่มนมวัวยามเช้าแล้วท้องเสียอย่างข้าพเจ้าเป็นที่สุด

ผ่ามผ๊ามมมมมมมม และนี่คือเมนูที่เราสั่งจ้ะ

เมนูนี้ชื่อว่า The Avo Garden เป็นเมนูวีแกนที่เราประทับใจในความฟูฟ่องของดอกไม้มาก ตรงกลางเป็นฮัมมูสเนื้อนวลเนียน อะโวคาโดก็สุกพอดีมากจนอยากจะเดินไปถามว่าพี่คะ พี่เลือกยังไงหรือ เพราะเราเป็นมนุษย์ผู้รักอะโวคาโดมาก แต่ไม่เคยเลือกที่มันสุกพอดีมากินได้เลย บางทีก็ยังดิบๆ บางทีก็สุกเกินไป ไม่เคยจะมีสักครั้งที่ผ่าออกมาแล้วมันอร่ามแท้แลตะลึงขนาดนี้

ดอกไม้นี้นั้นอยู่ในหมวดพืชผักสวนครัว รั้วกินได้

มันกินได้จริงๆนะ เพราะเรากินแล้ว ก็อร่อยดี เขียวๆ

ถือว่าอะไรที่เขาปักๆมามันก็กินได้หมดนั่นแหละ(มั้ง)

มาเถอะ ร้านนี้เอาไปเลยสิบดาววววววววววววววว

ทุกวันนี้ยังคงถวิลหา อยากกลับไปกินอี๊กกกกก

ร้านน่ารักกุ๊กกิ๊กและหอมกรุ่นแห่งนี้มีความเป็นมาจากการที่คุณพ่อและลูกชายทั้งสองของเขาได้ไปลิ้มลองและติดใจโฮมเมดโดนัทจากทริปเที่ยวอเมริกาเหนือ และพอกลับมาถึงบ้านเกิดเมืองนอนคิดกันได้ว่าเอ๊ะ... จริงๆแล้วในหลายๆประเทศก็มีร้านโฮมเมดโดนัทขายกันเยอะแยะ แต่ทำไมชาวดัตช์นั้นช่างน่าเศร้าที่ต้องทนกินโดนัทอันสุดแสนจะเย็นชืดจากโรงงานเท่านั้น

ในเมื่อเนเธอแลนด์มันไม่มีโดนัทดีๆขาย

ในใจมันเรียกหาโดนัทที่โรยท้อปปิ้งเยอะๆ มีไส้แยมแน่นๆแบบชาติอื่นเขา

อยากกินใช่ไหม ก็ทำเองเลยสิ!

นั่นแหละฮะ ก็เลยเกิดมาเป็นร้าน Peejays Doughnuts แห่งนี้นี่เอง!!!! (คนจริงที่แท้ อยากกินก็ทำเอง ทำขายด้วย เพราะอยากให้ชาวดัตช์อื่นๆได้กินโดนัทที่ดีงาม เออ น่ารักกกก)

ร้านน่ารักกกกกกก นั่งสบาย

คนขายเป็นพี่สาวคนสวยที่ โอ้ยย พ่ายแพ้ เอาใจไปปปป

ด้วยความที่เขาทำเอง อบเอง เพราะฉะนั้นแต่ละล็อตที่ขายต่อวันนั้นก็จะมีมาไม่มาก ถ้ารสไหนขายดีก็หมดแล้วหมดเลย ต้องมารอซื้อในวันต่อไปนะจ๊ะ และเขาจะมีโดนัท classic ที่ขายยืนพื้นและก็มีโดนัทเมนูพิเศษที่เปลี่ยนไปทุกเดือนอีกด้วย! เป็น monthly seasonal special ให้ได้ลองชิมหมดเวียนกันไปในแต่ละเดือนนั่นเอง เก๋เนอะ

และข้าพเจ้าก็พ่ายให้กับ Vanilla Sprinkled ฮิฮิ

ชอบมาก ชอบผงสีๆอันนี้มาก ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ ถ้ามีอันนี้คือต้องเลือกแน่นอน

และก็สั่งโกโก้ร้อนมานั่งจิบด้วย อร่อยดี แต่หวานเกินไปนิดดดดดดนึง

ส่วนเหมียวนี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย เดินผ่านเฉยๆ

น่ารักดีเลยถ่ายมาฝาก อิอิ

ร้าน Van der Linde ijs แห่งนี้เป็นร้านไอศกรีมเล็กๆที่ตั้งอยู่ตรงถนนช้อปปิ้งหลักของอัมสเตอร์ดัม เป็นร้านคู่บ้านคู่เมืองเลยก็ว่าได้เพราะเก่าแก่มาก เปิดให้ลิ้มลองความอร่อยมาตั้งแต่ปี 1937 โน้นแหนะ

ร้านนี้ขายไอศกรีมเพียงรสเดียวเท่านั้น แต่มาในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ทั้งใส่โคน ใส่ถ้วย กระกบกับบิสกิต และเสียงรีวิวเขาแตกเป็นสองแบบล่ะคุณ ไม่รักมากกกกกกกกกกกกกกสุดใจขาดดิ้นก็ไม่ชอบไปเลย เพราะเนื้อสัมผัสของไอศกรีมร้านนี้มันประหลาดมาก...

สิ่งนี้ไม่ใช่ไอศกรีมที่เราคุ้นชินกันทั่วๆไป เหมือนวอลล์ แม็กนั่ม เบนแอนด์เจอร์รี่ หรือโกไดวา และก็ไม่ใช่เนื้อสัมผัสแบบเชอร์เบ็ต หรืออิตาเลียนเจลาโตด้วย แต่มันคือ

คือแบบ อธิบายไม่ถูกอะ เหมือนกับเอาวิปครีมที่เอาไปแช่ช่องแข็งซึ่งมันต้องผ่านกรรมวิธีบางอย่างที่ทำให้เนื้อมันยังสมูทอยู่ ไม่ได้เป็นก้อนน้ำแข็งรสปะแล่มโง่ๆอะ แล้วมันดีมาก สิ่งนี่คือโอ้ยย พ่อแม่พี่น้องต้องมาลองชิม อากาศหนาวมือแข็งยังไงก็ต้องมาลอง คุ้มค่ามาก กินแล้วเหมือนมีแสงทองส่องลงมาจากฟากฟ้าไกล นี่แหละคือ THE BEST OF AMSTERDAM!!!!!

ไปลอง!!!!

และเรื่องราวการกินวนไปในอัมสเตอร์ดัมก็ขอปิดฉากลงแต่เพียงเท่านี้เพราะท้องจะแตกตาย กลายเป็นชูชกโมเดลแล้วเด้อ สำหรับทริปหน้าจะพาไปทำอะไร แวะชิมของอร่อยอยู่ในมุมโลกไหน ต้องติดตามต่อต่อไปนะจ๊ะ

ด้วยรัก...จากเมืองกังหันลม ดอกทิวลิป และกัญชาาาาาาา

ป.ล. ในที่สุดชีวิตนี้ก็ได้เข้า Rijks Museum แล้วนะเฮ้ย

ฮืออออออออ ใฝ่ฝันมานาน ขออวดหน่อย

เมทเทนม ได้มาดูแล้ววววววววว น้ำตาจะไหลลลลลลล

รูปอื่นก็ได้ดู แต่ขี้เกียจเอามาลง เพราะถ่ายไว้เยอะมาก

นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดี ประทับใจ ชอบ คุ้มค่าแก่การเสียตังค์เข้ามาเดินชมเป็นที่สุด

-- สวัสดี --