เพื่อเพิ่มพูนอรรถรสในการอ่านของท่านเกี่ยวกับเรื่องราวที่จะเขียนเล่าต่อไปนี้
ไนโรบี - เคนยา: เมืองหลวงที่โอบล้อมไปด้วยอุทยานแห่งชาติ
เช้าวันนี้อากาศดีแจ่มใส อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียสให้ฟิลลิ่งเหมือนยืนเอื่อยเฉื่อยอยู่ที่เชียงใหม่ เราตื่นแต่เช้าลงมากินข้าวและรอ แม็กซ์ คนขับรถที่จะนำพวกเราไปเที่ยวกัน ความจริงแล้วโปรแกรมทัวร์ของแม็กซ์มีมากมาย ตั้งแต่ไปเยี่ยมชมสวนยีราฟ (ซึ่งเราขอผ่าน เพราะรู้สึกว่าการกักกันสัตว์ไว้เพื่อการท่องเที่ยวนั้นไม่โอเค) เยี่ยมชมปางช้าง (ซึ่งนี่เราก็ขอผ่านเช่นกันด้วยเหตุผลที่กล่าวมาก่อนหน้านี้) และก็มีโปรแกรมเดินตลาด ซื้ออะโวคาโดลูกยักษ์และผักผลไม้ต่างๆ ซึ่ง... อยากจะไปแต่ก็ยังไม่อินเท่าไรนัก ประกอบกับลูกเรือส่วนใหญ่บนไฟล์ทเลือกที่จะไปกัน
เรา ผู้พัฒนาร่างกลายเป็นมนุษย์ขี้รำคาญคนเยอะ เบื่อที่จะต้องรอคนอื่นต่อนยอนต๊ะต้อนย้อนก็ไม่อยากจะไปกับมนุษย์หมู่มากก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ ไม่ไปไหนก็ได้ว้า แต่ก็อยากไปอยู่ดี เฮ้ยยย แกรรร ไนโรบีเลยนะเว้ยยยย เคนยานะเว้ยยยยย ไม่ได้มากันทุกวันปะว้า
ระหว่างที่คิดวนเวียนว่าจะเอายังไง จะไปเที่ยวไหนดีอยู่ในแกลลี่นั้น เดชะบุญที่บนไฟล์ทมีลูกเรืออีกสามหน่ออยากจะทำกิจกรรมที่แอดเวนเจอร์มากกว่าการนั่งรถวนไปดูช้างดูยีราฟและช้อปปิ้งซื้อของฝาก พวกเราเลยมาสุมหัวกันเลือกโปรแกรมตื่นแต่เช้าแล้วนั่งรถเข้าทุ่งหญ้าสะวันนา ไปเยือน Nairobi National Park กันเถอะ!
นี่คือตรงโรงแรม สวยดีเลยถ่ายเก็บไว้
ภาพตัดมาที่เรานั่งกระพริบตาโต้ลมอยู่ในเบาะหลังของรถ SUV บุโรทังคันหนึ่งที่ทุกคนไม่แน่ใจว่าแม็กซ์จะเอารถคันนี้ขับเข้าไปในอุทยานจริงๆนะหรือ เพราะตอนแรกคิดว่ารถที่ใช้ต้องเป็นรถจีฟอย่างดี เหมาะควรแก่การบุกป่าฝ่าดง แต่เปล่าเลยจ้า เป็นรถบ้านธรรมดาที่เก่าประมาณหนึ่ง มีความรู้สึกแว้บเข้ามาในหัวว่าถ้าเจอสิงโตตะปบ ประตูก็อาจจะหลุดออกมาได้เด้อ...
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับค่าเข้า Nairobi National Park คือเราจะต้องจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตหรือผ่านระบบในมือถือเก๋ๆที่เรียกว่า M-PESA เพราะว่าที่นี่เป็นสังคม Cashless จ้า ไม่รับเงินสดนะเออ ด้วยเหตุว่าทางรัฐบาลต้องการป้องกันการคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่ที่เก็บเงินและแอบยักยอกเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เก๋เนอะ
และใครที่มีภาพติดหัวว่าแอฟริกาไม่เจริญ เต็มไปด้วยความกันดาร มีเด็กผอมๆเต็มไปหมดก็ขอให้เปลี่ยนความคิดใหม่ไปได้เลย เพราะระหว่างทางที่แม็กซ์ขับรถพาเราออกจากโรงแรมนั้นเราก็เห็นวิวของตัวเมืองไนโรบีจากระยะไกลค่ะ ที่นี่มีตึกสูงหลายแห่งที่สะท้อนเป็นประกายกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่แสนสดใส เราก็มานั่งคิดกับตัวเองว่าการท่องเที่ยวนี่มันดีนะ มันเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ ได้เห็นว่าอีกฟากหนึ่งของโลกเป็นอย่างไร เป็นการออกไปดูให้รู้ ให้เห็นจริง เออ เจ๋งว่ะ
เจอแอนทีโลปสามหน่วยเล็มหญ้าอยู่ตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าอุทยาน เรียลมากคุณพระ
พอเลี้ยวออกจากโรงแรมได้ไม่ไกลเราก็อยู่ในถนนที่แล่นเลียบไปกับอุทยานแห่งชาติตามภาพด้านบน แม็กซ์บอกกับเราว่าอุทยานแห่งชาติไนโรบีนี้ไม่ใหญ่นัก ขับรถนิดเดียวก็ถึงแล้ว รั้วลวดหนามที่เห็นนั้นก็ปล่อยกระแสไฟฟ้าตลอดเวลา เป็นการป้องกันไม่ให้สัตว์กระโดดดึ๋งออกมา และก็ป้องกันไม่ให้มนุษย์อย่างเราๆเข้าไปล่าด้วย... ซึ่ง...สัตว์มันรู้แหละว่าออกมาไม่ได้ โดนลวดแล้วเจ็บ ได้ยินเสียงรถก็หนีแล้ว แต่มนุษย์เนี่ย บางทีมันก็คิดไม่ได้ (อันนี้แม็กซ์ไม่ได้บอก เราว่าเอง)
พอเข้าไปปุ๊บก็ต้องมีการตรวจค้นรถ ดูว่ามีปืนมีอะไรเข้าไปไหม และพอเข้าไปในอุทยานแล้วมีกฎว่าห้ามลงจากรถเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของตนเองและของสัตว์ด้วย ตลอดจนระหว่างทางก็มีจุดแคมป์ที่มีเจ้าหน้าที่ถือปืนคอยสอดส่องความเรียบร้อยอยู่ เพราะทุกวันนี้ก็ยังมีคนลักลอบเข้าไปฆ่ากวาง ล่าสัตว์กันอยู่เลยจ้ะ
เข้ามาแล้วชื่นใจ เต็มไปด้วยสีเขียว
และได้กลิ่นดินหลังฝนตกซึ่งเป็นกลิ่นที่เราไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว
(แน่ล่ะ ก็เมืองทะเลทรายไม่มีต้นไม้เขียวและฝนนี่...)
และขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ช่วง
สารคดีส่องชีวิตสัตว์โลก!
ผ่ามผ๊ามมมมมมม ขับรถเข้ามานิดนึงก็เจอกับบึงขนาดไหน แม็กซ์จอดรถแล้วก็ชี้ให้ดูว่าโน่นนั่นนกเขาคู จุ๊กจุ๊กกรูนกมันเฝ้าคูหาชู้มัน ผิด! ไม่ใช่! นั่นไง จระเข้!! นักล่าที่สุดแสนจะแข็งแกร่งงงงงง
ได้รับข้อมูลจากแม็กซ์ผู้ผันตัวจากการเป็นคนขับรถมาเป็นผู้บรรยายชีวิตสัตว์โลกว่าจระเข้นั้นไม่มีศัตรูตามธรรมชาติเพราะอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร (แต่ไม่กล้าไปแหย่มกับพี่ฮิปโปเหมือนกันนะ) และเป็นสัตว์ที่ไม่กินเนื้อสดๆนะเออ จระเข้จะกินแต่เนื้อที่เน่าแล้วเท่านั้นเพราะระบบการย่อยอาหารไม่ดี และบางทีจะกลืนก้อนกรวดหรือก้อนหินเข้าไปเพื่อช่วยในการบดอาหารอีกด้วยจ้า
นอกจากนี้... หากสังเกตที่ผิวน้ำตรงบริเวณที่ลึกๆดีๆ จะเห็นว่ามีฟองอากาศบุ๋งๆอยู่ นั่นละครับท่านผู้ชม นั่นคือฮิปโป! ซึ่งตามปกติแล้วก็จะชอบอยู่แต่ในน้ำนั่นแหละ ไม่ค่อยออกมาให้เห็นจะๆจังๆเท่าไรนัก จะโผล่มาเหนือน้ำก็แค่หายใจแล้วก็ดำลงไปใหม่ ถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะได้เห็นแค่ปลายจมูก เป็นสิ่งมีชีวิตที่โคตรจะไม่เป็นมิตรแก่สิ่งมีชีวิตรอบตัวเพราะหวงถิ่นมาก คนตายเพราะฮิปโปต่อปีมีจำนวนมากกว่าโดนฉลามกัดอีกนะจ๊ะ
หลังจากที่ทุกคนชักภาพจระเข้เรียบร้อยแล้ว แม็กซ์ก็สตาร์ทเครื่องและถอยหลังเพื่อจะพาพวกเราไปยังจุดหมายต่อไป....
บรืนนนนนนนนนนนนนนน รอบแรก รถขยับถอยหลังไปนิดนึงแล้วนิ่งสนิท
บรื๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนน รอบสอง รู้สึกได้ว่าท้ายรถมันจมลงไปในเลน...
เอาละไง งานงอก
รถติดหล่มเว้ยเฮ้ย
แล้วมาติดเชี่ยอะไรตรงนี้ ตรงที่ข้างหน้าเป็นจระเข้ ซ้ายเป็นจระเข้ ขวาก็เป็นจระเข้!
ทุกคนเริ่มมองหน้ากันเลิกลักว่าเอาไงกันดีวะ ลงไปเข็นก็ไม่ได้เพราะผิดกฎ หรือถึงไม่ผิดก็กลัวตาย โอ้โห... จระเข้รอบตัวไม่กลัวยังไงไหว แม็กซ์เลยปิดกระจกรถและเหยียบถอยหลังแบบสุดชีวิต พยายามหักพวงมาลัยสุดจนรถค่อยๆขยับหลุดออกมาจากวงโคลนเลนตรงนั้นได้ รอดไป เฮ!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in