เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
from the desert, with loveployapha.j
อเมริกาใต้ครั้งแรก 2 | 24 ชั่วโมงในบัวโนสไอเรส
  • 24 July 2017







    ความเดิมตอนที่แล้ว






    หลังจากที่ไปรับพลังงานดีๆจากการไป Hang Gliding และพูดคุยกับกุย เราทำไฟล์ทจากริโอมาบัวโนสไอเรสด้วยความชื่นบานเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงใจ ยิ้มแย้มแบบยิ้มจริงๆออกมาจากสุดขั้วของหัวใจ(คือบางทีมันก็มีเฟคๆบ้าง ต้องยิ้มเพราะอาชีพหน้าที่การงานแต่ในใจคืออยากเอาถาดฟาดๆๆๆๆๆๆๆให้แดดิ้น) ผู้โดยสารขออะไรให้หมด ไม่อยากกินเนื้อจะเอาไก่ โอเค จัดให้! อยากได้อะไรเดี๋ยวกลับไปหยิบให้ในแกลลี่ รอแปบนึงเด้อ! รื่นเริงเฮฮา having a fiesta time มากๆจ้า







    แอบหยิบมือถือมาถ่ายหนึ่งแชะก่อนจะวิ่งไปนั่งที่จั๊มพ์ซีท






    หัวหมุนกันอยู่ 3 ชั่วโมงบนเครื่องแบบไม่ได้หยุดพัก ไม่ได้กินข้าวกินน้ำ เหนื่อยมากกกกกกก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน เอาจริงๆเราชอบไฟล์ทสั้นๆที่ยุ่งๆนะ เวลามันจะผ่านไปเร็วมาก ทำเซอร์วิสเสร็จปุ๊บก็แลนด์เลย เย้เฮ





    เออ ไฟล์ทนี้เป็นอีกไฟล์ทนึงที่เราประทับใจเพราะเป็นไฟล์ทแรกที่ผู้โดยสารปรบมือทั้งลำตอนแลนด์ดิ้งเรียบร้อยแล้ว เคบินท้ายสุดมีเฮและเป่าปากวี้ดวิ้วด้วย ตลกมาก ทุกคนดูดีใจที่ในที่สุดก็มาถึงบ้านแล้ว เราเองก็รู้สึกดีและภูมิใจนะที่ได้ส่งผู้โดยสารทุกคนกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย :)







    เรามาถึงโรงแรมประมาณสามทุ่มครึ่ง รีบเปลี่ยนชุดแล้วลงมาเจอลูกเรือที่ล็อบบี้และออกไปกินข้าวกันเช่นเคย สำหรับดินเนอร์มื้อนี้เราไปกันที่ร้าน El Establo ที่เพอเซอร์บอกว่าอาหารดีมาก เนื้อดีมาก เป็นร้านโลคอลที่เราจะได้ลิ้มลองอาเจนติเนียนสเต็กที่แท้จริงงงงงง





    โลคอลมากๆ มีแต่คนพื้นที่ ไม่มีนักท่องเที่ยวใดๆ
    ถือเป็น Hiden Gem ที่แท้จริง
















    เรายืนตัวสั่นรอโต๊ะอยู่ประมาณสิบห้านาที เพราะมากันเป็นหมู่คณะและไม่ได้จองไว้
    อากาศก็เย๊นเย็นลมพัดตึ่งตึ่งตึ่งเพราะช่วงนี้เป็นหน้าหนาวของประเทศซีกโลกใต้
     
    ทั้งหนาวและหิวมากจนเกือบจะข้ามฝั่งไปซื้อไก่ KFC แล้วเด้อ















    รอบนี้กัปตันและผู้ช่วยนักบินก็มาแจมด้วย เฮ










    และแล้วก็เข้าสู่ช่วงอวดอาหารการกิน


    ทุกคนสั่งเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย
    คือสเต็ก ผักขมอบครีม มันหวานทอด ฟักทองบด และไวน์แดง






    แม่เอ๊ยยยยยยยยย
    นี่คือ Bife de lomo

    เนื้อดีมากกกก ดีจนไม่รู้จะอธิบายยังไง
    เราสั่งแบบ 1/2 มา กะให้อิ่มแบบพอดีๆ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะสั่งแบบเต็มชิ้น
    อร่อยมากกกกกกกกกกกกกก













    หน้าตาของผักขมอบครีม มีความชีส ความเยิ้มซ่อนอยู่














    พยายามงดของทอด แต่มันเป็นมันหวานไม่ใช่มันฝรั่งธรรมดาแบบเฟรนช์ฟรายอะ
    คงไม่เป็นไรหรอกมั๊ง ._______.













    นี่คือไวน์แดง Malbec เป็นหนึ่งในโพยของที่ต้องลองกินในอาร์เจนตินา
    ซึ่งก็ได้ลองแล้วแต่เราผู้ไม่สันทัดเรื่อง Wine tasting ก็ไม่สามารถบอกว่ามันดีหรือไม่อย่างไร


    กินเสร็จก็กลิ้งฝ่าความหนาวกลับไปนอนซุกผ้าห่มอุ่นๆในโรงแรม
    พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปตะลุยบัวโนสไอเรส ฮูเร่!


















  • 25 July 2017





    Palermo - ย่านไนท์ไลฟ์ในยามเช้า



    เช้านี้เราฝืนฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากเตียง เกือบๆจะถอดใจไม่ออกไปไหนแล้วเพราะแอบเหนื่อยๆนิดนึง แต่ในที่สุดก็เอาวะ ลุก! เราไม่ได้ตื่นมาในบัวโนสไอเรสทุกวันนี่หว่า ไป ออกไปเที่ยว!




    เราและผองเพื่อนลูกเรือจากไอร์แลนด์ โครเอเชีย และอียิปต์ที่ฟื้นมาเจอกันที่ล็อบบี้ รวมตัวเป็นดรีมทีมนั่งอูเบอร์ไปหาข้าวเช้ากินที่ Palermo ย่านชิคๆคูลๆฮิปๆของเมือง เป็นแหล่งที่วัยรุ่นจะมาสังสรรค์แฮงเอาท์กัน ตอนกลางคืนคึกคักมาก(ดูจากภาพในกูเกิล)เพราะมีผับ บาร์ และร้านอาหารดีๆมากมาย ตอนแรกกะว่าจะไปลุยตั้งแต่เมื่อคืนแต่ร่างแหลกมากไม่ไหวเลยมาตอนเช้าแทน กะว่ามาหาร้านคาเฟ่น่ารักๆนั่งจิบกาแฟร้อนๆ













    แต่เรามาเช้าเกินไปเพราะร้านรวงต่างๆจะเริ่มเปิดกันตอนสิบโมง ก็เดินเล่นไปรอบๆหาคาเฟ่ที่เปิดแต่เช้าไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปก๊อกแก๊กไปเรื่อยเปื่อย






    พื้นที่ตรงนี้มีหลายตรอกซอกซอยให้เดิน
    มีร้านหนังสือ ร้านขายของทำมือ ร้านเสื้อผ้าวินเทจเยอะมาก














    มีร้านอาหาร ผับ บาร์เรียงราย
    ตอนกลางคืนต้องคึกคักมากแน่ๆ











    ร้านนี้น่ารักมาก เป็นร้านขายดอกไม้และอุปกรณ์ทำสวน
    อีกมุมนึงมีขายโฮมเมดเบเกอร์รี่เล็กๆด้วย











    เป็นย่านที่สีสันจัดจ้านมาก ชอบ
















    อยากเข้าคาเฟ่นี้มาก ชมพู๊ชมพูกุ๊กกิ๊ก
    แต่เพื่อนชาวอียิปต์ที่เป็นชายหนุ่มเพียงหนึ่งเซย์โน บอกว่าฟริ้งไป เกิร์ลลี่เกิ๊นนนน





















    สุดท้ายเราก็เลี้ยงเข้าไปในร้านคาเฟ่ร้านนึงที่บรรยากาศน่ารักเป็นกันเองและคนในร้านพูดภาษาอังกฤษได้ เราสั่ง Medialuna with ham and cheese และช็อกโกแลตร้อนมาดื่มแก้หนาว































    มาจะกล่าวบทไปถึง Medialuna บ้าง ในฐานะที่เป็นคนชอบกินขนมปังม๊ากมากจนคิดว่าชาติที่แล้วอาจเกิดเป็นปลาสวาย การได้มาลองชิมขนมปังนี้ถือเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการมาเยือนอาร์เจนติน่า






    มาแบบไส้แฮมชีส จริงๆอยากลองกินแบบเปล่าๆหรือไส้ช็อคโกแลตแต่กลัวจะไม่อิ่ม






    ก้อนขนมปังนี้ที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับครัวซองของฝรั่งเศสเป็นขนมปังเบสิกประจำอาร์เจนติน่าแหละ คำว่า Medialuna ในภาษาสแปนิชแปลว่า พระจันทร์ครึ่งดวง (half-moon) แต่เราว่ายังไงหน้าตามันเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยวมากกว่าแหะ

    ตัวเนื้อแป้งหนักกว่าครัวซอง นุ่มกว่า ละมุนกว่า และมี 2 แบบคือ Medialuna de manteca จะมีความหวานและเนื้อนวลกว่า ใส่เนยเยอะกว่า เหมาะทานเปล่าๆกับชาหรือกาแฟยามเช้า(อันนี้เราลองกินบนเครื่องขากลับมาริโอ ปาดนูเทลล่าเข้าไปแล้วฟินมาก โอ้!) และ Medialuna de grasa ที่จะเค็มๆกว่าหน่อย เนื้อแป้งเบากว่านิดนึงแต่ไม่ถึงกับครัวซอง เหมาะกับเอามาทานกับชีสและแฮมแบบที่เราสั่งมานั่นแล






    ช็อคโกแลตร้อนก็ดี๊ดี เป็นมื้อแรกของวันที่งดงาม









    เรานั่งคุยกับเพื่อนลูกเรือไปเรื่อยๆ คุยกันตั้งแต่เรื่องท่องเที่ยว (หนุ่มอียิปต์โชว์คลิปที่ไปโดดบันจี้จัมพ์ที่น้ำตกวิกเตอเรีย ซิมบับเวให้ดู เรานี่สายตาเป็นประกาย อยากไปบ้าง) คุยกันเรื่องอาหารของชาติตัวเอง ท่องเที่ยวในไทย ไปๆมาๆก็เริ่มคุยเรื่องหัวข้อการเมือง Brexit ก้าวต่อไปของไอร์แลนด์และสก็อตแลนด์ ภาวะการจ้างงานในยุโรปตะวันออก จลาจลในอียิปต์ และไทยแลนด์ 4.0 วกกลับไปบ่นเรื่องการทำงาน ไฟล์ทบิน เรียกได้ว่า deep conversation กันตั้งแต่เช้าเลยทีเดียว นานแล้วที่ไม่ได้คุยกับลูกเรือแบบจริงจังขนาดนี้ ฮาาาา














  • La Boca - เพลินวานแห่งบัวโนสไอเรส




    จาก Palermo เราโบกแท็กซี่นั่งข้ามเมืองไปที่ย่าน La Boca ที่เป็นชุมชนเมืองเก่าที่ยังคงความเป็นละตินอเมริกันไว้เหมือนเดิม จากที่ไปกูเกิลมาก็ว่าน่าสนใจดี มีบ้านสีสันสดใสให้ถ่ายรูปด้วย มีร้านอาหารอาร์เจนติเนียนแท้ มีการแสดงเต้นแทงโก้ เออ... คนอื่นว่าดีเราก็ว่าดี









    น้องหมาาาาาาาาาา เต็มไปหมดเลย กรี๊ดกันอยู่ในรถ












    ถึงแล้วจ้า มีแต่นักท่องเที่ยวเต็มไปหมดเลยแหละ ทุกคนมาถ่ายรูปกับบ้านสีๆ














    Havanna เป็นแบรนด์ร้านกาแฟของที่นี่ล่ะ มีหลายสาขาอยู่ทั่วเมือง
    เปรียบเหมือน Starbucks แห่งอาร์เจนติน่า














    ร้านอาหารมากมายให้เลือกหลากหลาย













    ร้านขายของฝากเยอะแยะ แนะนำว่าให้เดินเข้าไปตามตรอกซอกซอย
    จะเจอของชิ้นเดียวกันแต่ราคาถูกกว่าเกือบครึ่งจากร้านติดถนนใหญ่































    คุณลุงเล่นเพลงเพราะมาก แต่หน้านิ่งมากๆ















    มาเดินช็อตนี้แล้วรู้สึกว่านี่คือเพลินวานแห่งบัวโนสไอเรสที่แท้จริง
    คือมันมีความประดิษฐ์ มีความทำให้เก่าแต่จริงๆก็ไม่เก่าอะ

















    ชอบร้านขายของที่ระลึกมากนะ มีหลายร้านที่เป็นของทำมือสีสันสดใส




























    เราชักเอียนๆกับบรรยากาศและฝูงชนขวักไขว่เลยเดินเลี่ยงจากถนนใหญ่มาตรงลานกราฟฟิตี้และสนามฟุตบอลที่มีห่วงให้เล่นบาส พอเลยจุดถ่ายรูปและตึกสีๆก็เป็นโซนมนุษย์ปกติที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ มีคนมาก่อไฟตั้งเตาปิ้งบาบีคิวแก้หนาว เออ ค่อยเห็นบัวโนสไอเรสแบบวิถีชีวิตคนปกติหน่อย
































    สิ่งที่เราสังเกตเห็นบ่อยๆตั้งแตเช้าคือเด็กผู้ชายทั้งเด็กเล็กๆไปจนถึงวัยรุ่นกับฟุตบอล ทุกคนจะถือลูกบอล ถ้ามองเข้าไปในสวนจะเห็นยืนเดาะบอลกันอยู่ ตอนเราเดินมาตรงสนามฟุตบอลก็เจอ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีผู้เล่นระดับโลก























































    เราเดินย้อนกลับไปตรงถนนใหญ่เพื่อเรียกแท็กซี่กลับโรงแรมเพราะทุกคนเกิดอาการ jet lag โจมตี ไม่ไหวแล้วต้องการนอนพัก ระหว่างทางเดินก็เจอคุณลุงขายโดนัทและชูโรส เห็นว่าน่ากินดีเลยสอยมาหนึ่งชิ้น อันละสิบเหรียญ





    ข้างในมีไส้คาราเมลหอมๆด้วย เรียกว่า Dulce de Leche อร่อยม๊าก!










    และไหนๆก็พูดถึงสิ่งนี้แล้ว นี่คือหน้าตาที่แท้จริงของ Dulce de Leche จ้ะ ไปซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ มันเป็นคาราเมลครีมที่ใส่นม หวานๆ เหนียวๆ อร่อยดีแต่มันหวานเกินไปสำหรับเราอะ















    ซื้อเอากลับมาลองที่บ้านดูไบ ถ้าทากับขนมปังปิ้งร้อนๆน่าจะฟินมาก









    อะเล่าต่อ...


    พวกเรานั่งแท็กซี่กลับมาที่โรงแรมและแยกย้ายกันไปพักผ่อน ตอนแรกเรากะว่าจะสั่ง Room Service มากินแล้วก็นอน แต่ก็รู้สึกว่าไหนๆก็มาแล้วอะ เราอยากเห็นบัวโนสไอเรสให้มากกว่านี้เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้มาที่นี่อีกเลยตัดสินใจออกไปเดินเล่นในเมืองต่ออีกนิดนึง ปลอบใจตัวเองว่าไฟล์ทกลับไปริโอแค่สามชั่วโมงเอง ถึงที่นู่นแล้วค่อยนอนตายกลายเป็นผักก็ได้ ไหนๆก็มาแล้วก็ออกไปให้สุดดดดดด
















  • El Ateneo Grand Splendid - ร้านหนังสือที่ไม่ธรรมดา




    เราเดินฝ่าความหนาวออกมาใหม่ กดดูแผนที่ใน google map แล้วเดินมาเรื่อยๆประมาณครึ่งชั่วโมงจนมาถึง Santa Fe Avenue เพื่อมาที่ร้านหนังสือแห่งนี้ที่ปีใหม่ย้ำว่าต้องมาให้ได้นะเพราะว่ามัน Splendid สมชื่อจริงๆ








    ด้านในสุดเป็นร้านอาหารเล็กๆ







    El Ateneo Grand Splendid เป็นอาคารเก่าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงละครมาก่อน ปัจจุบันได้กลายมาเป็นร้านหนังสือที่สำนักพิมพ์ The Guardian ของอังกฤษยกให้ที่นี่ได้ลำดับที่สองของลิสต์ร้านหนังสือที่สวยที่สุดและดีที่สุดในโลกประจำปี 2008 (ไปอ่านตรงป้ายทางเข้ามา)






    ไปชมภาพเต็มๆกันค่ะ






    ตึ่งงงงงง!!










    ที่นี่คือสวรรค์ของคนรักการอ่านและรักละครเวทีที่แท้จริง ข้างในสวยมาก อลังการมาก และหนังสือเยอะมากๆ น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่เป็นหนังสือภาษาสเปนไม่งั้นอาจจะมีหอบซักเล่มข้ามน้ำข้ามทะเลเอามาอ่านที่บ้าน























    ชอบที่สุดคือมุมอ่านหนังสือใน seat box แบบนี้ ได้บรรยากาศโรงละครมากๆ









    ระหว่างทางเดินกลับเราก็ได้มีโอกาสเดินเล่นชมเมืองและอาคารสไตล์บรูทัลลิสต์ไปด้วย ที่ประทับใจที่สุดก็คือสีสันของรถเมล์ทีนี่แหละ น่ารักมาก ไม่เหมือนของไทยที่เปลี่ยนสายใหม่ ทำสีใหม่ที่เห็นแล้วปวดใจมากๆในความผักชีโรยหน้าและงานหยาบ












































    แวะซื้อกาแฟและแซนวิชไปนั่งเล่นในสวน มองฟ้าครึ้มๆ





















    เราหลงรักอเมริกาใต้เข้าแล้วล่ะ จากภาพในหัวที่คิดว่าที่นี่มันต้องอันตรายมากแน่ๆ ไปไหนต้องระวังตัว แต่ความจริงแล้วผู้คนเป็นมิตรพร้อมจะช่วยเหลือมากๆ และแม้ว่าเราจะไม่รู้ภาษา พูดไม่ได้ ต้องใช้ภาษามือช่วยตลอด แต่เราก็อยากมาที่นี่อีก อยากมาเห็นและสัมผัสทวีปนี้ให้มากขึ้น



    ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะมาเดินอยู่ริมถนน จิบกาแฟนั่งมองคนวิ่งเล่นกันในบัวโนสไอเรส เราว่าถ้าไม่ได้ทำอาชีพนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตนี้เราจะได้มาเหยียบที่นี่เมื่อไร เราว่านะ...ทุกงานมันก็มีจุดที่ท้อ จุดที่เหนื่อยหน่าย เบื่อทุกสิ่งอย่างเหมือนกันหมด เพียงแต่อาชีพนี้มันมีเรื่องให้เบื่อให้เหนื่อยได้ไม่นานเพราะจบไฟล์ทก็จบกัน เริ่มต้นกันใหม่ในไฟล์ทต่อๆไป


    ตัวเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเราไม่ได้บินแล้วเราจะไปทำอะไรต่อไปให้ได้เท่าที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน คือไม่ใช่ในแง่ของเงินเดือนที่ได้มานะ แต่เป็นเรื่องของประสบการณ์ชีวิตซึ่งมันมีค่ามากไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ค่อยน่ารัก เพราะไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็เป็นสิ่งที่สอนและหล่อหลอมให้เราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ การทำงานนี้และการอยู่ที่ดูไบมันต้องแลกกับอะไรหลายๆอย่างซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแบบไหนมันจะคุ้มค่ากว่า เรารู้แค่ว่าตอนนี้เรารู้สึกแฮปปี้ดีกับการที่เอาแรงกายแลกตั๋วเครื่องบินต่อไป



    ก็ต้องสู้กันไปนั่นแหละนะ




    ด้วยรัก... จากบัวโนสไอเรส












Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in