ตั้งแต่เราเริ่มบิดไฟล์ทได้หลังพ้นโปร ก็มีความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะบิดเพื่อให้ได้ไปทำไฟล์ทนี้ บิดไปเล้ยเดือนแรกแต่แผนล่มเพราะเราโดนถอดออกจากไฟล์ท ช้ำหัวจิตหัวใจมาก หลังจากนั้นก็ไม่ได้บิดอีกเพราะมัวแต่บิดกรุงเทพบ้าง เยอรมันบ้าง ที่ไปๆมาทั้งหลายทั้งแหล่นั่นแหละ ก็ลืมเลือนมอริเชียสไปบ้าง ในที่สุดเมื่อเดือนที่แล้วก็ตัดสินใจเอาวะ ลองบิดไปอีกรอบก็แล้วกันเลยได้มาสองไฟล์ท แต่ก็เอาไฟล์ทนึงไปแลกกับ destination อื่นเพื่อความหลากหลายไม่ซ้ำซากจำเจ
เราบิน A380 2 Class อีกแล้วครับท่าน ในที่สุดก็ได้ทำงานที่ Upper Deck เสียทีหลังจากชวดไปหลายรอบเหลือเกิน บรรยากาศการทำงานก็สบายๆ ได้ทำกับอีก 3 สาว คือ ซานต้า ทามาร่า และ ซาแนป นั่งคุยนั่งเล่น เพอร์เซอร์ก็ใจดีแวะมาคุยด้วย มีเพื่อนร่วมงาน Bussiness Class เอาขนมมาแจม เออ ไฟล์ทนี้คนน่ารักดี แฮปปี้ล่ะ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็ชิวๆน่ารัก อารมณ์พักผ่อนเป็นครอบครัวหรือมาฮันนีมูน :D
เราไปถึงโรงแรมประมาณหกโมงเย็น อากาศที่เกาะเย็นมากเพราะเป็นขั้วโลกใต้ ลืมไปว่าฤดูเขาจะสลับกับพวกเราชาวเหนือเส้นศูนย์สูตร เชี่ยล่ะ...เสื้อผ้าที่เอามาคือกางเกงขาสั้นและเสื้อปาดไหล่ กะว่าวู้วฮู้ว เนเวอร์เอนดิ้งซัมเมอร์ไทม์สุดชีวิต ก็ได้แต่ตัวสั่นลากกระเป๋าไปที่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากโซนด้านหน้าเหลือเกิน เปลี่ยนชุดแล้วออกมากินข้าวสังสรรค์กับลูกเรือคนอื่นๆ
ด้วยความที่ไฟล์ทนี้ลูกเรือดีและน่ารัก บวกกับเราทั้ง 23 คน (รวบกัปตันและผู้ช่วย) ติดอยู่บนเกาะ ไปไหนไม่ได้ ทะเลล้อมหน้าหลังเลยมากินข้าวเย็นโดยพร้อมเพรียงกัน เริ่มต้นที่จิบเครื่องดื่มที่บาร์ (เบียร์ดีมาก!) และไปต่อที่บุฟเฟ่อาหารเย็นที่อลังการงานสร้างเหลือเกิน กินไม่หยุดยั้ง โนสนโนแคร์ที่แท้จริงว่าพรุ่งนี้ต้องใส่บิกินี่อวดหุ่นนะโว้ย กินเสร็จอิ่มหมีพีมันฟาดมูสช็อคโกลแลตไปสามก้อนก็กลับมาที่บาร์ ฟังเพลงแจ๊สคลอเสียงคลื่นและลมหนาวไปเรื่อยๆ ดี๊ดี กัปตันก็ใจดีเลี้ยงดริงค์เราทุกคนเลยยย เย้เย้เย้ (จริงๆคือน่าจะหน้าใหญ่ใจกว้างเปย์โชว์สาวบราซิลเลี่ยนนมตู้มสองคนที่นั่งประกบซ้ายขวานั่นแหละ พวกที่เหลือเลยได้อานิสงค์ผลบุญไปด้วย ไชโย!)
เที่ยงคืนนิดๆเราก็กรึ่มๆเดินกลับห้อง นอนหลับสนิทมาก และฝันว่าตัวเองเมาจนตื่นตอนบ่ายสาม ไม่ได้เล่นน้ำทะเล ต้องรีบเตรียมตัวกลับ กรีดร้องหนักมาก ไม่ได้โว้ย ต้องได้เอาตัวจุ่มมหาสมุทรอินเดีย! เลยสะดุ้งตื่นเองก่อนนาฬิกาปลุก ดูเวลาก็โล่งใจ หกโมงนิดๆเอง เลยห่อตัวในผ้าเช็ดตัวสามชั้นไปนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ริมระเบียง
เป็นบรรยากาศยามเช้าที่เงียบสงบมาก สุขใจมากเหลือเกิน
นั่งฟังเสียงคลื่น รับลมทะเล อยากตื่นมาเจอแบบนี้ทุกเช้าเลย :)
ฟ้าเริ่มสว่างเราก็ออกมาเดินเล่นนิดหน่อยก่อนไปกินข้าวเช้า ห่อตัวเองในผ้าเช็ดตัวนั่นแหละ หนาวโว้ย
ใจกล้าเอาเท้าจุ่มน้ำด้วย เย็นมากกก น้ำใสมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มื้อเช้าของโรงแรมก็เป็นบุฟเฟ่อีกตามเคย เราผู้ให้ความสำคัญกับอาหารเช้ามีหรือจะยอมพลาด ฮี่ฮี่ ฟาดไปครับ จัดเต็มไป ไม่สนว่าใครจะกินแค่ผักผลไม้โยเกิร์ตรักษาหุ่น ไม่เว้ย ทุกอย่างอร่อยและดีงาม กินมันเข้าไปปปปปปปปป
กินข้าวเช้าไปพร้อมกับวิวสวยๆแบบนี้ โอ้ย ดีไปอี๊กกกกกกกกกกกกกก
โรงแรมอยู่ใกล้สนามบิน เลยมีเครื่องบินบินผ่านหัวไปบ่อยมาก พวกเราก็โบกมือบ๊ายบาย
ทามาร่าบอกว่า Somebody is working up there, so pity
(พร้อมทำหน้าตาเย้ยหยันแบบไม่ดูชะตากรรมตัวเองคืนนี้เลย)
กินข้าวเช้าเสร็จ เรา ซานต้า ทามาร่า และซาแนปก็หอบของจะไปอาบแดดพักผ่อนตามอัธยาศัย เราตั้งใจว่าจะไปจองทริปดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นแต่ก็เจอ คุณลุงซูลู (ไม่ใช่ในสตาร์เทรคนะ) เข้ามาทักทายและเสนอขายทริปล่องเรือ เราก็ลังเลจะไปดีไม่ไปดี อยากดูปะการังอะ แต่ซาแนปอยากไปมากเพราะนางอยากไป เกาะปลาดาว เลยเอาวะ ไปก็ไปโว้ย โดดขึ้นเรือตามไปแต่โดยดี
นี่คือแมทธิว เป็นคนขับเรือพาเราไปจ้ะ
ทะเลแสนไกลไม่มีสิ้นสุด สีครามหมายความเหมือนใจมนุษย์มาก
นี่แหละทะเลที่แท้จริง ไม่เหมือนดูไบที่ปลอมและเปลือกมาก ทะเลมนุษย์สร้าง ยี๊!
นี่คือการใช้กล้องไอโฟนซูมมมมมมมันเข้าไปค่ะ แมทธิวบอกว่าจุดนี้คือเรือสำเภาเก่าที่อับปาง ถัดจากจุดนี้ไปจะเห็นคลื่นใหญ่มาก แต่พ้นจากจุดที่เรือล่มเข้ามาจนถึงเกาะจะไม่มีคลื่นลูกใหญ่อีกเลย เหมือนเป็นแนวปะการังที่กันคลื่นไว้ เอาจริงๆก็แอบกลัวขนาดคลื่นยักษ์เหมือนกันนะ
มองลงมาจากเรือจะเป็นโขดหินสลับกับปะการังน้ำตื้นตลอดเลยจ้ะ พ้นช่วงนี้ไปคือทะเลลึกคลื่นแรง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in