เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
from the desert, with loveployapha.j
ดาวและกุญแจของมหาสมุทรอินเดีย
  • 02 SEP 2016




    หัวข้อ Turn of the write เกี่ยวกับ Dream Destination มาได้เหมาะสมแก่เวลามากถึงมากที่สุด เพราะเราเพิ่งจะกลับมาจากเกาะสวาท หาดสวรรค์ สถานที่ในความฝันที่อยากไปตั้งแต่ถือกระเป๋าหอบฉลอมมาที่เมืองทะเลทราย


    ย้อนกลับไปสมัยที่ยังเป็นดรุณีแรกแย้มไม่ประสีประสากับมหากาพย์ความดราม่าใดๆบนเครื่องบิน โลกยังคงสวยในอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ที่งดงาม วันนั้นเป็นวันที่เริ่มการเทรนนิ่งในวันแรก เกี่ยวกับ Customer Service ซักอย่างนั่นแหละ จำได้ว่าเราไปถึงห้องตั้งแต่เช้าแล้วที่ผนังห้องมีรูปแปะกำแพงไว้ว่าสายการบินเราเปิดรูทบินไปที่นั่นที่นู่นที่นี่และที่โน่นเมื่อปีไหน ก็ตื่นเต้นไง อุ๊ย! กรุงเทพ นี่ก็ภูเก็ต เลยคุยกับเพื่อนว่า





    What's your dream destination?





    แหงล่ะ มาเป็นแอร์นี่หว่า มันก็ต้องได้เที่ยวสิ (ไม่น่าคิดแบบนั้นเลยให้ตายเถอะ) เพราะฉะนั้นยูอยากไปที่ไหนบอกมานะ ก็มีคนตอบว่าอยากไปเวนิส อยากไปเคปทาวน์ อยากไปนั่นนู่นนี่ คุยกันสนุกสนาน และก็ย้อนกลับมาถามเราว่า เฮ้ย ที่แปะๆไว้ในผนังนี่ ยูอยากไปที่ไหนมากที่สุด?



    เรากวาดตาแบบคราวๆไปทั่วผนัง แล้วก็ชี้ไปที่รูปทะเลรูปหนึ่ง อยากไปที่นี่แหละ มากที่สุดแล้วถ้าถามเรา ณ ตอนนี้ เพื่อนก็งง ที่นั่นคือที่ไหนบนโลก อ่านว่าอะไรอะ อุสๆอะไรง่ะ




    โอ้ยยยยยย! ที่นี่มันเป็นเกาะข้างๆมาดากัสการ์ไง ชื่อว่า

    มอริเชียส
    (Mauritius)










  • ตั้งแต่เราเริ่มบิดไฟล์ทได้หลังพ้นโปร ก็มีความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะบิดเพื่อให้ได้ไปทำไฟล์ทนี้ บิดไปเล้ยเดือนแรกแต่แผนล่มเพราะเราโดนถอดออกจากไฟล์ท ช้ำหัวจิตหัวใจมาก หลังจากนั้นก็ไม่ได้บิดอีกเพราะมัวแต่บิดกรุงเทพบ้าง เยอรมันบ้าง ที่ไปๆมาทั้งหลายทั้งแหล่นั่นแหละ ก็ลืมเลือนมอริเชียสไปบ้าง ในที่สุดเมื่อเดือนที่แล้วก็ตัดสินใจเอาวะ ลองบิดไปอีกรอบก็แล้วกันเลยได้มาสองไฟล์ท แต่ก็เอาไฟล์ทนึงไปแลกกับ destination อื่นเพื่อความหลากหลายไม่ซ้ำซากจำเจ






    เราบิน A380 2 Class อีกแล้วครับท่าน ในที่สุดก็ได้ทำงานที่ Upper Deck เสียทีหลังจากชวดไปหลายรอบเหลือเกิน บรรยากาศการทำงานก็สบายๆ ได้ทำกับอีก 3 สาว คือ ซานต้า ทามาร่า และ ซาแนป นั่งคุยนั่งเล่น เพอร์เซอร์ก็ใจดีแวะมาคุยด้วย มีเพื่อนร่วมงาน Bussiness Class เอาขนมมาแจม เออ ไฟล์ทนี้คนน่ารักดี แฮปปี้ล่ะ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็ชิวๆน่ารัก อารมณ์พักผ่อนเป็นครอบครัวหรือมาฮันนีมูน :D



    เราไปถึงโรงแรมประมาณหกโมงเย็น อากาศที่เกาะเย็นมากเพราะเป็นขั้วโลกใต้ ลืมไปว่าฤดูเขาจะสลับกับพวกเราชาวเหนือเส้นศูนย์สูตร เชี่ยล่ะ...เสื้อผ้าที่เอามาคือกางเกงขาสั้นและเสื้อปาดไหล่ กะว่าวู้วฮู้ว เนเวอร์เอนดิ้งซัมเมอร์ไทม์สุดชีวิต ก็ได้แต่ตัวสั่นลากกระเป๋าไปที่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากโซนด้านหน้าเหลือเกิน เปลี่ยนชุดแล้วออกมากินข้าวสังสรรค์กับลูกเรือคนอื่นๆ



    ด้วยความที่ไฟล์ทนี้ลูกเรือดีและน่ารัก บวกกับเราทั้ง 23 คน (รวบกัปตันและผู้ช่วย) ติดอยู่บนเกาะ ไปไหนไม่ได้ ทะเลล้อมหน้าหลังเลยมากินข้าวเย็นโดยพร้อมเพรียงกัน เริ่มต้นที่จิบเครื่องดื่มที่บาร์ (เบียร์ดีมาก!) และไปต่อที่บุฟเฟ่อาหารเย็นที่อลังการงานสร้างเหลือเกิน กินไม่หยุดยั้ง โนสนโนแคร์ที่แท้จริงว่าพรุ่งนี้ต้องใส่บิกินี่อวดหุ่นนะโว้ย กินเสร็จอิ่มหมีพีมันฟาดมูสช็อคโกลแลตไปสามก้อนก็กลับมาที่บาร์ ฟังเพลงแจ๊สคลอเสียงคลื่นและลมหนาวไปเรื่อยๆ ดี๊ดี กัปตันก็ใจดีเลี้ยงดริงค์เราทุกคนเลยยย เย้เย้เย้ (จริงๆคือน่าจะหน้าใหญ่ใจกว้างเปย์โชว์สาวบราซิลเลี่ยนนมตู้มสองคนที่นั่งประกบซ้ายขวานั่นแหละ พวกที่เหลือเลยได้อานิสงค์ผลบุญไปด้วย ไชโย!)






    เที่ยงคืนนิดๆเราก็กรึ่มๆเดินกลับห้อง นอนหลับสนิทมาก และฝันว่าตัวเองเมาจนตื่นตอนบ่ายสาม ไม่ได้เล่นน้ำทะเล ต้องรีบเตรียมตัวกลับ กรีดร้องหนักมาก ไม่ได้โว้ย ต้องได้เอาตัวจุ่มมหาสมุทรอินเดีย! เลยสะดุ้งตื่นเองก่อนนาฬิกาปลุก ดูเวลาก็โล่งใจ หกโมงนิดๆเอง เลยห่อตัวในผ้าเช็ดตัวสามชั้นไปนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ริมระเบียง





    เป็นบรรยากาศยามเช้าที่เงียบสงบมาก สุขใจมากเหลือเกิน
    นั่งฟังเสียงคลื่น รับลมทะเล อยากตื่นมาเจอแบบนี้ทุกเช้าเลย :)



















    ฟ้าเริ่มสว่างเราก็ออกมาเดินเล่นนิดหน่อยก่อนไปกินข้าวเช้า ห่อตัวเองในผ้าเช็ดตัวนั่นแหละ หนาวโว้ย









    ใจกล้าเอาเท้าจุ่มน้ำด้วย เย็นมากกก น้ำใสมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก








    มื้อเช้าของโรงแรมก็เป็นบุฟเฟ่อีกตามเคย เราผู้ให้ความสำคัญกับอาหารเช้ามีหรือจะยอมพลาด ฮี่ฮี่ ฟาดไปครับ จัดเต็มไป ไม่สนว่าใครจะกินแค่ผักผลไม้โยเกิร์ตรักษาหุ่น ไม่เว้ย ทุกอย่างอร่อยและดีงาม กินมันเข้าไปปปปปปปปป



    กินข้าวเช้าไปพร้อมกับวิวสวยๆแบบนี้ โอ้ย ดีไปอี๊กกกกกกกกกกกกกก













    โรงแรมอยู่ใกล้สนามบิน เลยมีเครื่องบินบินผ่านหัวไปบ่อยมาก พวกเราก็โบกมือบ๊ายบาย
    ทามาร่าบอกว่า Somebody is working up there, so pity
    (พร้อมทำหน้าตาเย้ยหยันแบบไม่ดูชะตากรรมตัวเองคืนนี้เลย)







    กินข้าวเช้าเสร็จ เรา ซานต้า ทามาร่า และซาแนปก็หอบของจะไปอาบแดดพักผ่อนตามอัธยาศัย เราตั้งใจว่าจะไปจองทริปดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นแต่ก็เจอ คุณลุงซูลู (ไม่ใช่ในสตาร์เทรคนะ) เข้ามาทักทายและเสนอขายทริปล่องเรือ เราก็ลังเลจะไปดีไม่ไปดี อยากดูปะการังอะ แต่ซาแนปอยากไปมากเพราะนางอยากไป เกาะปลาดาว เลยเอาวะ ไปก็ไปโว้ย โดดขึ้นเรือตามไปแต่โดยดี





    นี่คือแมทธิว เป็นคนขับเรือพาเราไปจ้ะ









    ทะเลแสนไกลไม่มีสิ้นสุด สีครามหมายความเหมือนใจมนุษย์มาก
    นี่แหละทะเลที่แท้จริง ไม่เหมือนดูไบที่ปลอมและเปลือกมาก ทะเลมนุษย์สร้าง ยี๊!











    นี่คือการใช้กล้องไอโฟนซูมมมมมมมันเข้าไปค่ะ แมทธิวบอกว่าจุดนี้คือเรือสำเภาเก่าที่อับปาง ถัดจากจุดนี้ไปจะเห็นคลื่นใหญ่มาก แต่พ้นจากจุดที่เรือล่มเข้ามาจนถึงเกาะจะไม่มีคลื่นลูกใหญ่อีกเลย เหมือนเป็นแนวปะการังที่กันคลื่นไว้ เอาจริงๆก็แอบกลัวขนาดคลื่นยักษ์เหมือนกันนะ










    มองลงมาจากเรือจะเป็นโขดหินสลับกับปะการังน้ำตื้นตลอดเลยจ้ะ พ้นช่วงนี้ไปคือทะเลลึกคลื่นแรง

















  • ตอนอยู่บนเรือสนุกมาก รู้สึกร่ำรวยเป็นสาวๆอยู่ในเอ็มวีของเจ้าพ่อเพลงฮิปฮอปต่างๆ เปิดเพลงแดนซ์ๆ โอ้ย บรรยากาศมันใช่อะ เราก็รับหน้าที่ถ่ายรูปเป็นตากล้องจำเป็นให้สาวๆ โยกไปตามจังหวะเพลง สูดหายใจรับไอทะเลแบบเต็มๆ




    มุ่งหน้าสู่แกรนด์ไลน์!








    ในที่สุดเราก็มาถึง เกาะปลาดาว ที่ซาแนปใฝ่ฝัน ซึ่ง... ในเกาะไม่มีอะไรเลย มีปลาดาว ต้นไม้ หาดเล็กๆให้เดินไปเดินมา แต่ดี สงบ
















    ปลาดาวชุกชุมจริงๆ เดินไปอีกสองก้าวก็เจอสามตัวแล้ว เราไม่กล้าหยิบขึ้นมาเลยถ่ายรูปอยู่ห่างๆนั่นแหละดีแล้ว ไม่รบกวนสิ่งมีชีวิตอื่น แต่อีกสามสาวนี่หยิบมาเซลฟี่เลยจ้ะ แอบไม่เห็นด้วยนะ ฮือ ถ้ามันตายขึ้นมาทำไงงงงงง T______T










    ไม่ถ่ายปลาดาวเลยมาถ่ายต้นไม้กับทะเลแทน อิ๊



























    นี่แหละ...ความสงบที่แท้จริง ตอนเด็กๆเราชอบไปเที่ยวทะเลมากเลยนะ ชอบเอาตัวจุ่มน้ำและลอยตัวนิ่งๆ แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่แดดจ้า พอโตขึ้นก็เปลี่ยนไปเป็นสายป่าเขา ดูทะเลหมอกยาวเช้าไรเงี้ย แต่สุดท้ายแล้วยังไงเราก็ว่าเราชอบทะเลมากกว่าอยู่ดีแหละ












  • นั่งเล่นเดินเล่นชิวๆแปบนึงก็ได้เวลากลับ จริงๆมีทริปอื่นด้วยนะ มีไปเที่ยวน้ำตก ไปเกาะอื่นๆอีก แต่ทุกคนอยากมานอนพักผ่อนเลยตัดสินใจกลับกัน









    พอมาถึงโรงแรมต่างกันก็ต่างแยกย้ายกัน สามสาวนั่นไปนอนอาบแดด ส่วนเราแยกมาดูทริปดำน้ำอีกทีนึง ปรากฎว่าเต็มจ้า เลยไปขี่เจ็ทสกีกับพายเรือคายัคแทน และไปอีกหาดนึงที่สงบกว่า นอนลอยเท้งเต้งว่ายน้ำอยู่กลางทะเลนั่นแหละ ดีเหลือเกิน สั่งน้ำผลไม้มาจิบด้วยแต่พนักงานก็ให้มาฟรี ใจดีจังงงงง




































    ได้มาฟรีเพราะความสวย ผิด!





    ซักพักหิวเลยเดินกลับมากินบุฟเฟ่อีกแล้วครับท่าน (จริงๆมีร้านอาหารอิตาเลี่ยนและร้านอาหารไทยกับอะไรไม่รู้อีกร้านนึงด้วยนะ แต่เรากินเยอะ บุฟเฟ่แหละที่ตอบโจทย์ที่สุด กินเสร็จก็ไปนอนผึ่งพุง อาบแดดเป็นแมวน้ำ :3














    ห้าโมงเย็นก็กลับไปอาบน้ำและนั่งมองพระอาทิตย์ตก ยอมไม่นอนก่อนไปทำไฟล์ท ยังไงก็ได้ขอให้ได้ซึมซับบรรยากาศที่นี่ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ :)







    นี่แหละ.. มอริเชียสเดย์ เที่ยวกันแค่วันเดียว แต่เก็บไว้ในใจน๊านนาน :)



    การได้มาทำอาชีพในฝัน ได้มาเที่ยวในสถานที่ที่ตัวเองใฝ่ฝันว่าอยากมาตลอดนี่มันดีนะ เหมือนได้ให้รางวัลและให้กำลังใจให้ตัวเอง ชาร์ตแบตเติมพลังให้ก้าวไปทำตามความฝันของตัวเองไปเรื่อยๆ มีความสุขก็เอนจอยโมเม้นต์นั้นไป และถ้าทุกข์ก็ต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักปล่อยวางนั่นแหละ


    ยิ่งสูง ยิ่งหนาว ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ นางฟ้าอารเบียนอย่างเราก็ต้องอดทนต่อไปจ้ะ เย้เฮ




    ด้วยรัก...จาก Stella Clavisque Maris Indici - ดาวและกุญแจของมหาสมุทรอินเดีย เป็นคำขวัญของ สาธารณรัฐมอริเชียสล่ะ




    ป.ล. ติดตามชีวิตวันๆของข้าพเจ้าได้ที่ ig : ployapha_j นาจาาาาา
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in