8 July 2016
เดือนนี้เป็นเดือนที่ได้ทำไฟล์ทเทิร์นเยอะที่สุดตั้งแต่บินมา คือ 5 ไฟล์ทใน 1 เดือน เป็นบ้าเป็นบอมากเหลือเกิน อะไรกับตารางฉันนักหนาวะเนี่ย เลยเอาแต่ละไฟล์ทมาเล่าให้ฟังว่าความพีคของการทำเทิร์นนั้นมันมีอยู่จริงในโลกจ้ะ
ดักการ์ในตำนาน - 30 June 2016
ไฟล์ทนี้ที่ทุกคนได้ยินชื่อก็ขนลุกซู่ เป็นไฟล์ทในตำนานที่ได้รับการกล่าวขานถึงความพีค เมื่อใครเห็น DAC โชว์หราขึ้นบนตารางบินจะต้องถอนหายใจ เลี่ยงได้เลี่ยง สลับได้ต้องสลับ คอลซิกได้จงคอลเสีย
เราได้รับการขู่ถึงความโหดร้ายของดักการ์มาตั้งแต่เดือนแรกที่เริ่มบิน ไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสารที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ กระเป๋าเยอะ ไม่รู้ว่านั่งตรงไหน ไม่คาดเข็มขัด ใช้ห้องน้ำไม่เป็นเลยเละมาก โอ้ยนานาสารพัดสิ่ง และเวลาบินค่อนข้างนานถึงห้าชั่วโมง เพิ่มอีกชั่วโมงเดียวก็ถึงกรุงเทพแล้วอะ แล้วนี่บินไปกลับ เหนื่อยไหมถามใจตัวเองดู๊ว์ จนบางคนบอกว่ายอมไปบินเดลีหรือบอมเบย์ที่โคตรพีคของอินเดียยังจะดีกว่า
โห... ขนาดนั้นเลยหรอวะ... แม่งมีอะไรที่พีคกว่าเดลีและบอมเบย์อีกหรอ... เชี่ย!
ด้วยแต้มบุญที่สะสมมาทำให้เรารอดพ้นจากดักการ์มาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา... สวัสดีบังกลาเทศ ในที่สุดความพีคก็มาเยือนเราแล้วว่ะ
อันที่จริงเราพยายามโกงความตายด้วยการแลกไฟล์ทถึง 15 ครั้ง คือเอาจริงๆจุดนั้นส่งอะไรมาก็ไปทำหมดอะ เบอร์มิ่งแฮมเบอร์มิ่งเฮลก็จะไปทำนะเว้ยเอาจริ๊ง แต่ที่คนอยากสลับกับเราก็เป็นไฟล์ทที่ดี - โอเคทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นซูริค บาเซโลน่า โรม ลอนดอน จาร์กาต้า เคปทาวน์ และอีกมากมายหลายสิ่ง เพราะหลังจากดักการ์เรามีวันหยุดต่อกัน 3 วันซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดมากๆ แต่เหมือนดวงมันต้องไปทำอะ กดรีเควสส่งแลกไฟล์ทไปแม่งไม่ผ่านเกือบหมดเลยเว้ย ติดนั่นติดโน่นติดนี่กฎอะไรบ้าบอก็ไม่รู้ แม่งเอ๊ย หรือคนที่แลกได้ เราก็จัดการส่งรีเควสไปผ่านหมดแต่เขาเกิดเปลี่ยนใจกระทันหัน ไม่แลกแล้วไรเงี้ย สุดท้ายก็ต้องไปทำอยู่ดี ฮือ
ในที่สุดก็รวบรวมพลังกายพลังใจไปบิน เอาวะ...เพื่อเงิน บินไป 5 ชั่วโมง บินกลับอีก 5 ชั่วโมง ไม่ตายหรอกเว้ย รอด เราต้องรอดดดดดดดดดด
ตัดภาพไปที่ห้องบรีฟ ทุกคนเข้ามาด้วยความหม่นๆ สบตากันแบบฉันฝากชีวิตไว้ในมือพวกเธอแล้วนะ ระหว่างการบรีฟก็คุยกันเกี่ยวกับผู้โดยสารว่าจะเจออะไรยังไงกันบ้าง ก็ตามที่ได้รับการบอกเล่ามานั่นล่ะ โดยมากจะเป็นแรงงานที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อนเลยไม่รู้ว่าจะนั่งตรงไหน เราต้องเป็นคนโชว์ที่นั่งให้เลยว่านั่งตรงนี้นะ เพราะฉะนั้นตอนบอร์ดดิ่งต้องแอคทีฟมากๆ ต้องอยู่ในเคบิน ไม่งั้นทุกคนจะรวนกันหมด ผู้โดยสารจะลุกจะยืนจะเดินวุ่นวาย ต้องคุมคนหมู่มากให้เป็นระเบียบให้ได้
ประการต่อมาคือกระเป๋า อันนี้ก็ต้องอาศัยตอนบอร์ดดิ่งนั่นแหละที่จะต้องช่วยหาที่วาง จัดที่เก็บสัมภาระให้จุของได้มากที่สุด จัดสรรพื้นที่ของตัวเองให้ดี
นอกจากนี้ก็เรื่องของห้องน้ำ ทุกคนควรมีถุงมือพลาสติกติดกระเป๋าไว้ เปิดห้องน้ำไปเช็คก็ทำใจระลึกถึงบุญคุณของบิดรมารดาให้ดี เปิดไปแล้วกดชักโครกด้วยเพราะส่วนมากผู้โดยสารใช้ห้องน้ำบนเครื่องไม่เป็น เขาก็ไม่กดกันหรอกนะ
ข้อดีอย่างเดียวคือช่วงนี้รอมฎอน ผู้โดยสารส่วนใหญ่น่าจะอดอาหารและน้ำกันอยู่เพราะบังกลาดิชส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามไง เซอร์วิสคงไม่เหนื่อยมากเท่าไรหรอกเนอะ
Let's have a good one
...
...
...
...
กู๊ดพ่องงงงงงงงงงงงงง!!
ตัดฉับไปตอนที่บอร์ดดิ่ง... ข้าพเจ้าผู้อยู่ที่ L3 ด้านหน้าสุดของ Economy ติดกับ Bussiness กำลังปีนเก้าอี้เพื่อจัดกระเป๋าสัมภารกของผู้โดยสาร วิ่งไปถามบิสว่ามีที่ว่างสำหรับวางกระเป๋ามั๊ย วิ่งกลับไปเอากระเป๋า แบกกระเป๋าไปบิส ยกกระเป๋าเก็บ วิ่งกลับไปใหม่ ปีนเก้าอี้ จัดที่วางสัมภาระ โดยมีผู้โดยสารคนอื่นโบกไม้โบกมือเรียกให้จัดการกับกระเป๋าตัวเอง พ้นภาษาอังกฤษสำเนียงบังกลาดิชใส่เป็นชุด คอมเพลนต่างๆนานาๆว่าจะให้ชั้นเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่ไหนนนนนน
ไหนใครบอกว่าเขาพูดอังกฤษไม่ได้วะ...แล้วนี่ยืนพูดกดดันกูอยู่นี่เรียกว่าภาษาอะไร...
และนี่ทุกคนแบกบ้านกันมาหรอวะ กระเป๋าแต่ละคนใหญ่มาก ลูกเด็กเล็กแดงแม่งต้องมีกระเป๋าลากของตัวเองด้วยนะ ทำไมไม่ใส่กระเป๋ารวมไปกันกับพ่อแม่ แล้วทุกคนแบกของกันมาเยอะขนาดนี้ไม่แบกตู้แบกโต๊ะแบกเตียงขึ้นเครื่องกันมาเลยล่ะ แหม่... แล้วพอจะให้เอากระเป๋าเล็กๆวางไว้ตรงพื้นใต้ที่นั่งก็ไม่ยอมวางกันได้ด้วยนะ จะเอาเก็บขึ้นไปให้หมดให้จงได้
แล้วทุกคนเรียก เรียก เรียก แล้วก็เรียก กำลังยกกระเป๋าคนนี้อยู่(จริงๆก็ไม่ควรยกให้ผู้โดยสารอะ หลังเจ๊งหมด แต่จุดนั้นคือมันต้องรีบและผู้โดยสารก็ไม่ช่วยไง) อีกคนก็ยื่นกระเป๋ามาให้แล้ว เห็นมั๊ยว่าไม่มีมือแล้วว้อย ทศกัณฑ์ยังทำไม่ได้เลย แล้วกูคือใคร๊ หื้มมมมมมมมมมมม ทำได้แค่ยิ้มแบบเหนื่อยๆแล้วบอกว่ารอแปบนึงนะค้า เดี๋ยวอีแอร์จะไปช่วยค่า รอก่อน ใจเย็นเย็นนนนนนนนนนน (อันนี้คือบอกตัวเองด้วย)
สุดท้ายก็จัดการโซนของเราเรียบร้อย ไม่ต้องมีกระเป๋าใดถูกออฟโหลดลงไปเก็บในคาร์โก้ของเครื่องบิน รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ฮูเร่ โปรยยิ้มสวยๆให้กับผู้โดยสารทุกคนต่อไป ทุกคนก็ยิ้มแบบทำหน้าเห็นใจตอบกลับมา มีแต้งกิ้วบ้างนิดหน่อย ก็ดีเว้ย ชื่นใจขึ้นมานิดนึง
สำหรับเรื่องกระเป๋าเจ้าปัญหานี้ส่งผลให้เครื่องดีเลย์ไปสองชั่วโมงจ้า กระเป๋าหลายไปต้องถูกส่งไปเก็บใต้ท้องเครื่อง แล้วพอเห็นขนาดกระเป๋าก็ช็อคแบบเชี่ยเอ๊ย นี่กราวด์สตาฟทำไมถึงปล่อยให้เอากระเป๋าใหญ่ขนาดนี้ถือขึ้นเครื่องมาได้วะเนี่ย โอเอ็มจีย์
นี่ขนาดเครื่องยังไม่ออกนะแก แค่นี้พลังงานก็หมดไปครึ่งหลอดแล้วอะ... เพื่อนที่อยู่ R3 ถึงกับบอกว่ารอบหน้ากูจะคอลซิก กูจะไม่มาทำแล้ว กูพอแล้ว บายยยยยยย
หลังจากเครื่องขึ้นก็เริ่มทำเซอร์วิส เราได้รับการเตือนมาอย่างดีว่า
ห้ า ม ท ำ บ า ร์ ค า ร์ ท เ ด็ ด ข า ด
ก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี จัดทุกอย่างเสร็จสรรพพร้อมเสิร์ฟปุ๊บก็พุ่งไปตะปบคาร์ทอาหารทันที เฮ้ย... ตอนบรีฟเขาบอกว่าผู้โดยสารน่าจะไม่ทานอะไรเพราะยังอยู่ในช่วงอดอาหาร ไม่น่ายากนะ
ปรากฎว่าทุกคนกินค่ะ กินกันเกือบทั้งเครื่องทั้งๆที่ตอนแจกเมนูถามแล้วว่า Are you fasting/Rosa? เขาตอบกันมาว่าเยสไอแอม พอตอนนี้ส่งอะไรให้เอาหมดอะ แต่ตอนเสิร์ฟก็ค่อนข้างชิวเพราะสื่อสารกันรู้เรื่อง จะเอาชิคเก้นหรือฟิชก็เข้าใจกัน มีแค่อาหารเมนูนี้หมดแต่ก็อยากจะกินอ้ะ งอแงอ้ะ นี่ฉันถือยูเอสพาสปอร์ตนะ ตอนมาจากนิวหยวกทุกอย่างดี๊ดีมีให้หมด ทำไมไฟล์ทนี้ไม่มีล่ะ บลา บลา บลา แต่สุดท้ายก็วิ่งเข้าครัวไปหาเมนูที่เขาอยากกินมาให้จนได้แหละ คนดีไปอี๊ก ผู้โดยสารแฮปปี้เราก็โอเค
ส่วนทำไมเราถึงไม่ทำบาร์คาร์ทนั่นนะหรือ... เพราะว่ามันไม่จบไม่สิ้นเสียทีไง ทุกคนขอทุกอย่างจนแทบจะเกลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นโค้ก สไปร์ท เป็บซี่ น้ำเปล่า(วอเต้อวอเต้อ!) แมงโก้จู้สสสส ของหมดต้องเข็นคาร์ทไปหยิบไปเติม เหนื่อยเหลือเกินจนเราต้องไปช่วยนั่นแหละ
พอตอนเอา Iftar box ไปแจกคนที่อดอาหาร(คืออะไร อ่านได้ในเอนทรี่ก่อนหน้านะจ๊ะ) ทุกคนก็เรียกร้องจะเอาบ้าง พออธิบายว่าอันนี้สำหรับคนที่ถือศีลอดก็บอกว่าตัวเองก็ถือนะ แต่เดี๋ยว...พี่คะ... หนูยังไม่ได้เก็บถาดอาหารพี่ไปเลยนะ พี่ถือศีลอดจริงๆหยอ ละที่กินชิคเก้นนี่คือไรง่ะ เค้ารู้ทันนะตัวเองงงงงง
หลังจากเซอร์วิสเราก็สู้รบกับคอลเบลและความพีคของห้องน้ำ เคบินซุปถึงกับปิดห้องน้ำท้ายเครื่องไว้ห้องนึงสำหรับพวกเราเหล่าลูกเรือโดยเฉพาะ เพราะทุกห้องมันเละแบบเละมาก ก่อนเปิดประตูไปต้องใส่ถุงมือ กลั้นหายใจ รวบรวมความกล้า แล้วก็เปิดเข้าไป เอื้อมมือจนสุดแขนไปกดชักโครกโดยที่ไม่เอาเท้าเหยียบพื้นห้องน้ำเพราะไม่รู้ว่าน้ำที่พื้นคือน้ำอะไรบ้าง เด้งตัวออกมา ปิดประตู โยนถุงมือทิ้ง เดินออกห่างจากห้องน้ำและหายใจเข้ารับออกซิเจน
ส่วนความพีคที่ข้าพเจ้าพบเจอนั้นคือการเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่าอ่างล้างหน้ามีก้อนมวลสารเหลืองนวลสวยงามเด่นเป็นสง่าอยู่ ข้าพเจ้าทำได้แค่เพียงปิดประตูอย่างแผ่วเบา ล็อกกลอนห้องน้ำ เดินไม่พูดไม่จาด้วยความช็อคไปหยิบสติกเกอร์ inoperative มาแปะหน้าประตูแล้วบอกเคบินซุปว่าไอล็อกห้องน้ำไปห้องนึงละนะ อย่าถามว่าเจออะไรเลย... ทำได้แต่มองเพื่อนกินแกงแกะซัมติงจากบิสเนสอย่างหดหู่
สำหรับขากลับค่อยยังชั่วขึ้นมานิดนึง เดชะบุญที่มีผู้โดยสารแค่ร้อยยี่สิบนิดๆเท่านั้น ทุกคนดูสดชื่นและมีความสุขขึ้นมาทันที บอร์ดดิ่งด้วยความรวดเร็วฉับไว เสิร์ฟทุกอย่างเสร็จก็นั่งกันอยู่ในครัวหลัง มีเพื่อนหนุ่มบิสเนสใจดียกกาแฟมาเสิร์ฟเลยได้กระดกกาแฟคนละสองแก้วเพื่อความสดชื่น สดใส แลนด์ถึงดูไบก่อนเที่ยงคืน เย่ห์
ไฟล์ทนี้มันหนักและเหนื่อยมาก ลูกเรือหลายคนเลยเขียน Fatique Report ส่งบริษัทว่าไฟล์ทแบบนี้ควรจะเป็นเลย์นะจ๊ะ อย่าให้เป็นเทิร์นเลย เหนื่อยฉิบหายจะตายอยู่แล้วจ้า
ก็ถือว่าได้ลองสัมผัสความพีคที่ได้กลับการกล่าวขาน ส่วนครั้งหน้าไปบอกก็รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง... ไม่ทำใจท่องไว้ว่าเงิน เงิน เงิน ก็คอลซิกไปค่ะ บาย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in