Guten tag! Düsseldorf :)
ไฟล์ทนี้มีความดีงามเพราะนอกจากจะมีผู้โดยสารขาไปแค่ครึ่งลำของ A380 แล้วก็ยังมีเอเชียนทำงานกันในชั้น economy class ถึง 4 คน รู้สึกแฮปปี้ไม่เหงาหงอย เราได้ไปสนิทกับ ลินดา สาวชาวไต้หวันเพื่อนของอาลี่นั่นแหละ เม้ามอยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งแลนด์
โรงแรมก็ไม่ไกลจากสนามบิน เดินลากกระเป๋าไปอีกตามเคย เปลี่ยนชุดทำนู่นทำนี่ก๊อกๆแก๊กๆก็เข้าเมืองกันเถิดจะเกิดผล สอบถามวิธีการเดินทางจากรีเซพชั่นด้านล่างก็ได้โพยกระดาษเขียนอธิบายวิธีการเดินทางกับแผนที่เล็กๆมาหนึ่งใบ เอเชียนหัวดำทั้งสองก็พร้อมที่จะตะลุยเยอรมนีกันแล้วจ้ะ
อันที่จริงสามารถนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองโคโลญจน์ได้นะ ไม่ไกลจากกันมากเท่าไรนัก
เรานั่งรถไฟเข้าเมืองและต่อรถไฟใต้ดินอีกทีนึง โผล่ดึ๋งอยู่ใจกลางเมืองดุสเซลดอร์ฟเรียบร้อย เกิดงงๆเก้ๆกังๆอยู่ก็มีคุณลุงคนนึงเดินมา Guten tag! แล้วอธิบายว่าตอนนี้เราอยู่บนถนนเส้นไหน เดินไปทางนี้จะเจออะไรบ้าง เราก็ขอบคุณกันยกใหญ่เลย
ทันทีที่มาถึงก็จัดเพรซเซลก่อนเลยหนึ่งชิ้นเพราะหิวมาก รู้สึกได้ถึงความเยอรมันอย่างเต็มเปี่ยม
สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหาร คนมาจับจองที่นั่งและดื่มเบียร์คุยกันจ๊อกแจ๊ก
อีกร้านที่มีอยู่เยอะมากคือร้านขายเฟรนฟรายด์กับไอติมแหละ
เราเดินตัดโซน walking street ที่ส่วนที่เป็นเมืองเก่าและริมแม่น้ำไรน์
ระหว่างทางก็ซื้อไอติมกินเพราะอากาศร้อนมากกกกกกกกก
ระหว่างทางก็มีรูปปั้นแบบนี้อยู่เยอะแยะพอสมควร ชอบอันนี้เพราะรู้สึกว่าเหมือนโจรอ้วนผอมดี
แม่น้ำไรน์แห่งเยอรมนี ข้าพเจ้าได้มาถึงแล้วขอรับกระผม
ตึกนี้คือตึกอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่ว่าเป็นแลนด์มาร์กของเมืองดุสเซลดอร์ฟนะจ๊ะ
แถวๆริมแม่น้ำก็เป็นโซนเมืองเก่า มีโบสถ์และตึกน่ารักๆเต็มไปหมดเลยแหละ :)
เรากับลินดาก็เดินเล่นถ่ายรูปก๊อกแก๊กกันไปตามเรื่องตามราวก่อนที่จะไปตะลุย walking street
เดินวนไปวนมาก็เจอเหมือนตลาดคล้ายๆบองมาเช่อะ จัดสรรพื้นที่คล้ายๆกัน ของกินเยอะแยะเต็มไปหมด ของแฮนด์เมดก็มีขาย แต่ร้านที่เราไปด้อมๆมองๆอยู่นานที่สุดคือร้านต้นไม้นี่แหละ อยากหอบกลับไปดูไบมากเลย เป็น #plantparenthood อย่างจริงจัง
แถวๆตลาดก็มีร้านขายเสื้อผ้าและของฮิปๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านด้วยนะ และร้านที่เตะตาเราจนต้องขอลินดาเข้าไปดูคือร้านขายเซรามิกร้านนี้นี่เองงงงงงงง
มีถ้วยโถโอชามอ่างตุ่มหม้อไหกระทะและเซตจานชามเยอะมากกกกกกกกก จริงๆอยากซื้อจานกลับมาด้วยแหละแต่ไม่รู้จะแบกกลับยังไง กลัวแตก แถมเอามาก็ไม่น่าจะได้ใช้เท่าไรหรอก เลยได้แต่ด้อมๆมองๆกลืนน้ำลาย ทำได้แต่สอยโปสเตอร์มาใบนึง และอยากจะซื้อลำโพงบลูทูธสีเขียวกากีที่ดีไซน์เรียบๆแต่ดูดีมาก แถมคุณภาพเสียงก็โอเค แต่ดันลืมบัตรเครดิตไว้ที่โรงแรมเลยอดไปโดยปริยาย....
หลังจากเดินโซนเมืองเก่า ช้อปปิ้งนู่นนี่เรียบร้อยก็เดินข้ามฝั่งถนนใหญ่และคลองไปอีกด้านนึงของเมืองที่เป็นโซนขายของหรูหราแบรนด์เนม
ความเขียวขจีที่ดีต่อจิตใจ
เราไม่ได้ซือของอะไรอยู่แล้วก็เดินแบบผ่านๆ มีชาวเมืองมานั่งชิวๆในร้านอาหาร รอดูบอลบ้างประปราย พอพ้นช่วงโซนแบรนด์เนมไปก็เหมือนจะเป็น Commercial Center ตึกแบบโมเดิร์นเต็มไปหมดเลย แต่ไปๆมาๆก็เจอโบสถ์นี้ซะงั้น
ลินดาเริ่มเหนื่อยๆแล้วเพราะตื่นมาบินกันตั้งแต่เช้านู้นก็เลยเดินกลับไปนั่งใต้ดิน จับรถไฟกลับสนามบิน พอมาถึงก็หิวๆเลยไปกินซูชิที่โรงแรมเพราะได้ยินมาว่าซูชิที่นี่อร่อย ซึ่งก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ใช้ได้ และคุยกันว่าไหนๆก็ไหนๆ มาเยอรมันทั้งทีก็ต้องได้กินเบียร์กับไส้กรอกเยอรมันสิโว้ย เลยไปต่อกันที่บาร์ในโรงแรม สั่งเบียร์มาคนละไฟน์ ไส้กรอก และนั่งดูบอล มีลูกเรือคนอื่นเข้ามานั่งแจมด้วยก็เป็นบรรยากาศการเชียร์บอลที่สนุกดี แม้ว่าจะไม่ใช่แมชต์สำคัญคู่พีคก็ตาม
ขากลับก็ผู้โดยสารเต็มลำแต่ก็สบ๊ายสบาย ชอบไฟล์ทเยอรมันตรงที่ผู้โดยสารสุภาพเรียบร้อยและเป็นระเบียบมากๆ อย่างเวลาที่บินๆอยู่แล้วเจอพวกหลุมอากาศ seat belt sign สว่างวาบขึ้นมาจะได้ยินเสียงผู้โดยสารเอาเข็มขัดมาใส่คลิกๆๆๆๆๆแบบไม่ต้องเตือนเลย โอ้ยน่ารักกกกกกกก แอร์อย่างดิฉันชื่นใจ
เวลาเก็บถาดอาหารก็เป็นระเบียบเรียบร้อย แจกให้ไปยังไง กลับมาสภาพแทบจะเหมือนเดิม เรียบร้อยเนียบนิ้งที่เป็นที่สุด เก็บง่ายมากๆ ไม่ต้องคอยจัดระเบียบถาดก่อนที่จะใส่กลับเข้าไปในคาร์ท รักเหลือเกินเพราะช่วยให้เราทำงานง่ายขึ้นมากมากมากมากมากกกกกกก อย่างบางทีเจอผู้โดยสารที่เอาทุกอย่างกองรวมกันไว้แล้วมันยัดเข้าไปเก็บไม่ได้ ต้องทำการจัดระเบียบให้ทุกอย่างแบนเรียบที่สุด ซึ่งมันเสียเวลาและมือเปื้อน (สายการบินเราไม่ให้ใส่ถุงมือเวลาทำ clearance cart นะจ๊ะ) บางทีอาหารหกเลอะกระโปรงบ้างไรเงี้ย โอ้ยสารพัดสิ่ง
โดยมากแล้วการทำ Clearance cart จึงมักจะเป็นช่วงที่เหล่าแอร์รำพึงรำพันกับชีวิตว่านี่กูทำเชี่ยไรอยู่เนี่ย จิตใจห่อเหี่ยว แฟลชแบคช่วงชีวิตดีจะตามกลับมาหลอกหลอน เช่น นี่ฉันจบจากที่นั่นนู่นนี่โน่นมาเพื่อมานั่งหลังขดหลังแข็งเก็บถาดอาหาร เคลียร์ขยะออกจากถาดงี้หรอวะ นี่ถ้ายังทำนั่นนู่นนี่โน่นอยู่ชีวิตมันน่าจะก้าวไกลไปกว่านี้ก็ได้ ฯลฯ พอเจอถาดที่เป็นระเบียบเราจะรู้สึกซาบซึ้งประทับใจในความกรุณาปราณีที่ผู้โดยสารมีให้
...
เพิ่มเติมเล็กน้อย: เรียนท่านผู้โดยสารโปรดทราบ กรุณาจัดเรียงถาดของท่านให้กลับคืนสู่สภาพเดิมให้ได้มากที่สุดเท่าทีจะทำได้ ไม่ต้องเอาอะไรซ้อนกัน และขอความกรุณาแยกแก้วน้ำ กระป๋องเครื่องดื่ม และขวดไวน์ไว้ต่างหากเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บและนำไปแยกรีไซเคิลต่อไป
หากท่านต้องการดื่มชา/กาแฟ กรุณาหยิบถ้วยกาแฟแยกออกมาต่างหากเพื่อง่ายต่อการเสิร์ฟชา/กาแฟของท่านต่อไป ทำแบบนี้แล้วแอร์จะรัก จะมองคุณด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและขอบคุณจากใจจริง
...
ตอนเครื่องลงจอดก็เช่นกัน ทุกคนรอให้สัญญาณคาดเข็มขัดนิรภัยดับก่อนแล้วค่อยปลดเข็มขัดและลุกขึ้นหยิบกระเป๋า เรานี่อยากจะลุกยืนปรบมือให้ผู้โดยสารทุกคนเลย น่ารักเป็นที่สุด เพราะบ่อยครั้งที่ล้อเครื่องบินเพิ่งจะแตะรันเวย์ คุณพี่แกปลดเข็มขัดและลุกขึ้นยืนแล้ว โคตรน่าหงุดหงิดเป็นที่สุดอะ
เฮ้ยยย คือมันอันตร๊ายยยยยยยยยย เครื่องบินยังไม่จอดสนิทเลย เผื่อถ้าต้องเบรกฉุกเฉินแล้วคุณล้มหรือเปิดช่องเก็บสัมภาระแล้วของร่วงลงมาจะทำยังง๊ายยยยย แอร์อย่างเราไม่ได้อยากดุ ไม่ได้อยากตะโกนให้นั่งลง แต่ที่พวกเราทำก็เพราะว่าเราเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกท่านนะคะ เพราะฉะนั้นเชื่อพวกเราเถอะนะ อย่าทำหน้าวีนเหวี่ยงใส่เราเลย เราเป็นห่วงนะตัวเองงงงงงง
(...แต่บางทีในบางไฟล์ทที่ต้องเตือนมากๆก็มีความคิดว่าอยากให้กัปตันเบรกแรงๆซะทีเถอะ จะได้รู้กันซะบ้างว่าไอ้ที่เตือนๆกันนี่มันเพราะอะไร จะได้รู้ว่ามันอันตราย ถ้าล้มกันลงไปก็คงสาแก่ใจอีช้อยนัก! หึ!!)
ถ้าจะให้โหวตผู้โดยสารในดวงใจเราก็คงโหวตเยอรมันนี่แหละ รักมากจนถ้าคิดอะไรไม่ออกก็จะบิดมาทำไฟล์ทแต่เยอรมันทุกเดือนเล้ยยยย (ที่โหวตชนชาตินี้เพราะยังไม่เคยทำไฟล์ทญี่ปุ่น แต่ก็ได้ข่าวว่าเป็นระเบียบเรียบร้อยมากๆเช่นกัน ชนชาติที่มีวินัยนี่มันดีจริงๆ มีอารยะ)
จบแล้วกับการไปเยือนเยอรมันครั้งแรก กลับมาพักวันนึงก็ไปเยือนแฟรงเฟิร์ตเป็นครั้งที่สองแต่ก็ไม่ได้ออกไปไหนเพราะเหนื่อยๆ นอนน้อย กินๆนอนๆอยู่ในโรงแรมนั่นแหละนะ
หลังจากแฟรงเฟิร์ตก็ไปดักการ์ บังกลาเทศ ที่สุดของตำนานของความพีค โอ้ยยย น้ำตาจะไหล๊เดี๋ยวยังไงก็จะมาเขียนให้อ่านกันนะจ๊ะ
ด้วยรัก...จากใจของแอร์เมืองทะเลทรายไกลบ้าน
ที่ยิ้มๆนี่ไม่ใช่ชีวิตดีนะ เป็นบ้าาาาาา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in