เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
from the desert, with loveployapha.j
เพิร์ธอีกครั้งในวันที่ฉันป่วย
  • โดนส่งกลับมาออสเตรเลียอีกแล้วล่ะ :)

    ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ได้มาเพิร์ธแหละ ไฟล์ทนัมเบอร์เดิม เวลาเดิมเป๊ะ เพียงแต่เปลี่ยนเพื่อนร่วมงาน เปลี่ยนผู้โดยสาร เรื่องราวก็เปลี่ยนไปด้วย นี่แหละมั๊งคือข้อดีของการทำงานนี้ ผู้คนจะค่อยๆสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ



    จะว่าดีก็ดี จะว่าเหงาก็เหงานะ…



    และด้วยความที่มานั่งเขียนเกี่ยวกับเพิร์ธเมื่อตอนปลายเดือนเมษาแล้ว ความทรงจำเริ่มกระท่อนกระแท่นขาดหาย อาจจะกระโดดไปกระโดดมาบ้างเพราะต้องพยายามแกะลายมือตัวเองที่แอบจดความรู้สึกขยุกขยิกขณะที่ทำงานอยู่บนไฟล์ทกับตอนออกไปนู่นนี่ จดอะไรไว้บางก็เพิ่งมาอ่านตอนนี้นี่แหละนะ





    26 March 2016 – Perth, Australia

    หลังจากบินติดๆกันมา ไฟล์ทนี้ก็เป็นไฟล์ทสุดท้ายของเดือนมีนาแล้ว พอเริ่มบินเรื่อยๆก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวจังแหะ แปบๆเดียวก็หมดเดือนแล้วอะไรกันล่ะนี่ เดี๋ยวก็ได้ตารางบินของเดือนหน้าแล้ว วู้ฮู้ว ตื่นเต้นทุกทีเมื่อตารางบินออก และเหนือสิ่งอื่นใด… เงินเดือนของข้าพเจ้าก็ออกแล้วเช่นกัน ก่อนไปบินก็เลยแช่มชื่นเหมือนยืนอยู่บนไหล่เขา กำลังใจเต็มเปี่ยม



    ตอนบรีฟก็ร่าเริงดี บนไฟล์ทก็โอเค ไฟล์ทกลางคืนแหละนะ ผู้โดยสารขึ้นเครื่องมาก็หลับกันหมด ซึ่งบางคนที่ขายาวก็ยื่นขาออกมาขวางทางเดินบ้าง ซึ่งมันเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงต่อการเข็นคาร์ทเหลือเกิน

    คาร์ทที่หนักหลายกิโล เข็นบนทางแคบๆในเครื่องบินที่ตกหลุมอากาศบ่อยเหลือเกิน บางทีมันก็ควบคุมทิศทางยากหรือคนเข็นมองไม่เห็นขาของผู้โดยสารที่ยื่นออกมา ครั้งนี้ก็เช่นกัน… เราเข็นคาร์ทแล้วไปชนขาผู้โดยสารจ้ะ....

    ชนค่อนข้างจะแรง น่าจะเจ็บพอสมควรเลยแหละ ผู้โดยเขาก็ตื่นแล้วด่าแบบ f word เลยอะ คือช็อกมาก แล้วด่ารัวว่าทำไมเราถึงไม่ระวัง คือเยอะมาก เราก็ขอโทษ เขาก็นอนต่อแบบอารมณ์เสียโคตรๆ เราก็เข็นไปเสิร์ฟต่อ ตอนนั้นคือรู้สึกตัวเลยว่าขอบตาร้อนมาก น้ำตาจะปริ่มแล้ว พอเสิร์ฟเสร็จเข็นคาร์ทกลับเข้าครัว แจ้งเคบินซุปฯว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ๆขึ้นนะ เขาก็เลยออกไปคุยกับผู้โดยสาร ขอโทษอีกที จากนั้นก็กลับมาคุยกับเราว่าต้องเขียนในรีพอร์ตนะว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เราก็พยักหน้าหงึกหงักไปตามเรื่อง ยังไงเราก็ผิดที่เข็นไปชนเขานั่นแหละหนา ทำไงได้ :(





    โชคดีที่ทำเซอร์วิสเสร็จ เราเป็นเบรกแรกที่ได้เข้าไปพักใน CRC พอเข้าไปปุ๊บ รูดม่านปิดปั๊บน้ำตาไหลพรากเลยจ้า ต้องค่อยๆไหลด้วยนะเดี๋ยวมาสคาร่าเลอะ คือความพีค เฟลมากจนอยากจะเปิดประตูเครื่องแล้วโดดออกไปเลย แต่ก็ทำไม่ได้ ตายก่อน ก็เลยต้องอดทนต่อไป…



    ในใจตอนนั้นคือคิดว่านี่กูมาทำเชี่ยอะไรบน 40,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลวะเนี่ย เชี่ยเอ้ยยยย ไอ้ที่เคยคิดเคยฝันไว้ก็ทำใจไว้ส่วนหนึ่งว่ามันจะหนักมันจะเหนื่อยมันจะยากแต่มันก็ไม่ใช่อะไรแบบนี้ป่ะวะ แม่งไม่เหมือนที่จินตนาการไว้ซักนิดเดียว ก็เอาเหอะ ซับน้ำตาแล้วพยายามนอน ก่อนหน้านี้ก็นอนไม่ค่อยกลับ มีปัญหาเรื่องการนอนมาซักระยะแล้ว คือเวลานอนแล้วชอบตื่นมาเองกลางดึกเหมือนมันหลับไม่สนิทอะ คิดว่าน่าจะมาจากการที่เวลาง่วงมากๆบนไฟล์ทแล้วพยายามทำให้สมองตื่นตัวตลอดเวลา มันเลยติดว่าพอง่วงปุ๊บต้องตื่นอะไรประมาณนี้แหละ

    ออกจาก CRC อาการเจ็บคอก็กลับมาทักทายอีกแล้วเพราะอากาศมันแห้งมาก นี่ขนาดเราพยายามลุกมาจิบน้ำบ่อยๆแล้วนะ ระหว่างเวลาที่เหลือก่อนทำอีกเซอร์วิสเลยพยายามจิบชาดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ กลัวจะไม่สบายจริงๆ







    พอแลนดิ้งปุ๊บเราก็พบว่าพรุ่งนี้เป็นวันอีสเตอร์ ร้านรวงทุกอย่างปิดหมดเลย ที่แพลนว่าจะออกไปไหนก็เลยต้องงดไปก่อน แถมได้ข่าวว่าสภาพอากาศจะไม่เป็นใจด้วย ฝนจะตกทั้งวัน เราเลยขึ้นไปเก็บของ ลบเครื่องสำอาง เปลี่ยนชุดแล้วออกไปหาอะไรกินกับพี่เคบินซุปฯคนไทย

    เดินออกจากโรงแรมตอนประมาณทุ่มนึงด้วยความหิวโหยอย่างที่สุด เดินไม่กี่ก้าวฝนก็ตกลงมาปรอยๆ พอได้กลิ่นดินกลิ่นฝนแล้วชื่นใจ อากาศสดชื่นมาก คิดถึงอากาศแบบนี้เพราะที่ดูไบไม่มี ทุกอย่างช่างแห้งแล้งเหลือเกิน







    เราเดินก๊อกแก๊กลัดเลาะมาที่ Barrack Street ที่เป็นเหมือนถนนช้อปปิ้ง มีร้านรวงเยอะแยะ ร้านอาหารก็มากมายหลากหลายเชื้อชาติแต่ทุกร้านล้วนปิดกันเกือบหมดเพราะอีสเตอร์ เราทำได้แต่ภาวนาว่าร้านที่เราอยากไปกินจะเปิดอยู่

    เป้าหมายของอร่อยในทริปนี้คือ ปิ้งย่างเกาหลี เพราะที่ดูไบนั้นแสนจะแพ๊งแพงและให้มาน้อยนิดเท่าแมวดม ไม่โอเคอย่างรุนแรง! ร้านที่เราตั้งใจจะไปคือ Pal Saik รู้สึกว่าจะเป็นร้านดังของที่นี่ แต่พอไปหน้าร้านก็พบว่าคนทะลักทะลายมาก อาจเพราะร้านอื่นในละแวกนี้ปิดกันหมดแล้วก็ได้ เราได้บัตรคิวเป็นคิวที่สาม แต่ตอนนั้นหิวมากเลยคิดว่าจะไม่รอแล้ว กระเพาะกำลังย่อยตัวเองแล้วจ้า

    เราเดินข้ามถนนมาอีกฝั่งนึง เลยมาอีกนิดก็จะเจอกับร้านปิ้งย่างอีกร้านคือ Arrirang เข้าไปสอบถามก็พบว่าถ้ามาแค่สองคนละก็ได้โต๊ะเลยไม่ต้องรอจ้าเลยตัดสินใจกินร้านนี้ก็แล้วกัน เนื้อดีมาก ทุกอย่างนุ่มมาก มีบริการปิ้งมาให้พร้อมเสร็จสรรพด้วย ดีงามมมมมมมม

    ระหว่างทางเดินกลับเราก็แวะซื้อซูชิที่ร้าน Zen Saki ข้างๆกันนั่นแหละ จริงๆร้านนี้มีทั้งเมนูเบนโตะ ราเมง อูด้ง และข้าวแกงกะหรี่ด้วยนะ แต่เราก็จิ้มๆเมนูซูชินั่นแหละ กะว่าจะเอาไว้กินที่ห้อง แฮ่







    ขากลับฝนก็พรำนิดหน่อย โชคดีที่ก่อนออกมาคว้าเอาร่มมาด้วยแต่อากาศก็หนาวมากๆอยู่ดีนั่นแหละ แวะร้านค้าซื้อมาม่าเกาหลีมาตุนไว้เผื่อหิว พอถึงห้องปุ๊บอาการเจ็บคอก็กลับมาเยี่ยมเยียนปั๊บเลยดื่มน้ำอุ่นๆแล้วรีบนอน กะว่าถ้าพรุ่งนี้อากาศดีก็คงจะออกไปเดินเล่น ไปสวนสาธารณะอะไรไปตามเรื่อง เก็บเกี่ยวบรรยากาศซักนิดซักหน่อย แต่เช้ามาเราเจ็บคอมาก ต่อมทอนซิลอักเสบอีกแล้วจ้า เลยลุกขึ้นมาจัดการกับซูชิที่ซื้อมาเมื่อวาน กินยา แล้วนอนยาวๆ ตื่นมาอีกทีก็บ่ายนิดๆ ต้มมาม่ากินแล้วก็นอนต่อจนกระทั่ง wake up call แข็งใจลุกขึ้นมาแต่งตัวเตรียมบินกลับ

    ก็เอาสุขภาพไว้ก่อนละนะ เรื่องเที่ยวเดี๋ยวมันก็ได้มาอีก มาจนเบื่อกันไปข้างนึงเล้ยยยยยยยยย =w=







    ขากลับก็เกือบตาย ได้พักเบรกแรกอีกแล้วจ้ะ นอนใน CRC ก็ไม่หลับเพราะได้ยินเสียงคนคุยกันกับเสียงกดชักโครกตลอดเวลา อาการเจ็บคอก็มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ดีเพราะตอนออกมาได้มีโอกาสเข้าไปเซย์ฮายกัปตันและเอฟโอด้วยแหละ ตอนนั้นเครื่องบินผ่านเข้าสู่น่านฟ้าศรีลังกาพอดี ได้ยินวิทยุสื่อสารจากภาคพื้นดินทักทายเข้ามา เราเลยชวนคุยเรื่องวิธีการติดต่อสื่อสารกับสถานีภาคพื้นดินแหละ ได้ความว่าถ้าเราอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ ลอยอยู่กลางทะเล การติดต่อระหว่างกันจะใช้วิทยุสื่อสารไม่ได้เพราะสัญญาณมาไม่ถึงหรืออาจจะโดนรบกวน เลยจะส่งเป็นข้อความมาแทน กัปตันก็จิ้มๆเปิดหน้าจอให้ดูว่าต้องมอนิเตอร์จอนี้ แล้วถ้าใกล้จนใช้คลื่นวิทยุสื่อสารได้ก็จะใช้ คือมีคนค่อยส่งอะไรมาหาเราอยู่เสมอแหละ ไม่ได้บินอย่างโดดเดี่ยว


    นอกจากนี้กัปตันยังใจดีเปิดหน้าจอระบบหลักๆบนเครื่องให้ดูด้วย เช่น ระบบไฮโดรลิก เชื้อเพลิง ระบบอากาศภายในเครื่อง ไฟฟ้า โดยแอร์บัสและโบอิ้งจะต่างกันแค่ดีเทลยิบย่อยนี่แหละ

    สำหรับแอร์ เราจะเทรนเพื่อบิน 2 เครื่อง แต่สำหรับกัปตันและเอฟโอนั้น ถ้าถือไลเซ่นของเครื่องบินใดก็จะบินอยู่แต่เฉพาะเครื่องนั้นจนกว่าจะไปเทรนใหม่เพื่อป้องกันการสับสนของข้อมูลระหว่างสองลำนั่นเองจ้ะ







    เราถึงดูไบด้วยสภาพอิดโรย ตอนทำเซอร์วิสสองคือมึนงงและเบลอไปหมด ถึงบ้านปุ๊บก็น็อกยาวจ้า ดีที่เป็นไฟล์ทสุดท้ายแล้ว ได้พักผ่อนนอนหลับเต็มที บินอีกทีก็วันที่ 2 สบ๊ายสบาย ตารางเราก็เงี้ย บินติดๆแล้วหยุดยาวๆ ไม่เข้าจายยยยยย

    สำหรับเพิร์ธรอบนี้ต้องขอโทษด้วยที่ค่อนข้างน่าเบื่อและไม่มีรูปอะไรเลยเพราะไม่ได้ถ่าย ร่างสลายอยู่ในห้อง





    ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดเด้ออออ

    ด้วยรัก…. จากดูไบ <3

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in