อาหารการกินและค่าครองชีพ
แพง แพงมากกกกกกกกกกกกกกกกก
ทุกอย่างแพงมากแบบหูดับตับไหม้ ใช้เงินออกไปราวกับที่บ้านพิมพ์แบงค์เอง แต่ก็คงใช้เยอะขนาดนี้เฉพาะสัปดาห์แรกนี่แหละ เพราะเพิ่งมาไง ต้องซื้อของอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ (บอกกับตัวเองซ้ำๆว่ามันจำเป็นนะแกทุกครั้งที่จ่ายตัง)
ผักผลไม้แพ๊งแพง เนื้อสัตว์ก็ราคาสูง ครั้นจะกินแต่มาม่าที่แบกมาก็กระไรอยู่ เราถือคติว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเลยเลือกซื้อมาแต่ของดีมีประโยชน์ ยอมจ่ายค่าผักแพงหน่อยแต่สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ก็ดีกว่าเจ็บป่วยนะ ยิ่งทำงานแบบนี้ด้วย ตอนนี้เลยกินอาหารเฮลตี้กว่าตอนที่อยู่ไทยซะอีก
โดยส่วนตัวแล้วเราไม่มีปัญหากับการกินอาหารชนิดเดียวกันซ้ำๆทุกวัน เราเลยทำกับข้าวกินเองทุกวัน เช่น สัปดาห์นี้เราทำซุปกิมจิไว้หม้อใหญ่ๆ กลับถึงบ้านก็หุงข้าวทอดไข่เจียว กินทุกวันจนซุปหมด แล้วก็จะทำอย่างอื่นตุนไว้กินเยอะๆต่อไป สัปดาห์หน้าคงเป็นแกงกะหรี่ละมั๊ง
สำหรับมื้อเช้า ถ้ามีเวลาก็ทำสมูทตี้กับแซนวิช ใส่ผักๆ มะเขือเทศและอะโวคาโดของโปรด ส่วนตอนกลางวันก็ไปฝากท้องกับร้านข้าวในคอลเลจเอา ซึ่งโดยมาก็เป็นอาหารแขกแหละ ข้าวกับแกงนู่นนั้นนี่พร้อมสลัด ซึ่งอร่อยมากกกกกก เอนจอยอาหารแขกเฉ๊ย อ้วนขึ้นแล้วเนี่ย
ส่วนค่าครองชีพอื่นๆก็แพ๊งแพง โดยเฉพาะค่าอินเตอร์เน็ต อย่างไวไฟในบ้านเราก็หารกับอาลี่ ตกเดือนละ 1,500 บาทต่อคน หรือค่าเติมเงินเติมเน็ตในมือถือก็ 1 GB 1,000 บาท ซึ่งเราว่ามันแพงมากเลยแหละ เลยไม่ซื้อไม่เติมเลยละกัน อาศัยไวไฟฟรีในตึกเอา ถ้าไม่มีก็ไม่ใช้ ลดละเลิกนิสัยการติดโทรศัพท์มือถือไปโดยปริยาย ฮิปสเตอร์ไปอีก ถ้าไปไหนแล้วหลงทางก็ถามเอา ไม่ง้อกูเกิลแมพก็ได้…
ชีวิตประจำวันทั่วไป
- วันหยุดราชการ คือวันศุกร์และวันเสาร์
- แต่งกาย สุภาพเรียบร้อย ไม่ใส่ขาสั้น ใส่เสื้อปิดไหล่ แต่ก็เห็นฝรั่งก็ใส่ขาสั้นแขนกุดกันนะ แต่เราไม่เอาดีกว่า เกรงใจมัสยิดหน้าบ้าน
- รถไฟฟ้า สถานีเก๋มาก ติดแอร์และเปิดแอร์แรงมากเหมือนจะเลี้ยงนกเพนกวิน ซื้อแบบบัตรเติมเงินถูกกว่า ราคา 25 AED ถ้าเป็นหญิงสาวเดินทางคนเดียวให้เดินไปขึ้นที่สองตู้ข้างหน้าเพราะตู้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น สังเกตได้จากพื้นก่อนเข้าประตูจะเป็นสีชมพู แต่ถ้าเราเป็นผู้หญิงไปนั่งตู้แบบปกติก็ได้นะ แต่จะโดนคนมอง มอง มอง แล้วก็มองเหมือนเป็นตัวประหลาด หรือไม่ก็โดนบีบอัดเป็นปลากระป๋องกลิ่นแขกถ้าขึ้นในชั่วโมงเร่งด่วน เพราะงั้นไปขึ้นตู้ผู้หญิงเถอะ สภาพรถใหม่ สะอาดและกว้างม๊ากมาก
สถานีรถไฟฟ้าแถวบ้านครับ มีลานจอดรถให้เสร็จสรรพด้วยนะเธอ
- รถเมล์ เรายังไม่เคยนั่ง แต่ป้ายรถเมล์ติดแอร์นะจ๊ะ เก๋มาก
- แท็กซี่ เริ่มต้นที่ 5 AED (50 บาทไทย) มิเตอร์ขึ้นเร็วมากเหลือเกินจนเหงื่อตก ถ้าไม่รู้ทางคนขับอาจจะดุเอาได้เพราะส่วนใหญ่ไม่ใช่คนพื้นที่แต่มาจากปากีสถาน อินเดีย ถ้าหลงทีต้องอ้อมโลกมาก แต่ที่เราเจอคนขับใจดีและรู้เส้นทางนะหรืออาจเพราะไปแค่ใกล้ๆก็ได้มั๊ง อ้อ...อีกอย่างนึงเกี่ยวกับแท็กซี่ ถ้าหลังคาสีชมพูจะเป็น Lady Taxi นะจ๊ะ คนขับเป็นผู้หญิง
- น้ำขวด ไม่แพงอย่างที่คิดไว้ ซื้อไปเถอะ เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพร่างกาย
- มือขวา พยายามรับส่งของ กินอาหารด้วยมือขวา ใครที่ถนัดซ้ายต้องฝึกหน่อยนะ
- ถนนหนทาง ที่นี่ขับรถได้เชี่ยมาก เวียนหัวเหลือเกิน อยากปาดใคร่ปาด อยากแซงใคร่แซง ไฟแดงยังไม่ทันจะเปลี่ยนบีบแตรไล่แล้ว เดือดไปอีก ฟาสแอนด์ฟิวเรียสเหลือเกินพี่น้อง
- รถหรู หาได้ในเมือง วิ่งกันขวักไขว่ แถวบ้านเรา... ไม่มี๊
กล่าวโดยสรุป
ตอนนี้เราโอเคดีนะ ไม่ได้คิดถึงบ้านมาก ไม่มีอาการ Home Sick อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีที่ทำให้รู้สึกใกล้กันด้วยมั๊ง เหมือนได้มาแลกเปลี่ยนอีกรอบบวกกับกลับมาอยู่หอคนเดียวอีกครั้ง มีความสุขดี อ้วนขึ้นด้วยล่ะอย่างที่บอกไป
เรารู้สึกว่าดูไบก็เหมือนกรุงเทพที่มีตึกสูงเยอะกว่าและต้องพูดภาษาอังกฤษทุกวันเลย เราชอบที่นี่นะ เป็นเมืองที่มีคนหลากหลายเชื้อชาติอย่างที่สุด รปภ.ที่ห้างมาจากเนปาล คนขับแท็กซี่มาจากปากีสถาน พนักงานในร้านมาจากฟิลิปปินส์ คิดว่า..เออ เท่ดีนะ ที่รวมคนหลากหลายมาอยู่ในที่เดียวกันได้เยอะขนาดนี้ ความรู้สึกของเราก็คล้ายๆกับตอนที่ไปอเมริกานะ แต่นั่นทุกคนเคลมตัวเองว่าเป็นอเมริกันไง แต่ที่นี่คือทุกคนดูภูมิใจที่มาจากที่หลากหลายกันอะ
ถ้าได้ไปเที่ยวที่ไหนก็จะกลับมาอัพเดตก็แล้วกันเนอะ ติดตามดูรูปต่างๆได้ผ่านไอจี ชื่อเดียวกันนี่แหละ ว่างๆจะมาเขียนเล่าให้อ่านกันใหม่นะ
ขอให้การเทรนผ่านไปได้ด้วยดี เพี้ยงงงงงงง > <
ด้วยรัก...จากเมืองทะเลทราย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in