เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตามอายะบ้างและรีบสาวเท้าเดินนำทุกคนตรงเข้าไปที่ร้านกาแฟพลางสอดส่ายสายตาเข้าไปสำรวจโดยรอบ พบว่าภายในร้านคาเฟ่มีพนักงานเสิร์ฟยืนอยู่สองคน ตรงที่นั่งด้านหน้ามีลูกค้านั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์เพียงสี่ห้าโต๊ะเท่านั้น แม้ไม่เคยมาที่นี่มาก่อนแต่พอจะจำภาพถ่ายของเหล่าผองเพื่อนที่แวะเวียนมาเช็คอินได้ว่าบรรยากาศภายในร้านแห่งนี้คึกคักอยู่ตลอดเวลา สังเกตได้จากจำนวนคนแปลกหน้าที่บังเอิญเข้ามาร่วมเฟรมในภาพเพราะไม่ว่าจะถ่ายรูปจากมุมไหนก็มักจะถ่ายติดคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจเสมอ จากภาพของเพื่อนๆที่เคยเห็นผ่านตานี้ทำให้เราพออนุมานได้คราวๆว่าร้านกาแฟแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากเพียงใด
ซึ่งนั่นคือสาเหตุหลักว่าทำไมเราไม่เคยมาที่ร้านกาแฟแห่งนี้
รวมไปถึงไม่ค่อยได้เข้ามาเยี่ยมเยือนในเมืองปารีสอีกด้วย
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเราพักอยู่ไกลจากตัวเมืองเลยทำให้รู้สึกขี้เกียจเดินทาง หรือเพราะตารางรถไฟทั้ง RER และรถใต้ดินมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเนื่องจากการประกาศนัดหยุดงานที่ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางกระทันหัน ตลอดจนสืบเนื่องมาจากอาการ Paris Syndrome ที่มักเกิดขึ้นกับผู้ที่หวังใจเอาไว้ว่าเมืองแห่งนี้ต้องสุดแสนจะโรแมนติกอย่างที่เคยวาดฝันเอาไว้เมื่อสมัยตอนเรียนมัธยมปลายสายศิลป์ฝรั่งเศส แต่ครั้นมาถึงจริง ๆ กลับพบกับคลื่นมหาชนจากทั่วทุกสารทิศ ได้กลิ่นฉี่ตามถนนหนทาง เจอกับมิจฉาชีพที่จ้องจะขูดรีดหรือทำทีเป็นเดินเข้ามาขายของแต่ก็พร้อมจะฉกกระเป๋าไปเสมอ ตลอดจนพนักงานตามร้านค้าที่เอาแต่พูดคำว่าหนีห่าวใส่คนเอเชียทุกคนที่เดินผ่านด้วยสีหน้าแห้งแล้ง ไม่ยินดียินร้ายกับโลก
เอาเป็นว่าเข้าเมืองปารีสครั้งแรกก็สนุกดีแต่จะให้ถ่อสังขารที่โรยราจากการบินข้ามคืนมาเที่ยวทุกรอบก็คงไม่ไหว ไม่ได้ถึงขั้นเกลียดแต่รู้สึกยุ่งยากหากจะต้องเดินทางเข้าเมืองมาเพื่อจิบกาแฟแล้วก็กลับไปนอน ดังนั้นในช่วงสามถึงสี่ปีมานี้ เราเลือกที่จะตื่นแต่เช้าแล้วนั่งรถประจำทางไปห้างสรรพสินค้าใกล้โรงแรมเพื่อเลือกซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต แวะร้านขนมปังเจ้าประจำ แล้วปิดท้ายที่ร้านอาหารไทยเพื่อซื้อกับข้าวใส่กล่อง take away กลับมากินที่ห้อง
Bonjour!
เสียงคุณพนักงานเสิร์ฟกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมกับรอยยิ้มที่มองเห็นได้ชัดเจนทะลุมาส์กดึงเราให้กลับมาออกมาจากห้วงความคิด ก่อนที่จะพูดต่อด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงฝรั่งเศสว่าเราสามารถเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ตามสบาย
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีคน เขากล่าวแกมหัวเราะ
พวกคุณเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกของวันนี้เลยนะ
เรากวาดสายตามองรอบร้านก็ดันไปประสานสายตาเข้ากับชาวปารีเซียงโต๊ะใกล้ ๆ ที่จับจ้องมาด้วยความสงสัยใคร่ครู่ ก่อนจะรีบตวัดเฉไฉไปมองทิศทางอื่นหรือกลับไปจดจ่อกับแก้วกาแฟตรงหน้าของตัวเอง แน่ล่ะ ในช่วงนี้ที่การเดินทางข้ามประเทศทำได้ยากกว่าที่เคย นักท่องเที่ยวเลยเป็นของหายากของปารีสไปแล้วกระมัง
เราเลือกสั่งช็อกโกแลตร้อนและครัวซองต์เป็นมื้อเช้า อายะสั่งกาแฟและเดนิชชินนามอนลูกเกดที่ดูน่ากิน ส่วนโมโจเลือกสั่งช็อกโกแลตร้อนเหมือนเราพ่วงด้วย pain au chocolat อีกหนึ่งชิ้น เมื่อสอบถามรหัสไวไฟจากคุณพนักงานเรียบร้อย เราทั้งสามคนก็เปิดแผนที่เมืองปารีสขึ้นมาเพื่อคุยกันเรื่องเส้นทางการเดินทาง
ทริปเข้าเมืองในวันนี้เป็นไอเดียของอายะและโมโจที่ต่างคนต่างวางแผนกันมาจากบ้านเสียดิบดีว่าใครอยากไปทำอะไรที่ไหนบ้าง อย่าง Café de Flore นี้ก็เป็นความตั้งใจของอายะที่อยากเริ่มต้นวันด้วยกาแฟร้อน ๆ และครัวซองต์หอมกรุ่น สำหรับเส้นทางเดินเล่นในเมืองนั้นโมโจรับหน้าที่เป็นไกด์นำทางเพราะเขามีแพลนสถานที่ที่อยากไปยาวเป็นหางว่าว ส่วนเราผู้ไม่อินังขังขอบกับปารีสเท่าไรแต่ติดสอยห้อยตามมาร่วมแชร์ค่าอูเบอร์ด้วยเพราะมีเป้าหมายในใจคือขอแวะร้านขายสีน้ำตรง Pont du Carrousel เพียงที่เดียวเท่านั้นจึงเออออไปไหนไปด้วยตามแต่ที่สองคนนั้นจะตกลงกัน
มีใครอยากไปไหนเพิ่มเติมอีกบ้างมั้ย โมโจถามหลังจากกดเซฟจุดหมายที่ทุกคนอยากไปเรียบร้อย
อย่างเช่น… ถ่ายรูปชิค ๆ ตรงด้านหน้าหอไอเฟล เขาเสริมพร้อมหรี่ตามองเราและอายะ
ไม่!
เราสองคนตอบแทบจะพร้อมกันก่อนที่จะหัวเราะคิกคัก ส่วนตัวแล้วเราค่อยโล่งใจหน่อยว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดี การได้ออกมาใช้เวลาเลโอเวอร์อันน้อยนิดพร้อมกับลูกเรือที่ไม่งอแงอยากไปเช็คอินถ่ายรูปนับว่าเป็นความโชคดีที่แสนวิเศษ
ย้อนกลับไปสมัยที่เพิ่งจะเริ่มบินใหม่ ๆ เราชอบออกไปเที่ยวกับเพื่อนลูกเรือที่คุยกันคลิกบนไฟล์ทแต่สุดท้ายก็พบว่าเรามักตกอยู่ในสถานะตากล้องประจำกลุ่มอยู่เสมอ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรกับชีวิตนักเพราะชอบถ่ายรูปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แต่การถ่ายรูปมุมเดิมมุมเดียวประมาณยี่สิบรูปแล้วยังใช้ไม่ได้ ต้องกดชัตเตอร์ถ่ายให้ใหม่อีกยี่สิบรูปนี่… ในบางที บางครั้ง บางเวลาก็ท้าทายความอดทนในใจอยู่พอสมควร ประกอบกับยิ่งออกไปเที่ยวกับคนเป็นกลุ่มใหญ่ที่คนนู้นจะเอาอย่างนั้น คนนั้นกินอันนี้ไม่ได้ คนโน้นอยากแวะซื้อของที่ร้านนี้ ความวุ่นวายอันไม่รู้จบนี้ทำให้ช่วงปีที่สามของการทำงานจนถึงปัจจุบัน เราเลือกที่จะออกไปเที่ยวคนเดียวมากกว่า
ทั้งจังหวะก้าวเดินไปตามถนนที่ไม่ต้องรีบเดินให้ทันหรือต้องคอยใคร รวมถึงอยากหยุดถ่ายรูปตรงมุมไหนที่น่าสนใจก็หยิบกล้องมาถ่ายได้เลยโดยไม่ต้องเกรงใจคนที่เดินด้วยกัน แม้ว่าจะดูเหงา ๆ ไปบ้างในบางที แต่การเดินเที่ยวคนเดียวในเมืองใหญ่ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่รู้สึกว่าตัวเราช่างมีอิสระเสรีที่จะได้ทำอะไรตามใจเสียเหลือเกิน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in