เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
from the desert, with loveployapha.j
สวิสเซอร์แลนด์ในฝันของฉัน | ล่องเรือชมทะเลสาบเจนีวา









  • ตอนเด็ก ๆ นั้น คุณพ่อคุณแม่ของเราเคยพาไปร่วมกิจกรรมประกวดวาดภาพในหัวข้อ สวิสเซอร์แลนด์ในฝันของฉัน ค่ะ ซึ่งประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในจินตนาการของเด็กน้อยในวัยประถมก็คือภาพของภูเขาสีเขียว มีนกบิน (วาดเป็นเส้นโคงสองเส้นแล้วมีขีด) มีบ้าน มีรั้วสีขาว มีแกะ และมีธงพื้นขาว เครื่องหมายบวกสีขาวตรงกลางพื้นสีแดง





    แน่นอนว่าสวิสเซอร์แลนด์ในฝันของเราไม่ชนะการประกวด...



    แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในใจว่า
    ชีวิตนี้เราอยากจะไปเห็นประเทศนี้ซักครั้ง


    เพราะอยากจะรู้ว่าสวิสเซอร์แลนด์แท้ที่จริงแล้วนั้นเป็นอย่างไร














    ชมความงามของ Swiss Alps
    ก่อนที่เราจะลดระดับความสูงเพื่อลงจอดที่เจนีวา
















    No filter needed
    สวยมาก สวยจนไม่ลุกไปเก็บผ้าห่มและหูฟังก่อนแลนด์ดิ้ง




















  • มาจะกล่าวบทไปถึง เจนีวา - เมืองหลวงของโลก กันเล็กน้อยพอให้ได้สาระนะเออ


    เจนีวา หรือ เฌอแนฟว์ (เรียกแบบภาษาฝรั่งเศส โดยส่วนตัวแล้วชอบเรียกแบบนี้มาก ๆ มาตั้งแต่ตอนเรียนม.ปลาย รู้สึกว่าพออ่านออกเสียงแล้วมันแกรนด์ ๆ สวย ๆ มากทีเดียว) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสอง รองลงมาจากซูริคค่ะ และเหตุที่เรียกว่าเป็น เมืองหลวงของโลก นั้นก็เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศกว่า 200 องค์กร เช่น UN UNHCR WTO และสภาชากาด




    ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวกระจุ๊กกระจิ๊กอยู่รอบ ๆ เมือง ความเห็นส่วนตัวคือเราสามารถเดินเล่นชมทุกสิ่งได้ภายในวันเดียว ทุกที่อยู่ใกล้ ๆ เกือบหมดเลยนะเออ หรือถ้าขี้เกียจเดินก็สามารถนั่งรถบัสชมเมืองได้เช่นกันค่ะ












    รูปร่างหน้าตาของบัตรโดยสารฟรีสำหรับนักท่องเที่ยว
    จะขึ้นรถ ลงเรือ ก็เบ็ดเสร็จอยู่ในบัตรเดียวเลย

    ด้านหลังของบัตรมีช่องให้กรอกนามสกุล + เตรียมพกรูปถ่ายพาสสปอร์ตไปด้วยนะเออ
    เพราะจะมีเจ้าหน้าที่แรนดอมเช็คอยู่ตลอดค่ะ



























    ช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิค่ะ อากาศยังคงหนาวอยู่ แต่ท้องฟังเริ่มกลับมาสดใสด้วยแสงแดด และก็เริ่มมีสีสันของดอกไม้เข้ามาบอกลาความทึมเทาของฤดูหนาว



















































    และแล้วเราก็เดินมาถึงถนนช้อปปิ้งหลักของเจนีวา นั่นก็คือ Rue de Rhône ค่ะ ถนนสายนี้นั้นรวบรวมช็อปไฮเอนด์แบรนด์ต่าง ๆ ไว้ในที่เดียว เรียกได้ว่าครบทุกอย่าง ทุกแบรนด์เลยจ้า แต่ด้วยความที่เรามาเยือนที่นี่ในวันอาทิตย์ ทุกอย่างเลยปิดเด้อ ทำได้แต่เพียงเมี่ยงมองดูดิสเพลหน้าร้านเท่านั้นจ้ะ (อย่างไรก็ตาม การซื้อสินค้าแบรนด์เนมที่นี่นั้นก็...แพงมากจ้า เนื่องจากค่าครองชีพที่นี่สูงม๊ากมาก ราคาสินค้าจึงสูงตามไปด้วย แม้จะขอคืนภาษีก็ยังไม่คุ้มเด้อ หากมาเที่ยวเอง โปรดเก็บเงินของท่านไว้ไปละลายที่ฝรั่งเศสหรือเยอรมันจะดีกว่าค่ะ -- อนึ่ง หากท่านจะซื้อนาฬิกา ก็น่าจะมีของมีรุ่นที่อยากได้นะคะ)

















    และถนนช้อปปิ้งอีกสายหนึ่งที่ขายของไฮสตรีทแบรนด์ อยู่ขนานกันเลยคือ Rue du Marché ค่ะ และด้วยความยุโรปนั่นแหละหนา ทุกอย่างก็ปิดเช่นเดียวกันจ้ะ ขนาดซุปเปอร์มาร์เก็ตยังปิดเลยค่ะคุณขา การใช้ชีวิตในภาคพื้นทวีปนี้มันก็ลำบากเหมือนกันนะเนี่ย ทุกอย่างเปิดช้า ปิดเร็ว วันอาทิตย์หยุดกันหมด เฮ้อ จุดนี้นั้นสู้บ้านเราไม่ได้นะจ๊ะ หิวเมื่อไรก็มีของกิน เซเว่นเปิดตลอด ตีสามยังสามารถซดหมี่เกี๊ยวและข้าวต้มริมทางพร้อมส้มตำได้













    หลังจากเดินซอกแซกตามตรอกซอกซอย เกาะกระจกดูนั่นนี่ เราก็เดินข้ามถนนมาที่สวน Jardin Anglais (แปลความได้ว่าสวนอังกฤษ) ซึ่งมีแลนด์มาร์กสำคัญคือนาฬิกาดอกไม้
















    นาฬิกาดอกไม้ L'horloge fleurie เป็นต้นแบบของนาฬิกาดอกไม้ของทั้งประเทศค่ะ ถ้าเราไปเที่ยวสวนต่าง ๆ ในสวิสเซอร์แลนด์ก็จะเจอนาฬิกาแบบนี้นี่แหละฮะ และเขาก็จะเปลี่ยนดอกไม้วนปลูกไปตามฤดูด้วยนะเออ










    ไม่ใกล้ไม่ไกลจากนาฬิกาดอกไม้ เราก็จะพบกับอนุสาวรีย์ Monument National ที่เป็นอนุสรณ์แห่งการรวมชาติของเจนีวาและสวิสเซอร์แลนด์ ในปี ค.ศ. 1814



































    ท่าเรือ Genève Jardin Anglais







    และเมื่อเราเดินมาถึงตรงริม ทะเลสาบเจนีวา ซึ่งเป็นทะเลสาปน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เราก็จะพบกับ The Geneva Water Fountain หรือชื่อในภาษาฝรั่งเศสคือ Jet d'Eau ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเจนีวาจ้ะ


    ความจริงที่ได้ทราบมาก็คือ เขาไม่ได้ต้องการให้เจ้า Jet d'Eau นี้เป็นแลนด์มาร์กอะไรหรอก เพราะจุดมุ่งหมายคือสร้างขึ้นเพื่อลดแรงดันน้ำในทะเลสาบเท่านั้น แต่เผอิญว่าเจ้าน้ำพุนี่ดันพุ่งขึ้นไปสูงมาก ๆ แล้วมันพุ่งขึ้นสูงแบบเดี่ยว ๆ โดดเด่นตัดกับภูมิทัศน์โดยรอบ เลยกลายเป็นจุดที่คนให้ความสนใจมาถ่ายรูปและกลายเป็นหนึ่งในจุดที่ทุกคนต้องมาชมนั่นเอง





















    จริง ๆ ทริปนี้ของเราก็จะจบลงเท่านี้แหละค่ะ เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ทุกอย่างปิดทำการกันหมด จะไปพิพิธภัณฑ์ก็ไม่ได้ จะไปช้อปปิ้งก็ไม่มีอะไรเปิด ถ้าหมดจากการเดินเล่นในโซนนี้ของเมืองก็ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เหลือแต่นั่งรถบัสไปตรงองค์การสหประชาชาติเท่านั้นแล





    เราเลยกะว่าจะไปหาชีสฟองดูว์ทานเป็นอาหารกลางวัน แต่แล้วสายตาก็ไปป๊ะกับป้ายตรงท่าเรือว่ามีบริการล่องเรือชมทะเลสาปเจนีวาพร้อมอาหารกลางวัน เลยตกลงปลงใจไปซื้อตั๋วมาค่ะ (ค่าตั๋วเรือ 39 CHF รวมเซ็ตอาหารกลางวันอีก 65 CHF ก็...คิดว่าไหน ๆ ก็มาแล้วอะเน้ออออ จัดไปฮะ!)









    ร้านอาหาร Le Savoie ที่เก๋ไก่อยู่บนเรือเจ้าค่ะ












    ระหว่างที่เรารอเรือออกจากท่าก็มีเวลาให้เดินเล่นกุ๊กกิ๊กชมเมืองประมาณชั่วโมงนิด ๆ เราก็เลยไปเดินดูร้านรวงต่าง ๆ ใน Rue de Rhône และปิดท้ายด้วยการนั่งจิบช็อคโกแลตร้อนแก้หนาวค่ะ











    วินัยและความรับผิดชอบต่อส่วนรวมเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง
    แสดงให้เห็นถึงคุณภาพชีวิตและคุณภาพประชากรที่แท้
    พาน้องหมามาเดินเล่นก็ต้องเก็บกวาดนะจ๊ะ

























































































  • ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับร้าน Le Savoie


    อย่างที่กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่าทางร้านมีให้บริการทั้งอาหารกลางวัน โดยเริ่มออกเรือตอน 12:15 น. และอาหารเย็นตอน 19:00 น. หากมาในช่วงหน้าร้อน ไฮซีซั่นควรจะติดต่อจองให้เรียบร้อยก่อนนะเออ เราโชคดีที่เดินมางง ๆ แล้วยังคงเหลือที่นั่งอยู่บ้าง


    และเมนูอาหารนั้นก็สามารถสั่งแยกจานได้ ไม่จำเป็นจะต้องทานครบคอร์สนะเออ หรือถ้าแค่อยากจะมานั่งจิบไวน์รับลมเฉย ๆ ก็ย่อมได้ หรือจะไม่ทานอาหารก็ได้ เขาก็จะมีโซนให้นั่งชมวิวจ้ะ


    หากสนใจอยากอ่านเพิ่มเติมก็แวะเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของทางร้านได้เลยค่ะ >>Le Savoie


     อนึ่ง ข้าพเจ้าเขียนมายาวเหยียดนี้ก็ไม่ได้สปอนเซอร์นะเออ อธิบายขยายความเฉย ๆ ฮ่า




















    ถ่ายกับน้องอิน ผู้ร่วมขบวนการมาตั้งแต่ทริปเที่ยว Hobbiton :)
    ได้มาบินด้วยกันอีกแล้ว เย่


















    รู้สึกว่าต้องถ่ายกับธงยังไงก็ไม่รู้สิ
    วิถีทัวร์ริสมากที่สุดดดดดดดดด

















    ขึ้นเรือมาแล้วจ้า ;)

















    บรรยากาศภายในเรือค่ะ ตรงนี้เป็นส่วนบาร์

















    โซนที่เรานั่งจะเรียกว่าเป็นโซนชั้นหนึ่ง อยู่ชั้นด้านบนของเรือ
    หากไม่ทานอาหารก็จะมีที่ให้นั่งด้านล่างนะเออ































    แวะมาดูตรงห้องเครื่องจ้ะ

































    ห้องอาหารด้านล่าง

















  • ในที่สุดเรือก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากท่าพร้อมกับเสียงหวูดปุ๊น ๆ ของเครื่องจักร เราสั่งอาหารเรียบร้อยก็นั่งทอดสายตาชมความงามของทะเลสาบน้ำสีฟ้าใสต้องเป็นประกายระยิบระยับกับแสงแดด









    เห็นเทือกเขาอยู่ลิบ ๆ ด้วย

















    เรือเหลือง ๆ นี่คือ Water Taxi ใช้เดินทางข้ามทะเลสาบค่ะ
















    ตรงนี้เป็นสระว่ายน้ำและร้านอาหาร ตั้งอยู่กลางทะเลสาบ
    มีคนมาปิ้งตัวเองกับแสงแดดเยอะแยะมากมาย บ้างก็ว่ายน้ำในทะเลสาบด้วย
    ซึ่งเราผู้ขดตัวเพราะความหนาวตลอดเวลาเห็นแล้วก็ยอมรับนับถือเป็นที่สุด





















    เดินต่อมาอีกหน่าอยก็จะพบกับอีกหนึ่งแลนด์มาร์กจุดถ่ายรูปค่ะ













































    รูปนี้ไม่ได้ปรับใส่ฟิลเตอร์อะไรเลย
    น้ำใสมากกกกกกกกกกกกกกกกก


















    ท้องฟ้า ภูเขา เมือง ทะเลสาบ















  • มาทานอาหารกลางวันกันดีกว่า!






    จานแรกที่มาเสิร์ฟคือออร์เดิร์ฟที่จะสลับสับเปลี่ยนไปในแต่ละวัน/ฤดูค่ะ
    เรียกได้ว่าตามใจเชฟและวัตถุดิบที่หาได้เลย


    เมนูนี้เราไม่ทราบว่าคืออะไร แต่อร่อย!



















    จานที่สองเป็นเมนูหอยในน้ำมันพิตาชิโอค่ะ
    มีครีมซอสที่ทำจากต้นอาร์ติโชกประกอบ
    แซมด้วยใบมัสตาร์ดที่ให้ความหอมมาตัดความเลี่ยน


    อร่อยม๊ากกกกกกกกกกกกก













    เข้ามาสู่อาหารจานหลักกันบ้างนะเออ






    เมนูปลาคอตในซอสมะพร้าว เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งอบ
    โอ้ย ดีงาม




    และ








    เนื้ออบกับมันฝรั่ง
    จานนี้ของน้องอินค่ะ แอบชิมนิดนึงก็ว่าดีงาม

    ใครชอบเนื้อควรสั่งเป็นอย่างยิ่ง!










    ปิดท้ายกับเมนูของหวาน

    เค้กเลมอนเมอแรงค์แสนอร่อย















    มื้อนี้บอกเลยว่าฟินมากกกกกกกกกกกกกกกกกก เพราะนอกจากอาหารจะอร่อยถูกปากแล้ว ภาพวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบเจนีวาก็งดงามมาก ๆ เลยค่ะ







    เนี่ย...






















    ทานอาหารไป นั่งชมวิวแบบนี้ไปเนี่ยยยยย






















    เป็นช่วงคืนกำไรให้แก่ชีวิต
    คนเราทำงานหนักมาก็เพื่อใช้ชีวิตแบบนี้นี่แหละ


























































  • หลังจากอิ่มท้องกับอาหารแสนอร่อย และอิ่มตาอิ่มใจกับความงามของทะเลสาบเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับมาเดินเล่นรอบ ๆ กันนิดหน่อยก่อนที่จะกลับโรงแรมค่ะ








































































    เสียดายที่เราไม่ได้ลงไปดูตรงองค์การสหประชาชาติเพราะเขายืนถือป้ายประท้วงอะไรกันก็ไม่ทราบ คนค่อนข้างวุ่นวาย เลยทำได้เพียงถ่ายรูปจากบนรถบัสค่ะ









































    พอออกมานอกเมืองก็จะเจอบ้านและร้านอาหารเล็ก ๆ น่ารักแบบนี้


















    ตึกหลังโรงแรมเด้อ



















    ทุ่งดอกไม้กุ๊กกิ๊ก













    สวิสเซอร์แลนด์ในฝันของฉันกับเมืองเจนีวาก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ค่ะ
    ไฟล์ทต่อไปเราจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง อย่าลืมแวะเวียนเข้ามาติดตามอ่านกันได้นะคะ

















    ด้วยรัก...จากทะเลทราย




    :)






Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
kanda (@kowsoi)
ใช้กล้องของอะไรเหรอคะ รูปสวยมากก
ployapha.j (@ployapha.j)
@kowsoi ขอบคุณมากนะคะ เราใช้ iphone 7 plus ค่ะ แต่งสีใน VSCO ส่วนภาพที่หลังละลายใช้แอป Focos ถ่ายค่า