เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
from the desert, with loveployapha.j
นาริตะฟู้ดไดอารี่ แนะนำร้านอาหารดีๆที่ไม่ควรพลาด








  • เดือนกันยายนนี้เป็นเดือนแห่ง Top Bid ของเราค่ะ ซึ่งเป็นเดือนที่ตารางบินดีงามที่สุดในรอบ 7 เดือน เพราะขออะไรไป ทาง Rostering team ก็จะใจดียอมให้ ฮิฮิ เดือนนี้เราเลยได้ไทเปมาหนึ่งหน่วย ที่ไปกินชาบูหมาล่าและตื่นไปกินน้ำเต้าหู้ยามเช้า ไปโอ๊คแลนด์เพื่อไปเที่ยวที่ฮอบบิทตันตามที่เล่าให้อ่านกันไปในตอนที่แล้ว ได้กรุงเทพมาหนึ่งไฟล์ท และได้ นาริตะ มาสองไฟล์ทจ้ะ



    ด้วยความที่เราขี้เกียจเข้าโตเกียวก็เลยเดินเล่น กินวนไปในนาริตะนั่นแหละ จึงเกิดมาเป็น ด้วยรัก...จากทะเลทราย ในตอนนี้ ที่รวบรวมร้านอร่อยในเมืองนาริตะไว้ เผื่อว่าใครจะตามรอยไปชิมกันบ้างนะเออ♡













    มาค่ะ ตามมากินกันได้เล้ย!!



    มาประเดิมกันที่อาหารเย็นของไฟล์ทแรกกับเซ็ตข้าวเทมปุระชุดนี้!!





    ?: 
    AEON Mall - เดินเข้าประตูด้านหน้ามาปุ๊บจะเจอกับสตาร์บัค
    ร้านอยู่ตรงข้าม เยื้องไปทางด้านซ้าย


    ? :
    น่าจะอยู่ที่ 1,700 เยน


    ?: 
    ที่ร้านมีให้เลือก 2 แบบคือเป็นเซ็ตข้าวหรือว่าเป็นเส้นโซบะ
    ซึ่งเราก็เลือกเป็นข้าว ตามภาพที่เห็นนั่นแหละ

    จริงๆเทมปุระมีมาเพิ่มอีก เป็นผักก้อนๆใหญ่ๆ ที่อร่อยมากกกกก

    ความดีงามคือไม่อมน้ำมัน ทอดให้เห็นกันต่อหน้า ซู่ซ่าในอุรายิ่งนัก
    เครื่องเคียงปลาหมึกซักอย่าง(จานเล็ก มุมซ้ายบน) อร่อยดี เค็มๆ คลุกข้าวแล้วฟินดี

    ข้าวและน้ำซุปรีฟิล เติมได้ไม่อั้น เราเลยเต็มข้าวไปสอง ซุปไปสาม ตามสไตล์คนหิว






    ถ้ากลัวจะหาไม่เจอ หน้าร้านหน้าตาเป็นแบบนี้เด้อ



    เหมาะควรแก่การแวะมากินตอนหลังแลนด์แล้วช้อปปิ้งในห้างต่อ
    เดินไปดองกี้และอื่นๆได้ตามสะดวก
    (หากไม่อยากมาห้างก็วาร์ปตัวเองไปแถวๆ Narita Station หรือนั่งบัสฟรีไปที่สนามบินก็ได้)









    และเขาว่ากินคาวไม่กินหวาน สันดานไพร่
    คนจนๆอย่างเราที่อยากจะเก็บ allowance ไว้ช้อปปิ้งแต่ก็ริอยากจะกินขนม
    โปรดจงมาที่ร้าน Ginza Cozy Corner เด้อ
    นี่คือร้านขนมสุดโปรดของข้าพเจ้าเองจ้ะ





    หน้าตาสิ่งที่ได้มาจากหน้าร้าน




    ?:
    AEON Mall เป็นเคาเตอร์หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต
    เป็นร้านสีส้มๆ มีเค้กและครีมพัฟมากมาย


    ?:
    จำราคาไม่ได้ แต่เราชอบไปซื้อดึกๆก่อนห้างปิด
    เพราะกว่าจะแลนด์ กว่าจะถึงห้อง กว่าจะกินข้าวเสร็จก็เกือบสามทุ่ม
    ทุกอย่างมันเลยลดราคา ดีงามมมมมมม


    ?:
    ซ้าย - เป็นสตอร์วเบอร์รี่ซอฟท์เค้กที่เนื้อละมุนมาก
    วิปครีมละไมลิ้น สตอร์วเบอร์รี่ชิ้นบึ้ม
    กินแล้วต้องมานั่งสำนึกผิดทีหลังว่าทำไมต้องซื้อมาด้วยวะ
    แต่มันดีอะ เออ ยอมโว้ย

    กลาง - ร้านนี้เขาดังเรื่องครีมพัฟ เลยมีหลายรสให้เลือก
    อันนี้เป็น seasonal cream puff ที่มีขายเฉพาะช่วงนี้
    เป็นไส้ครีมฟักทอง ต้อนรับเทศกาล Halloween

    ขวา - ครีมฟัฟไส้ครีมปกติที่ดีงามเหลือเกิน ดีไปหม๊ดดดดดดด













  • วันต่อมาเราตั้งใจจะไปเดินเล่นแถวๆ Narita Station ก็เลยไปหาของกินแถวนั้น
    ซึ่งก็หนีไม่พ้น...ข้าวหน้าปลาไหลลลลลล









    ?:
    ทางเดินไปที่วัดนาริตะซังนั่นแหละ
    ซึ่งมันมีอยู่หลายร้าน แต่ร้านที่เราไปนั้นอยู่ตรงข้ามกับ Narita Tourist Center
    ชื่อว่าร้าน Kawatoyo

    หากกลัวหาไม่เจอก็เล็งว่าหน้าร้านเขาหน้าตาประมาณนี้เด้อ



    แล่ปลากันหน้าร้านนี่แหละ
    ตอนแรกคิดว่าจะไม่กินเพราะรู้สึกสะเทือนใจ
    แต่ก็นะ... ขอโทษค่ะที่หนูเป็นคนบาป ฮือออออออ


    ?:
    มีให้เลือกหลายราคา ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาปลาเยอะหรือน้อย
    แต่ของเราคือเซ็ต Jo-Unaju ราคา 3,600 เยน
    บวกกับซุปอีก 100 เยน


    ?:
    คนญี่ปุ่นเชื่อว่าเนื้อปลาไหลนั้นเป็นอาหารเพิ่มพลัง
    เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินมากมาย ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูจากความเหนื่อยล้า

    และในนาริตะนี้ก็มีแม่น้ำและทะเลสาบน้อยใหญ่มากมาย
    ทำให้มีปลาไหลมาชุมนุมประชุมใจรักสมัครสมานเยอะแยะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมที่นี่ถึงมีร้านขายข้าวหน้าปลาไหลย่างหลายร้านเหลือเกิน

    ซึ่งร้าน Kawatoyo แห่งนี้ก็เปิดให้บริการมามากกว่า 100 ปี!
    ซึ่งเป็นร้านที่เปิดมายาวนานที่สุดในย่านนี้ ฮิปสเตอร์มาก before ข้าวหน้าปลาไหล was cool ที่แท้

    สำหรับความอร่อยนั้นก็อลังการงานสร้างมากๆ
    เนื้อปลาสดมาก ผ่านการแล่อย่างพิถีพิถัน ไร้ก้างมากวนใจ
    ปริมาณของซอสก็พอดิบพอดี ไม่เยอะเกินจนทำให้ข้าวแฉะ

    เราโรยพริกไทยป่นญี่ปุ่นนิดหน่อยเพื่อเพิ่มความซู่ซ่า
    แต่ขอเตือนว่าอย่าโรยเยอะเพราะมันซ่า ไม่เหมือนพริกไทยบ้านเราแต่อย่างใด
    โรยมากๆมันทำให้ลิ้นชาได้นะจ๊ะ ส่งผลให้เราไม่ได้รับรสชาติของปลาไหลได้อย่างเต็มที่

    ส่วนน้ำซุปตับปลาไหลนั้นก็งามงด
    ไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่นิดเดียว
    เป็นตัวช่วยตัดรสความเข้มข้นของข้าวหน้าปลาไหลได้ดี
    ใครไม่ชอบกินเครื่องในก็ซื้อมาซดแต่น้ำซุปก็ได้นะ

    สรุปคืออร่อยมาก อร่อยยันผักดองอะแกเอ๊ย








    เพิ่มเติมนิดนึงว่าต้องรับบัตรคิวก่อนนะจ๊ะ
    รับแล้วอย่าเดินไปไหน ให้รออยู่หน้าร้าน เพราะแม้ว่าคนเยอะแต่คิวก็รันเร็วพอควร
    โดยเฉพาะใครที่ฉายเดียวไปคนเดียวแบบอิฉันนะเออ











    ปิดท้ายด้วยของหวาน




    ?:
    ถนนเส้นเดียวกันนั่นแหละ หน้าร้านมีน้องวัวอยู่
    เขาขายไอติมและนมที่ดูน่ากินม๊ากมาก
    (น้องคนขายเป็นเด็กสาววัยละอ่อนที่น่ารักมากเลยด้วย)



    ?:
    200 เยนราคาตามมาตรฐานของซอฟครีม


    ?:
    แกเคยผิดหวังกับซอฟครีมในญี่ปุ่นหรอวะ
    ไม่เค๊ย ดีงามมมมมมมมมมมมมมมมมมม




















  • อาหารเย็นในไฟล์ทต่อมานั้นเราวาร์ปตัวเองไปกินปิ้งย่างยากินิคุจ้า
    เนื่องจากไฟล์ทนี้เราบินกับทีมไทยมาเฟียที่มีจำนวนมากกว่าลูกเรือญี่ปุ่นบนไฟล์ทเสียอีก ฮิฮิ




    จัดไปกับร้านหัววัว Tanakasyouten






    ?:
    นั่งบัสฟรีมาลงที่ Narita Station เดินไปทางเดียวกับที่จะไปวัดนั่นแหละ
    ตัวร้านอยู่ในซอยเล็กๆ กูเกิลเอานะ


    ?:
    ที่นี่เป็น a-la cart ไม่ใช่บุฟเฟ่แต่อย่างใด
    กินน้อยจ่ายน้อย กินมากจ่ายมาก ตามกำลังศรัทธาและความจุของกระเพาะอาหาร


    ?:
    ในร้านมีเนื้อให้เลือกหลากหลายที่ดีงามเหลือเกิน
    มีหมูด้วยเหมือนกันแต่มีให้เลือกจิ๊บจ้อยมากๆ

    ก็... สั่งเลย อร่อยทุกอย่างงงงงงงงง เย่





    แด่ดราม่าบนไฟล์ทที่ข้าพเจ้าตกเป็นเหยื่ออธรรมอีกแล้วเด้อ












































    เสียงเนื้อบนเตา บอกให้เราซู่ซู่!





    ขอเว้นวรรคจากการทานเนื้อสัตว์มา ณ ที่นี้ด้วย
    ฮืออออ ขอบคุณน้องวัวที่อุทิศชีวิตเพื่อเรา TT^TT









    สำหรับของหวานตบท้ายนั้น
    เราก็ไปได้สิ่งเหล่านี้มาจาก Family Mart


    ?:
    Family Mart และร้านสะดวกซื้อทั่วญี่ปุ่น(และไต้หวัน)


    ?:
    ไม่เกิน 300 เยน


    ?:




    คนรักชาเขียวต้องลอง!
    เป็นคุกกี้ไอศกรีมแซนด์วิชที่ดีงามมากเลยเด้อ













    ไอติมโมจิ










    แต่ที่ดีที่สุด เรายกให้กับอันนี้จ้า


    เป็นเชอร์เบ็ตรสองุ่นกลมๆ เปรี้ยวๆหวานๆ เหมือนกินองุ่นจริงๆ
    รักมาก ทุกวันนี้ยังอยากกินอยู่เลย

















  • เพราะอาหารเช้าเป็นมื้ออาหารที่สำคัญที่สุดของวัน
    เราเลยตื่นเช้าเพื่อมานั่งจิบลาเต้ชาเขียวร้อนๆที่ Hashira Deli & Cafe








    ?:
    จากด้านหน้า JR Narita Station หันหน้าเข้าลานจอดรถบัส
    ให้เดินเข้าซอยแรกที่อยู่ด้านขวามือ

    ถ้าหาไม่เจอก็กูเกิลเอานะจ๊ะ


    ?:
    Matcha Latte 200 เยน
    Avocado Cheese Toast  500 เยน


    ?:
    ทุกอย่างในร้านน่ารักกุ๊กกิ๊กไปหมด
    ทั้งสไตล์การแต่งร้าน ของแฮนด์เมดที่ขาย
    จนถึงลาเต้อาร์ตบนแก้วกาแฟ

    โอ๊ยยย รักกกกก อยากนั่งอยู่ในนี้นานๆ
    เหมาะควรแก่การเอาหนังสือมานั่งอ่านในวันที่อากาศครึ้ม





    ภายในร้านน่ารักและอบอุ่นมากกกกก










    กรี๊ดมั๊ยล่ะแก มุ้งมิ้งมากถึงมากที่สุดดดดดดดดดดด
    อ้อ ถ้าแพ้นมวัวก็บอกให้เขาเปลี่ยนเป็นนมถั่วเหลืองได้นะจ๊ะ












    หนมปังก็ดี๊ดีแบบดี๊ดีเหลือเกิน สุขใจ
    เป็นอาหารเช้าง่ายๆที่น่ารักม๊ากมาก♡















    ข้าพเจ้าเองที่ปลื้มปริ่มกับลาเต้อาร์ตสุดน่ารัก
    และหน้าเริ่มกลม แก้มเริ่มออกเพราะกินเยอะ ฮิ















    สำหรับอาหารกลางวันนั้นเราก็ไปต่อกันที่ซูชิน่าล้นนนนนน
    Edokkozushi







    ?:
    ทางไปวัดนาริตะซังเช่นเคย อยู่ติดริมถนนเลยจ้า


    ?:
    จะสั่งเป็นเซ็ตหรือเป็นคำก็ได้ เราไปโดนเซ็ตนี้ตามภาพมา
    และสั่งเป็นคำแยกอีกที งดงาม จำราคาไม่ได้ แค่เกินคำว่าคุ้มอะ


    ?:
    คนเราจะอดทนทำงานหนักมาเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเอามากินของอร่อย!

    ทุก อย่าง มัน ดี งาม มาก มาก มาก มาก จริง จริง

    ไปลองเองเถอะ สุดมากกกกกกกกกก ประหนึ่งอยู่ในมังงะเกี่ยวกับอาหารอะ
    รีแอคชั่นที่กินคือประมาณนั้นเลย โอ้ววววววว เหมือนมีแสงทองส่องจากฟากฟ้าาาาา





    หอยนี่ก็ดีมาก ใหญ่มากเกือบติดคอ
    โอ้ยยยย ดี๊!!!











    ปิดท้ายก่อนไปบินกลับดูไบด้วยชาเขียวอีกหนึ่งหน่วย
    รีบดูดฟืดๆให้หมดในรถบัสก่อนที่จะถึงสนามบิน
    เหตุที่กินชาเขียวเพราะเขาว่ามันมีคาเฟอีนมากกว่ากาแฟอีกนะเฮ้ย





    ไม่เคยเห็นสิ่งนี้ที่ไหนนอกจากในญี่ปุ่น
    พบเห็นที่อื่นโปรดบอกบุญด้วย ข้าพเจ้านั้นรัก matcha latte เป็นที่สุดดดดด















    ส่วนอาหารเย็นนั้นเราก็ซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใน AEON Mall ขึ้นไปกินบนเครื่องจ้า











    ส่วนสลัดด้านขวาบนนั้นเอามาจาก Crew Cart ซึ่งเป็นอาหารของลูกเรือจ้า
    จริงๆกินข้าวกับเห็ดผัดอีกหนึ่งจานด้วย
    และต่อด้วยเซ็ตอาหารตามภาพด้านล่าง อภินันทนาการจากบิสเนสคลาสสสสส









    (จริงๆกินไอติมฮาเกน-ดาซส์รสชาเขียวด้วย ดอยมาจากบิสเนสคลาสเช่นกัน)







    นาริตะฟู้ดไดอารี่ก็ขอจบการรายงานแต่เพียงเท่านี้
    จากนี้เป็นต้นไปก็ต้องเข้ายิมไปชดใช้กรรมแล้วนะเออ


    หวังว่าเรื่องราวของเราในตอนนี้จะเป็นประโยชน์ให้แก่มิตรรักนักอ่านทุกท่าน
    หากต้องต่อรอต่อเครื่องที่นั่นหรือไปเลโอเวอร์แล้วไม่รู้ว่าจะไปกินอะไรดี



    สำหรับทริปหน้าจะพาไปกินอะไรที่ไหนอีก
    อย่าลืมติดตามกันด้วยนะค้าาาา






    ด้วยรัก...จากนาริตะ ดินแดนที่รวบรวมลูกเรือจากทั่วทุกมุมโลก
    เดินไปทุกๆสามก้าวจะได้ยินคนพูดภาษาไทยเหมือนเดินอยู่ในสยาม คริคริ














    ตามไปพูดคุยกุ๊กกิ๊กกันต่อได้ที่
    #ด้วยรักจากทะเลทราย
    #withlovefromthedesert
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in