ทั้งนี้ หลังจากใช้เวลาอันยาวนานในการทำงานศิลปะชิ้นเอกบนแผ่นกระจกขนาดใหญ่อย่าง
The Bride Stripped Bare by Her Bachelors, Even (1915-1923) หรือเรียกสั้นๆ ว่า
The Large Glass ซึ่งสร้างความงุนงงสงสัยให้คนดูจนทุกวันนี้ว่ามันคืออะไรกันแน่ (ระหว่างนั้น ดูชองป์สร้างตัวตนที่สองของเขาขึ้นมาในร่างของหญิงสาวชื่อว่า โรส เซลาวี (Rrose Sélavy) โดยทำงานศิลปะ ตีพิมพ์งานเขียน ถ่ายภาพแฟชั่นในนามของเธอออกมา และไปๆ มาๆ ดูชองป์ก็แต่งหญิงขึ้นไม่ใช่เล่นเหมือนกัน!) แต่จู่ๆ ในปี 1923 เขาก็ประกาศเลิกทำงานศิลปะโดยสิ้นเชิง และหันไปทุ่มเทให้กับการเล่นหมากรุกจนกลายเป็นเซียนหมากรุกมืออาชีพ และเป็นหนึ่งในตัวแทนทีมชาติฝรั่งเศสเข้าร่วมการแข่งขันหมากรุกสากลระดับโลกโน่นเลย
ดูชองป์เสียชีวิตในปี 1968 จากอาการหัวใจวายระหว่างกินมื้อเย็นกับเพื่อนๆ
ตอนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าเขาได้ทิ้งเซอร์ไพรส์สิ่งสุดท้ายเอาไว้ เพราะหลังจากนั้นเกือบหนึ่งปี งานชิ้นใหม่ที่เขาแอบซุ่มทำถึง 20 ปี ก็เปิดแสดงขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะฟิลาเดลเฟีย
ผลงานชิ้นนั้นมีชื่อเรียกว่า Étant donnés: 1 ํ la chute d’eau / 2 ํ le gaz d’éclairage (หรือในภาษาอังกฤษว่า Given: 1. The Waterfall, 2. The Illuminating Gas / 1946-1966) ประกอบด้วยประตูไม้ขนาดใหญ่สองบานที่มีรูเล็กๆ สองรูให้แอบมอง เมื่อมองผ่านรูเข้าไปข้างในจะเห็นกำแพงอิฐแตกๆ ให้มองลอดไปเห็นภาพหญิงสาวที่ในมือชูตะเกียงส่องสว่างนอนเปลือยกายอ้าซ่าอยู่บนกองกิ่งไม้แห้ง
มันเป็นงานที่แปลกประหลาดและสร้างความตื่นตะลึงให้ ผู้ชมที่สุดอีกชิ้นหนึ่งของดูชองป์ งานชิ้นนี้ทำให้คนดูรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับพวกโรคจิตถ้ำมอง ซึ่งแน่นอนว่าดูชองป์ผู้ล่วงลับที่ใครหลายคนคิดว่าเลิกทำงานศิลปะไปนานกว่ายี่สิบปีแล้วก็ยังหวนกลับมาช็อกทุกคนจนหัวทิ่มหัวตำได้อีกครั้งเหมือนอย่างเคย
ดูชองป์ตั้งคำถามถึงคนทำงานศิลปะในศตวรรษข้างหน้าและอาจจะในศตวรรษต่อๆ ไปว่า ศิลปะคืออะไร? มันควรจะสวยงามและมีความหมายไหม? มันควรจะเป็นสิ่งที่ศิลปินทำได้แต่เพียงผู้เดียวหรือไม่? หรือแม้แต่ควรจะถูกสร้างขึ้นมาไหม? ซึ่งศิลปินในยุคหลังทุกคนต่างก็ต้องตอบคำถามนี้กันถ้วนหน้า เรียกว่าเป็นการท้าทายครั้งสุดท้ายของแบดบอยแห่งวงการศิลปะผู้นี้ก็ว่าได้
ตัวตายไปแล้วยังปั่นหัวคนเล่นได้
แน่ไหมล่ะ ป๊ะป๋าดูชองป์ของเรา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in