สวัสดีค่า ได้มีเวลาเอางานเก่ามาลงแล้ว แฮ่ เคยเขียนไว้นานมากแล้วที่ exteen ลองย้ายเอามาลงที่นี่ด้วยดีกว่า
ตามเคย เราเอาเรื่องเล่ามาจากตอนที่เราไปแลกเปลี่ยนที่อิตาลี ปี 2015-2016
ตอนนี้ไม่มีเงินไปไหน ก็หากินกับของเก่าเนี่ยแหละเนอะ ก๊าก ไปเที่ยวกัน ป่ะ!
ทริปนี้เกิดจาก…
ช่วงประมาณกลางเดือนมิถุนาอีกประมาณเดือนนึงจะกลับไทย เพื่อนสาวมิลานส่งข้อความมาชวนว่าไปเที่ยวปิซ่ากันมั้ย เราอยู่อิตาลีมาจนอีกไม่กี่วันเราจะได้กลับไทยแล้วนะ จะไม่ไปจริงๆเรอะ ไปกันเหอะ เราก็ เออๆไปก็ได้แต่อยากไป Cinque Terre ด้วยอะ ไปด้วยกันนะ
เราตกลงกันเสร็จสรรพเลยเดินไปถามโฮสว่าจะโอเคไหม ถ้าสิ้นเดือนนี้เราจะไปเที่ยวกับเพื่อน
โฮสแด๊ดตะโกนมาน่ากลัวมาก“ไม่ได้!! ไปไม่ได้เด็ดขาด” ใจร่วงไปตาตุ่ม..หนูไปทำอะไรผิดมาคะทำไมขึ้นเสียงโกรธหนูขนาดนั้น TwT
โฮสแด๊ดเลยทำหน้าแบบอัดอั้นตันใจอะไรสักอย่างสุดท้าย โฮสก็บอกความจริงก็คือ พวกเราจะพาคุณไปเที่ยวเป็นของขวัญวันเกิดไง! คุณมาชิงจะไปแบบนี้พวกเราเลยเสียแผนเซอร์ไพรส์หมดเลยเนี่ยเห็นมั้ย
แง.......โฮสต์น่าร้ากกกกกกกกกกกจะพาไปเที่ยวเป็นของขวัญวันเกิดด้วย ก็ว่าอยู่ วันก่อนๆนั่งคุยกับอลิเชน้องก็ชวนคุยเรื่องเที่ยว เราก็บอกอยากไปมานาโรล่าแต่ไหนแต่ไรเวลาคนถามว่าทำไมมาอิตาลี เราตอบทุกครั้งว่าอยากไปมานาโรล่า ละน้องก็ถามอีกแล้วอยากไปที่อื่นอีกไหม เราก็เลยบอกน่าจะตูรินมั้งเพราะมันมีพิพิธภัณฑ์อียิปต์ (อนึ่ง นี่เป็นคนชอบอะไรอียิปต์มาก ตอนเด็กถึงกับคิดว่า ตายไปกะจะทำตัวเองเป็นมัมมี่แต่นึกได้อีกที เอ๊ะ ไม่มีใครทำพีระมิดให้เรานี่นา เลยล้มเลิกความคิดไป..)
โฮสบอกว่าเดี๋ยวพาไปอีกหลายเมืองเลยนะ จะพาไป ตูริน(Torino) ปิซ่า (Pisa)ด้วย แล้วก็ ชินเคว่เตอร์เร่ (Cinque Terre) ที่หยินอยากไปด้วยไง
เหยดดดดดดดดดดดดเหยดดดดดดดดดดดดดดดดดด โฮสป๋ามากกกกกกกกกกกกก ใจดีมากกกก
Cinque terre เป็นเมืองในฝันของเรามานานมากแล้วค่ะ เพราะเราเคยอ่านหนังสือท่องเที่ยวภาพ Manarola อยู่ในสมองเราตั้งแต่ก่อนที่เราจะสอบแลกเปลี่ยนอีกไม่ได้ไปโรมไม่ได้ปิซ่า เราไม่เป็นไร แต่มานาโรล่าถ้าไม่ได้ไปนี่กูจะไม่ยอมเด็ดขาด
มัมก็เดินเข้ามาถามว่าหยินไม่ไปกับเพื่อนจริงๆเหรอ ถ้าหยินอยากไปกับเพื่อนก็ไม่เป็นไรนะ ไว้เราค่อยหาไปที่อื่นกันก็ได้ เราก็เลยบอก อู้ย ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากไปกับโฮส(ความจริงคือมึงไม่อยากเสียเงินเองสินะหยิน)
พูดถึงชินเคว่เตอร์เร่เป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ในแคว้นลิกูเรียแคว้นที่เล็กที่สุดในอิตาลีค่ะ ถ้ามองจากแผนที่จะอยู่ด้านซ้ายล่างทางเหนือของอิตาลี เอ๊ะ คำอธิบายเป็นงงๆเนาะ
ก็คือ Cinque แปลว่า 5 ส่วน Terre แปลว่า แผ่นดิน เลยรวมกันแปลว่า 5 แผ่นดินค่ะ (Five lands) จะมีหมู่บ้านติดชายทะเลห้าหมู่บ้าน แต่ทริปเที่ยวชินเคว่เตอร์เร่นี้ไม่ค่อยสมใจปรารถนาเราเท่าไหร่ค่ะ..เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง /ไปฟรีแล้วยังจะบ่นอีก
28/06/2016
โอเค เราเริ่มจุดสตาร์ทกันเหมือนเดิมที่โบลซาโน่ขับไปเรื่อยๆผ่านหลายเมือง นั่งรถจนเบื่อ เวียนหัวอีกต่างหาก ดมพิมเสนจนโฮสนึกว่าเราติดยา 55555
ประชากรบนรถมี5 คนค่ะ มัม แด๊ด มาริน่า อลิเช เราแน่นอนว่าสามสหายก็นั่งเบียดกันอยู่ด้านหลัง ทั้งอ่านหนังสือไปอ่านเล่นเอาไพ่อูโน่ไปเล่น หนักสุดก็สอนเราเล่นหมากรุก และฉันแพ้ทุกตา เดินมั่วค่ะ บางทีขี้เกียจเล่นก็รีบๆเล่นให้จบแล้วก็แกล้งหลับเลยตื่นมา ก็ไม่ถึงสักที ออกบ้านตั้งแต่เช้า ถึงตูรินเกือบบ่ายโมง
ตูริน (Turin) หรือชื่อในอิตาเลียนคือ Torino เป็นเมืองหลวงของแคว้น ปิเอมอนเต้ (Piemonte)
หลายคนอาจยังไม่เคยรู้เราเองก็เพิ่งรู้ค่ะ ว่า ตูรินเคยเป็นเมืองหลวงของอิตาลีด้วย! แถมยังเป็นเมืองของทีมฟุตบอลสุดคูลอย่าง Juventus จริงๆที่ว่าคูลนี่ไม่ใช่ไรนะ ชื่อเก๋ดีแต่ชั้นเป็นคนไม่ดูบอล 55555555
ตูริมีแผนผังเมืองที่สวยมากค่ะเป็นตารางเป็นบล็อกๆเลย เราเสียดายมากที่ไม่ได้ขึ้นไปชมวิวจากหอคอยเลยไม่ได้เห็นวิวจากมุมสูง เห็นแค่จากอาคารชั้นสอง แต่เราเน้นเดินเท้ารอบๆค่ะอีกเมืองนึงที่ผังเราชอบคือมิลานค่ะ ทุกอย่างจะเป็นเส้นตรงเข้าไปศูนย์กลางเลยถ้าดูในกูเกิ้ลแมปจะเห็นเป็น Center เหมือนกันค่ะ ส่วนตูรินก็จะเป็นเส้นขีดๆเป็นตาราง
นั่นโฮสซิสเราเอง แอบถ่ายมา แต่บังเอิญขาไปทางเดียวกันพอดี สิบ สิบ สิบ ไปเลยจ้ะ
และที่เราจะไปกันในตูรินก็คือ...ท่ะด้า ไปพิพิธภัณฑ์อียิปต์ค่ะ
อ้าว มาอิตาลีแล้วทำไมต้องไปหาอะไรอียิปต์ 555555555 แต่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เจ๋งที่สุดที่เราเคยไปมาเลยค่ะค่าบัตร 15 ยูโร แอบแพง (แต่โฮสเปย์อีกแล้ว ฮิฮิ) มีออดิโอไกด์ฟรีค่ะแต่เหมือนเราไปอยู่ในอียิปต์เลยค่ะ
มีทั้งมัมมี่เครื่องรางต่างๆ ไหคาโนปิก เหมือนเค้ายกพีระมิดมาตั้งไว้ในห้องอาคารนี้เลยและเป็นพิพิธที่ใหญ่มาก!! เราเดินวนขึ้นวงลงก็มีจุดซอกแซกให้เราเดินวนดูไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งสฟิงซ์ตัวมินิก็มี รูปปั้นสัมฤทธิ์อะไรทั้งหลาย มันแบบว้าว....จุดนั้นเหมือนดิฉันเป็น เคที่ เพอร์รี่ในเพลง Dark Horse
แม้กระทั่งเสื้อผ้าและวิกผมแท้ๆก็ยังมีอยู่ กระดาษปาปิรัสยาวเป็นวาก็ยังมีให้ดู เราทึ่งมากๆเราไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ภาพวาด กำไลคลีโอพัตรายังมี เห็นแล้วขนลุกเลย เฮ้ยสิ่งของในประวัติศาสตร์มันอยู่ตรงหน้าเราเลยอะ เราต้องขโมย---- /ผิด
จริงๆพอดูเสร็จมันเยอะมากค่ะเลยไม่มีเวลาไปที่อื่นต่อ เราเลยเดินไปรอบเมือง เห็นมีปราสาท มีดูโอโม่ แต่ก็ยังไม่ได้เห็นมุมสูงของตูรินก็แอบเสียดายค่ะ แต่เราชอบสถาปัตยกรรมของเมืองนี้ แต่บังเอิญพวกเราใช้เวลาดูของอียิปต์นานไปหน่อยพอตรงสถานที่อื่นๆเลยได้ทำแค่เป็นชะโงกทัวร์ค่ะ ฮ่าๆ
อ้อ แล้วก็ไปตูรินอย่าลืมหาช็อคโกแลตร้อนทานนะคะอร่อยมากๆ และราคาก็แอบแพง... แต่ต้องกินให้ได้ค่ะ! ขนมหวานต่างๆก็อร่อยมากเช่นกัน (ความสายแดกนี้...)
หลังจากนี้ก็ขับรถออกจากตูรินเพื่อวันถัดไปจะได้ไปชินเคว่เตอร์เร่และ โฮสเราไม่ได้จองโรงแรมค่ะ มากันหลายคนต้องประหยัดงบไว้ก่อนเอาเต้นท์และถุงนอนไป สนุกมาก เหมือนไปแคมป์ปิ้งเล็กๆค่ะรอบเต้นท์เราก็มีรถบ้านจอดอยู่ เราว่าแบบนี้ก็โอเคนะคะ ราคาก็ไม่แพงแถมไม่ต้องจองล่วงหน้าด้วย แต่วันนั้นทุกคนเหนื่อยมากค่ะ หลับกันตั้งแต่สี่ทุ่มเลยเหลือเราคนติดโทรศัพท์คนเดียวในบ้านไปนั่งรอชาร์ตแบตเต็มหน้าห้องน้ำจนถึงเที่ยงคืน เรื่องเล่นนี่ไม่ยอมค่ะต้องมีแบตอัพทุกอย่าง
27/06/2016
เช้าวันถัดมา เราก็ไปอาบน้ำแปรงฟันเก็บของเก็บเต้นท์ ออกไปหาข้าวเช้ากินในเมือง มีร้านขายขนมที่ดังมากด้วยค่ะอยู่ในเมือง Asti พอไปกินข้าวเช้าที่บาร์ เจ้าของร้านใจดีเห็นหน้าตาเราไม่ใช่ฝรั่ง คงอยากให้เราดูอะไรใหม่ๆเลยชวนโฮสกับเราไปดูโรงคั่วกาแฟหลังร้านเลยค่ะ หอมมากกลิ่นกาแฟตอนเช้าๆนี่มันยอดเยี่ยมกระเทียมดองมาก คุณลุงแบบว่ารับประกันความสดใหม่ของกาแฟร้านไอเลยนะยู ซื้อๆๆ ขายของๆ แต่เราก็ไม่ได้ซื้อกาแฟกลับมาสักถุง เพราะบ้านที่ไทย พ่อเราเลิกกาแฟไปแล้วแม่ก็ไม่กิน เราก็ไม่ ฮ่าๆ แอบสงสารลุงที่ขายของเต็มที่ แต่เราไม่ได้ซื้อเลย ._.
พอกินข้าวเสร็จก็ต้องรีบไปต่อค่ะ ต้องทำเวลา นั่งรถนานมากกกกเราก็แกล้งหลับไปเพราไม่อยากเล่นหมากรุก 5555 มีบางช่วงโดนปลุกให้มาโหวตเพลง
คือบนรถมีคนอยู่หลายเจเนอเรชั่นค่ะ มัมกับแด๊ดอยากจะฟังเพลงเก่าๆของคนอิตาเลียน ส่วนโฮสซิสทั้งสองคน จะอยากฟังสากลฮิตติดชาร์ต ที่ผู้ใหญ่ไม่อินกันน้องก็จะหันมาถามเรา หยินอยากฟังเพลงนี้ไหมเสียงใครมากกว่าให้เปลี่ยนเพลงไปฟังเพลงอีกฝั่งค่ะ โอ๊ย ฉันเป็นคนกลางนะ ถ้าเลือกเพลงโฮส น้องก็จะค้อน ถ้าเลือกเพลงน้อง มัมก็แด๊ดก็ไม่อยากฟัง
ทำไมชั้นต้องเลือกด้วย พวกหล่อนจะฟังอะไรก็ฟังกันไปเซ่!!
เอนี่เวย์ นั่งรถข้ามแคว้นจากปิเอมอนเตถึงลิกูเรีย ก็เกือบ 3-4 ชั่วโมงได้ ผ่านเจโนวา คนไทยเรียกเจนัวอย่าสับสนกับกรุงเจนีวาที่สวิตเซอร์แลนด์นะ เป็นเมืองหลวงของแคว้นลิกูเรีย
เป็นเมืองท่าประมงที่สวยมากค่ะเรามองจากถนนทางด่วน เห็นจากมุมสูง มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใหญ่ที่สุดในยุโรปอยู่ที่นี่ด้วยแต่เราไมได้แวะค่ะ เพราะจุดประสงค์การเที่ยวไม่ได้อยู่ที่นี่ ฮ่า /แล้วเล่าทำไม
ขับไปอีกแป๊บนึงก็ถึงแล้วค่ะ
จอดรถไว้ที่มอนเตรอสโซ่เมืองแรกเราแนะนำว่าเมืองนี้ทะเลสวยมากค่ะถ้าใครจะเล่นน้ำแนะนำให้มาที่นี่ก่อนเพราะหาดกว้างมากกกและมีหลายหาดเรียงยาวไปจนถึงบริเวณที่เริ่มขึ้นภูเขาเพื่อ Trekking เลย
ส่วนเมืองที่ถ่ายรูปบ้านสวยเราว่ามี เวอร์นาซซ่า มานาโรล่า ริโอ แต่คอร์นิญาเราว่าเมืองนี้ออกเงียบๆหน่อยค่ะเพราะภาพจากโปสการ์ดที่เราเห็นไม่ค่อยดึงดูดเหมือนกับสามเมืองที่ว่าไปก่อนหน้านั้นแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่สวยนะคะ ถ้าใครชอบจริงๆเราว่าเดินดูทุกเมืองเลยค่ะแต่ละเมืองก็มีเสน่ห์ต่างกัน ซึ่งเราอดไป... *ร้องไห้เป็นเผาเต่า*
แต่ยังไม่ได้เล่นน้ำโฮสก็พาเราไป Hiking….
เพราะก่อนหน้าที่จะมาถึงโฮสถามตำรวจท่องเที่ยวว่าควรใส่รองเท้าอะไรเดิน เค้าบอกใส่บูทไปเลย (รู้สึกเหมือนไปรด.ยังไงไม่รู้) เพราะการเดินทางไปแต่ละเมืองต้องเดินเท้าขึ้นเขาไป แต่ถ้าขี้เกียจหน่อย ก็มีรถไฟค่ะแค่จะไม่ได้เห็นวิวเลียบริมทะเล ไม่ได้เดินป่า เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าสายแอดเวนเจอร์อย่างโฮสเราแล้ว เราก็ต้องขึ้นเขาเพื่อข้ามไปอีกเมืองนึงค่ะ...
อ่านในพันทิป ในหัวนึกภาพถนนลาดยาวไปตามเขาเฉยๆ แต่ความเป็นจริง มันเหนื่อยมากกกกก ชันมากกกโอย เราเป็นคนอ้วนด้วยนะ แบบหายใจหอบแฮ่กๆเหมือนจะตายเลย แบบตอนนั้นอยากลงไปทรุดร้องไห้เลยบอกโฮสว่าไม่ไหวแล้ว ไปรถไฟไม่ได้เหรอ แต่มัมบอกว่าไม่ได้นะ พยายามไปเถอะไปเรื่อยๆ ใจเย็น ค่อยๆเดินตามฉันนะ ห้ามเดินเร็วกว่าฉันเด็ดขาดต้องค่อยๆเดินช้าๆแบบฉันนะ
เราต้องเดินเลียบทางเดินบนเขาไปเรื่อยๆนั่นแหละค่ะ...
แถมไม่ได้เดินฟรีนะคะจ่ายตังค์ค่ะ!! นี่อาจเป็นเหตุผลที่โฮสแอบคิดในใจ แกอาจจะบอกว่ากูจ่ายตังค์ไปแล้ว ยังไงมึงก็ต้องเดิน 55555 ใจต้องมีสปิริตอย่างแรงมาก ไม่ใช่ใกล้ๆเลย ราคาก็มีแตกต่างกันไป เดินกี่เมือง แพคเกจครอบครัว แพคเกจเพื่อน
แต่ช่วงนั้นมีส่วนทางเดินของCorniglia กับ Manarola ปิดไปค่ะ
จะไล่ชื่อตามนี้นะคะ
มอนเตรอสโซ่ (monterosso)--->เวอร์นาซซ่า (Vernazza) ---> คอร์นิญ่า (Corniglia) ถนนปิดเลยต้องนั่งรถไฟกลับไปเล่นทะเลที่ monterosso ---> มานาโรล่า (Manarola) ----> ริโอมาจโจเร่(Riomaggiore)
สรุปคือเดินไปเวอร์นาซซ่าใช้เวลานานมากเราแทบตาย บันไดหลายขั้นและชันมาก เราบ่นอุบตลอดทาง ไม่ได้อยากเดินเทรคกิ้งซักหน่อยทำไมเราไม่ใช้รถไฟล่ะเร็วกว่าตั้งเยอะ บลาๆ โฮสก็ค้านขึ้นมาว่า ไหนคุณบอกอยากมา ‘cinque terre’ (หมายถึงว่าเที่ยวทั้งห้าเมือง) ไม่ใช่หรอ?
เราก็ตอบไปแบบประชดขำๆ ไม่! อยากไปแค่มานาโรล่า! หัวร้อน อากาศร้อน แต่ก็ไม่ได้ทะเลาะกันหรอกค่ะ โฮสก็เข้าใจว่าเราเหนื่อยและไม่ชอบการขึ้นเขา 5555 อากาศร้อนจนเราเห็นแหม่มหลายๆคนใส่ขาสั้นกับท็อปบิกินี่ค่ะมันร้อนมาก
จนสักพักเป็นถนนลัดเลาะไปตามแนวป่าไม่ชันมากเลยค่อยหายใจดีขึ้นหน่อย แต่จริงๆก็ไม่แย่มากได้คุยไรกับโฮสเยอะแยะระหว่างเดินด้วยค่ะ อิอิ ปกติเราเป็นคนไม่ค่อยพูดที่โต๊ะกินข้าวจะมีก็แต่เวลาปีนเขาแบบนี้แหละที่ได้คุย เพราถ้าไม่คุย มันก็เงียบเกินไปเจอหนุ่มฝรั่งใส่เสื้อลายเบียร์ช้างด้วย อยากทักทายมากๆเลย ยูหล่อจัง--- ไม่ใช่ละ เลยถามโฮสไปอีกว่าถ้าสมมติจะไปเมืองอื่นต่อก็ต้องเดินขึ้นเขาอีกทีหรอ
โฮสต์ก็บอกใช่...
/me ล้มไปร้องไห้ที่พื้น
ทีแรกกะจะไปเล่นน้ำที่เวอร์นาซซ่าแต่ทะเลสกปรกมากค่ะ เลยแวะกินพิซซ่า แซนวิชที่นั่น ถ่ายรูป แล้วก็นั่งรถไฟกลับไปเล่นน้ำที่เมืองเดิมมอนเตรอสโซ่
แอบโม้ให้โฮสฟังด้วยว่า มีเรื่องเล่า ที่หมู่บ้านเหล่านี้มีสี เพราะว่าเวลาชาวประมงต้องออกจากบ้านเพื่อไปทำงานในทะเลจะได้มองเห็นภรรยากับครอบครัวที่โบกมือลาหน้าบ้านได้ง่ายขึ้นค่ะ
มัมนิโคลเลตต้าก็แบบโอ้โห หยินไปรู้มาได้ไงเนี่ย ฉันเป็นคนอิตาเลียนยังไม่รู้เลยแล้วมัมก็หันไปเล่าให้แด๊ดฟังแบบหยินเก่งมากเลยอะ (หนูแอบไปอากู๋มาก่อนหน้านี่ค่ะ)
เราก็เล่นน้ำกับโฮสสนุกมากเป็นคนว่ายน้ำไม่เป็น ได้แต่เล่นตรงตื้นๆ แต่แด๊ดเพิ่งสอนทำท่าลอยน้ำศพขึ้นอืดได้(ไม่รู้มันเรียกว่าท่าอะไร แต่คนอิตาเลียนเรียก fare il morto ที่แปลว่า ทำตัวตายลอยน้ำ) เหมือนเด็กเพิ่งหัดเล่นน้ำเลยค่ะเอาไปโม้ให้โฮสซิสจูเลียที่อยู่เยอรมันฟัง พราวด์มาก555555555
และ...
ถนนปิดค่ะ...........
!!!!!
ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยยยยยยยยยละกูจะไปยังง้ายยยยยยยยยยยยยยย ฮืออออออออออออ
โชคดีมีตำรวจขับมาโฮสเราเลยลงไปถาม สรุปก็คือ เราต้องขับรถลงไป ลา สปีเซีย (La spezia) เมืองใหญ่ที่ใกล้ชินเคว่เตอร์เร่ แล้วเข้ามาอีกเส้นทาง...
ตอนนั้นฟ้าเริ่มมืดแล้วตอนนั้นเสียดายมากที่เล่นน้ำเพลินมากเกินไป ใครจะคิดว่าถนนจะปิดเรารู้เลยว่าเราคงจะไม่ได้เห็นสีสวยๆของมานาโรล่าเมืองที่เราฝันมาตลอดชีวิต(2-3ปีที่ผ่านมา) แล้วโฮสเราขับอย่างใจเย็นแต่เรานี่แบบ ฮืออออออออออออออออ ทำไงดียยยยยยยยยย์ คุณดวงอาทิตย์อย่าเพิ่งตกนะ กราบบบบ
ภาพเหตุการณ์บนถนนริมภูเขาวันนั้น...
สุดท้ายเราไปถึงตอนฟ้ามืดสนิทค่ะเลยมองไม่เห็นวิวอะไรเลย...นอกจากไปยืนตากลมตรงท่าเรือของมานาโรล่า...โดนผู้ชายอิตาลีทิ้งฉันยังไม่เจ็บขนาดนี้
แต่โฮสก็ถามว่าหยินชอบมั้ย... ชอบค่ะ TvTแต่ในใจร้องไห้ไปแล้ว ฝันมาโดยตลอดว่าจะได้ถ่ายรูปจากวิวมุมสูงแบคกราวน์เป็นหมู่บ้านชาวประมงหลากหลายสีที่ชื่อมานาโรล่า....
แต่พยายามคิดในแง่ดีปลอบใจตัวเอง อย่างน้อยก็มีรูปที่เวอร์นาซซ่าบ้านมีสีเหมือนกันนี่ T___T
อ้อ อีกอย่างนึงก็อย่าลืมหาพิซซ่าหรือพาสต้า หน้าซอสเพสโต้ (Pesto)นะคะทำจากใบโหระพา (basilico)กับกระเทียมอีกนิดหน่อย เป็นของกินแนะนำของที่นั่นค่ะอร่อยมาก แต่ถ้าใครไม่ชอบกลิ่น อาจจะไม่ชอบ ลางเนื้อชอบลางยาเนอะ
สุดท้ายเราก็เที่ยวไม่ครบทั้งห้าเมืองค่ะไม่ได้ไปคอร์นิญากับริโอมาจโจเร่แต่อย่างน้อยเราก็ได้ไปมานาโรล่าละนะ... ไว้มีตังค์ค่อยมาพักอยู่ที่นี่หลายๆวันเลยละกัน
เหนื่อยมากสังขารไม่ไหวแล้ว ที่หนักกว่าน่าจะเป็นโฮสค่ะ สงสาร แกขับรถไม่ได้พักเลย ขึ้นรถอีกทีไปตอนสี่ทุ่มกว่าๆสถานีต่อไปคือ ปิซ่า ทะด้า!
แต่เรามั่นใจมากแน่ๆว่านักท่องเที่ยวไม่ไปปิซ่าเวลา ‘ตีหนึ่ง’ แน่นอน.......
โดนปลุกตอนที่กำลังคอพับบนรถเลยค่ะเลยลงไปแบบง่วงๆ แต่ไม่เข้าใจสไตล์การเที่ยวของโฮสต์เลย 55555555555 โฮสเคยบอกว่าเคยไปตอนตีสามมันเงียบมากคนไม่เยอะโฮสเลยชอบ สงบดี อยากพาเราไปดูเวลานี้ เลยพาเราไปดูตอนตีหนึ่ง..
พอไปถึงมันไร้คนค่ะ ก็แหงสิ ใครเค้าจะไปกันเวลานี้ แต่แอบเห็นมีคู่รักคู่นึงไปเดินเหมือนกันค่ะ..เข้าไปใกล้หอเอนยังไม่ได้เลย เพราะมีตำรวจทหารยืนคุมหอเอนสนามหญ้าก็ห้ามเข้าเพราะเค้ารดน้ำหญ้าอยู่ ก็ได้ฟีลไปอีกแบบนะคะ แต่มัน..แงงงงงงงงงงงงง ก็อยากมาตอนกลางวันด้วยอะอยากได้โปสการ์ดด้วย เง้อ
แต่ก็แปลกใจเมืองนี้มันไม่มีอะไรเลย เข้ามาปั๊บ อะนี่ไงหอเอน จบ เหมือนตั้งไว้ละมันก็เอนละคนทั้งโลกก็แห่มารำไทเก๊กใส่ แล้วมันก็ไม่มีอย่างอื่นอีกเลย แต่ก็อย่างว่าเนอะสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ใครๆก็อยากมาดูกันทั้งนั้น เราก็ได้แต่ยืนมองจากไกลๆ พี่ทหารขอผมจับขอผมทัชชชช สักนิดได้มะ อยากจับแค่หินอ่อนก็ดี ไม่มีรูปถ่ายกับหอเอนเลยเพราะกล้องไอแพดมันไม่สวยเวลาถ่ายตอนกลางคืน แต่โฮสแกเลยเอากล้องแกถ่ายให้เราอือหือ แฟลชสาดเต็มหน้า ไม่เห็นลูกกะตาเราเล้ย เห็นแต่แว่น 555555555
โปสการ์ดก็ไม่ได้ซื้อเฮ้อ แอบเสียใจเบาๆ เราก็หลอกตัวเองต่อไปว่า เอ้อ เรามาเวลานี้ก็ดีนะได้เห็นอีกมุมนึงของปิซ่าที่คนอื่นเค้าไม่เห็นกันนี่นา
แล้วก็ดีใจที่โฮสยังพาไปเที่ยวเป็นของขวัญวันเกิดแทบไม่ได้เสียตังค์อะไรเลยนอกจากค่าของฝาก รถฟรี ที่พักฟรี ข้าวฟรีแถมยังได้อยู่กับโฮสนานๆด้วย ได้คุยอะไรกันเยอะแยะเลย แล้วก็ประสบการณ์ค้างเต้นท์ครั้งแรกด้วยจริงๆก็เคยเข้าค่ายลูกเสือนะคะ แต่เต้นท์แบบตอนไปเที่ยวนี่ไม่เคยเลยแล้วก็นั่งรถเที่ยวเบียดๆกันไปแบบนี้ ก็สนุกดี
เราชอบทริปนี้มากที่สุดแล้วในปีแลกเปลี่ยนของเราได้ใช้เวลากับโฮส ได้คุย ได้เดินทาง ได้ผจญภัยมีที่ไหนได้ทั้งเล่นน้ำทะเลและเดินป่าเดินเขาในที่เดียวกันเป็นส่วนผสมที่โคตรลงตัว แถมมีสถาปัตยกรรมเก๋ๆจากตูรินได้เที่ยวมินิอียิปต์อีกต่างหาก
ทริปสองวันหนึ่งคืนก็จบลงไปด้วยประการฉะนี้ถ้าใครมาเที่ยวอิตาลี ก็อย่าลืมแวะมาเมืองเล็กๆอย่าง Cinque Terre กันบ้างนะคะ อยากให้ไปเยอะๆเพราะมันก็สวยน่ารักไม่แพ้เมืองอื่นๆในอิตาลีเลย
ถ้าให้เปรียบเทียบให้ชินเคว่เตอร์เร่เป็นผู้ชาย เราว่าเขาก็คงเป็น cup of tea ของเราเลยแหละค่ะทั้งมีสีสัน มีเสน่ห์ ทั้งผจญภัย น่าค้นหา ให้อยู่ตลอดไปด้วยแบบนี้ เหนื่อยแค่ไหนเราก็ยอมเลย :D
ปล.รูปน้อยจัง แฮะๆ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า! <3
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in