"ล่องกอนโดลาที่เวนิส... แนบชิดกับคนพิเศษที่ปารีส..."
สาวนางหนึ่งเพ้อด้วยแววตาเคลิ้มฝัน
"โอ้ย! เธอจะโลกสีชมพูไปไหน ที่ว่ามามันจะไปมันส์อาร้าย" สาวคนที่สองสวนด้วยทีท่าหมั่นไส้
"ทริปในฝันต้องนี่เลย ไปเรียนเต้นแซมบ้าที่ริโอ... ไปไคโรขี่อูฐชมพีระมิด..."
ว่าแล้วชีก็ลุกขึ้นมาสะบัดสะโพกอย่างไม่แคร์สื่อ แม้จะอยู่กันในที่สาธารณะซะก็เหอะ
ทั้งสองเหลือบตามาที่ฉันพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
"แล้วแกล่ะ" คำถามเสียงสะบัดนั้นออกมาจากปากของคนที่ตอนนี้สะบัดก้นกลับลงมานั่งเป็นที่เรียบร้อย
"อืม..." ฉันพึมพำด้วยแววตาเหม่อลอย
"ชั้นหรอ ชั้น...อยากไปว่ายน้ำกับอีกัวนา"
"ห้ะ!!!" ทั้งสองนางอุทานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ชั้นเงยหน้าขึ้นมาสบตาพวกเธอ
"นี่ อันนี้พูดจริงๆ ไม่ได้โม้ทำเท่" ดวงตาที่เหม่อลอยตอนนี้กลับฉายประกายมุ่งมั่น
"สักวัน ชั้นจะต้องไปกาลาปากอสให้ได้!"
สำหรับเด็กเนิร์ดที่รักชีววิทยาเป็นชีวิตจิตใจ การได้ไปเหยียบสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ให้แรงบันดาลใจชาร์ลส์ ดาร์วินจนก่อกำเนิดเป็นทฤษฎีวิวัฒนาการเป็นสุดยอดแห่งความใฝ่ฝัน
แม้ทริปในฝันของฉันจะไม่เหมือนกับใครๆ ที่มักอยากไปชมวิวสวยๆ หรือสัมผัสเมืองใหญ่ๆ ในต่างแดน
แต่การได้ไปชมความหลากหลายสิ่งมีชีวิตที่เกาะเหล่านั้นด้วยตาของตนเองสำหรับฉันมันฟินยิ่งกว่า
จากวันนั้นฉันได้แต่เก็บงำความฝันไว้นานแสนนาน เพราะหนทางที่จะได้ไปจริงๆ นั้นดูท่าจะยากเย็น
ไม่นึกเลยว่า ในที่สุด ความฝันของฉันจะเป็นจริงขึ้นมาได้
ดังนั้นเมื่อมีเพื่อนมาชวนไปเที่ยวเอกวาดอร์ด้วยกันโดยมีจุดมุ่งหมายคือเกาะกาลาปากอส ฉันจึงไม่ลังเลเลยที่จะตอบว่า "ไป!" ตั้งแต่ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากมายเสียด้วยซ้ำ
ผลจากการตกปากรับคำง่ายๆ ของฉันทำให้ฉันต้องมานั่งในเรือโคลงเคลง คืบก็ทะเลศอกก็ทะเลอยู่เป็นเวลาถึงหนึ่งสัปดาห์
เรือที่เราเลือกนั้นเป็นเรือขนาดเล็ก ที่จุผู้โดยสารได้ทั้งหมด สิบหกคน (แปดห้องนอน) ไม่รวมลูกเรือ และเพราะเรือเล็กเยี่ยงนี้นี่เอง เรือจึงโคลงเคลงยิ่งกว่าทริปไหนๆ ที่ฉันเคยไปมา
ที่เราเลือกเรือลำเล็กเป็นเพราะว่าหลายๆ เกาะที่เราไปเป็นเขตอนุรักษ์ เรือที่ใหญ่เกินกำหนดจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า และในแต่ละวันยังมีการจำกัดโควต้าคนที่จะขึ้นไปชมบนเกาะได้ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กระทบถึงสัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์มากจนเกินไปนัก เรือลำเล็กแบบนี้จึงกลายเป็นเรือหรู exclusive ที่แพงยิ่งกว่าเรือลำใหญ่ๆ เสียอีก
ทุกวันเราจะแวะชมธรรมชาติกันที่เกาะใหม่ โดยเรือจะไปจอดใกล้ๆ แล้วจึงนั่งเรือยางเข้าไปเทียบหาด พอตกกลางคืน เรือก็จะวิ่งทั้งคืนเพื่อนำเราไปสู่จุดหมายถัดไป
ทริปนี้จึงไม่ได้เป็นทริปเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เอาง่ายๆ ว่าถ้าใครที่เมาเรือ ทริปนี้คุณควรตัดใจ เพราะเรือโคลงมากตลอดวัน และคุณต้องใช้เวลาส่วนใหญ่บนเรือ เรียกว่าเจ็ดวันผ่านไปกลับยืนบนพื้นดินธรรมดายังรู้สึกก่งก๊งพื้นโคลงไปอีกหลายวันเลยเชียวล่ะ
คนสูงวัยหรือใจไม่ฟิตก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะ เพราะแม้ตอนฉันไปผู้ร่วมทริปจะมีรุ่นใหญ่หลายท่านแต่ทุกท่านแม้อายุมากหรือตัวค่อนข้างใหญ่ตามสไตล์ฝรั่งก็ใจสู้และเดินค่อนข้างอึด ทริปนี้เดินไกล ปีนป่ายค่อนข้างเยอะ ถ้าใจไม่ค่อยสู้ (หรือกลัวแดดกลัวลม) ก็อาจจะหมดสนุกกันไป
ส่วนสาวๆ คนไหนที่ค่อนข้างกลัวสัตว์ใหญ่และใจเสาะกับสัตว์เลื้อยคลาน งานนี้คุณจะต้องอกสั่นขวัญผวาตลอดทริป เพราะเดินๆ ไป บางทีมีสิงโตทะเลตัวยักษ์ส่งเสียงดังวิ่งไล่ บางทีมีอิกัวนาเป็นร้อยตัวคลานยั้วเยี้ยเข้ามาหา ถ้าใจไม่กล้าแนะนำว่าอย่าเสียตังค์มา มันอาจไม่คุ้มกับสุขภาพจิต
ภาพตัดมาที่ฉันวิ่งไล่จับกับอีกัวนา เอ้ย ไม่ใช่! เอาเป็นว่าฉันสนใจและไม่กลัวตัวพวกนี้ก็แล้วกัน
หลายคนอาจไม่ทราบว่าอีกัวนามีทั้งแบบบกและแบบทะเล โดย Marine Iguana นั้นปัจจุบันเป็นกิ้งก่าชนิดเดียวที่อาศัยอยู่ในทะเล ที่น่าตื่นเต้นคืออีกัวนาทะเลแห่งเกาะกาลาปากอสนี้สามารถดำน้ำได้ลึกและอยู่ใต้น้ำได้นานอย่างน่าอัศจรรย์ (คือก่อนมาเที่ยวก็ต้องมีการทำการบ้านกันบ้างเช่นดูสารคดี BBC รัวๆ)
ฟังแล้วทุกคนก็อาจจะเริ่มๆ เดาอะไรได้รางๆ
ใช่ค่ะ! ความพีคของทริปนี้อยู่ที่อีกัวนา...คือรับรองว่าคุณจะได้เจออีกัวนาทุกเกาะที่คุณไปเยือน
ได้เห็นอีกัวนาทีไรฉันก็จะกรีดร้อง (ในใจ) ด้วยความปลื้มปิติ เพราะอีกัวนาเหล่านี้เป็นหนึ่งในหลักฐานชั้นยอดของทฤษฎีวิวัฒนาการ เพราะการที่หมู่เกาะกาลาปากอสแยกห่างออกจากกันทำให้อีกัวนาของแต่ละเกาะพัฒนาเป็นสายพันธุ์ใหม่ของตัวเอง อีกัวนาแต่ละเกาะ มีขนาด สีสัน และพฤติกรรมที่แตกต่างกัน แถมบางพันธุ์จากการติดตามวิจัยพบว่าเหลือเพียงสิบกว่าตัวเท่านั้นบนโลกใบนี้ ดังนั้นทุกครั้งที่คุณได้เห็นอีกัวนา (ที่อาจจะโผล่มานอนผึ่งแดดในวันที่คุณมาเยือน หรือหลบอยู่จนคุณอดเห็นก็เป็นได้) จะทำให้คุณได้เป็นประจักษ์พยานของทฤษฎีวิวัฒนาการและได้มาเห็นลูกหลานตัวสุดท้ายของสายพันธุ์บางสายพันธุ์ของโลกใบนี้ โอ้ว พระเจ้าจอร์จ มันยอดมากกกก... (ถ้าไม่ใช่คนที่อิน จะฟินแบบนี้มั้ย ตอบ!)
และที่สุดของที่สุด ตอนที่ดิฉันดำน้ำดูเต่าอยู่น้านนน อีกัวนาทะเลมัน...มันว่ายเข้ามาหาดิฉันค่ะคุณผู้โช้มมมม
คือเป็นคนอื่นคงกรี๊ดไปแล้วไหม แต่ยัยนี่ ปลื้มค่ะ ปลื้ม มีว่ายจ้องตามะลันดูแก มะแลดูกัน จนอีกัวนาทนสายตาอันเร่าร้อนของดิฉันไม่ไหว ว่ายหนีไปเอง ว่ะฮ่ะฮ่า
ทริปนี้นอกจากจะได้ส่องอีกัวนาหลากสายพันธุ์จนฉ่ำปอดแล้ว เราก็ยังมีโอกาสได้เห็นสัตว์หายากอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเต่ายักษ์แห่งกาลาปากอสที่แต่ละเกาะก็มีสายพันธุ์ย่อยจำเพาะแตกต่างกันไป
ไปจนถึงนกหายากอย่าง Blue footed boobies นกตีนฟ้าที่ขาสวยน่าตื่นตาตื่นใจกว่าไปดูขาพริตตี้ หรือ นก frigate ที่พองลมได้ป่องจนน่ากลัวจะระเบิด เรียกได้ว่าทุกๆ วัน คุณจะได้รู้สึกเลยว่าธรรมชาตินั้นมหัศจรรย์แค่ไหน
แต่เอาเข้าจริงสิงโตทะเลจะเห็นบ่อยจนเลิกเห่อกันไปเลยในวันท้ายๆ (ได้ว่ายน้ำกับสิงโตทะเลเช่นกัน)
ps. ที่สุดแล้วกว่าผู้เขียนจะเรียนจบกลับไทย ผู้เขียนก็ได้ไปเที่ยวจนครบทั้ง ปารีส เวนิส ริโอ แล้วก็ไคโรนั่นแหละ (ตอนนี้ไปมา 40 ประเทศแล้วนะเออ)
pps. ตอนแรกว่าจะเล่ายาว แต่ดูแล้วหากเขียนทั้งหมดที่อยากเขียนท่าทางจะกลายเป็นมหากาพย์ไปเสียก่อนสำหรับโจทย์สั้นๆ ของ minimore แต่ถ้าผู้อ่านได้อ่านกันแล้วสนใจอยากฟังต่อ ไปทักทายให้กำลังใจกันได้ที่FBเพจ FoodiesJournie นะคะ แล้วจะกลับมาเขียนที่ minimore ให้คุณๆได้อ่านกันค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in