เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
wild rabbit #jaedohbrxnct
Chapter 29 : Cold case
  • Note : เนื่องจากเราได้ทำการรีไรต์บางส่วนในตอนที่ 28 ใหม่ ดังนั้นจึงต้องขอให้ทุกๆคนย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 28 ใหม่อีกรอบหนึ่งนะคะ เพื่อความสมูทของเนื้อหา ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ TT/|TT)





    ข้อมูลใหม่ที่เจย์เดนเพิ่งได้รับมานั้น ถึงกับทำให้สมองของเขาที่กำลังพยายามคิดทุกอย่างตามอยู่หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกราวกับตนเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จู่ ๆ ก็เกิดอาการค้างเพราะดาวน์โหลดข้อมูลเข้ามามากเกินไป แต่เขาไม่ใช่คอมพิวเตอร์ เขาไม่สามารถกดปุ่มรีสตาร์ทเพื่อทำให้สมองของตัวเองโล่งและปลอดโปร่งได้ เจ้าหน้าที่หนุ่มหลับตาลงก่อนจะหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อตั้งสติรับข้อมูลทุกอย่างที่มันชักจะพัวพันกันยุ่งเหยิงจนยากจะมองหาต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดได้เจอ

    "คุณกำลังจะบอกผมว่า ฆาตกรที่ฆ่าเชสเตอร์อาจมีเอี่ยวกับคดีของครอบครัวคีแกนอย่างนั้นใช่ไหม"

    [ถ้าตามความเห็นของผมก็ใช่ มันมีความเป็นไปได้สูงทีเดียว เพราะคดีครอบครัวคีแกนมันมีความเชื่อมโยงกับคดีโดโนแวนที่เชสเตอร์เป็นผู้ก่อเหตุน่ะ เรื่องพวกนี้มันเหมือนกับจิ๊กซอว์ที่ค่อย ๆ ต่อกันลงล็อคเลยใช่ไหมล่ะ] เจย์เดนคิดว่าเขาสัมผัสได้ถึงความยินดีที่แฝงลึกอยู่ในน้ำเสียงนั้น [แล้วครอบครัวคีแกนก็คือครอบครัวของเดลตัน คีแกน พยานเพียงคนเดียวในคดีฆาตกรรมโดโนแวน ซึ่งเชสเตอร์ก็คือกุญแจสำคัญที่เชื่อมโยงคดีทั้งหมดนี้เข้าไว้ด้วยกัน]

    "เดี๋ยวก่อนนะ" เจ้าหน้าที่หนุ่มถึงกับโพล่งขัดขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ยินชื่อ ๆ หนึ่งที่ติดค้างอยู่ในหัวของเขามาตั้งแต่ช่วงเย็น "คุณบอกว่าใครเป็นพยานของคดีโดโนแวนนะ"

    [เดลตัน คีแกน ลูกชายคนเล็กของครอบครัวคีแกนน่ะ] ชั่วขณะนั้นเจย์เดนถึงกับใจกระตุกไปวูบหนึ่งเมื่อได้ยินคำตอบที่ย้ำชัดเจนจากอีกฝ่าย [ในไฟล์คดีบอกไว้ว่าหลังจากที่เดลตันทำการมอบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่เขามีให้กับเอฟบีไอ บ้านคีแกนก็ถูกบุกรุกในคืนนั้นเลย เจ้าหน้าที่เอฟบีไอบุกเข้าไปช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทันการณ์ พวกเขาพบร่างของนายและนางคีแกนที่ถูกยิงเสียชีวิตในตัวบ้าน แต่ไม่พบร่างของลูกชายทั้งสองกับคนร้าย แถมไฟล์กล้องวงจรปิดบ้านคีแกนก็ยังมาถูกลบหายไปจากเซิฟเวอร์อีกด้วย พวกเขาจึงสันนิษฐานว่าสองพี่น้องนั่นน่าจะถูกจับตัวไป แต่สืบหาเท่าไหร่ก็ไม่พบเบาะแส ผ่านไปสองปี สองพี่น้องนั่นก็กลายเป็นบุคคลสาปสูญ และห้าปีต่อจากนั้นทั้งคู่ก็กลายเป็นบุคคลเสียชีวิต ส่วนคดีฆาตกรรมนั้นจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่คลี่คลายและกลายเป็นคดีค้างเก่าไปแล้วเรียบร้อย]

    "นี่มัน..."

    เสียงของเจย์เดนนั้นขาดห้วงไปอย่างกะทันหัน เรื่องราวอันน่าหดหู่ที่ได้ยินจากวินเซนต์ทำเอาคนฟังอย่างเขาเกิดความรู้สึกสลดใจ

    การสูญเสียนี้มันโหดร้ายเกินไปสำหรับเด็กชายที่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง และเจย์เดนก็รู้ดีว่ามันยังมีคดีอันน่าสลดทำนองนี้อีกหลายสิบหลายร้อยคดีที่ปิดไม่ลงและต้องกลายเป็นคดีค้างเก่าไปอย่างช่วยไม่ได้ มันน่าเศร้าที่ยังคงมีคนตายและผู้สูญเสียอีกจำนวนไม่น้อยไม่เคยได้รับความยุติธรรมใด ๆ

    ซึ่งเขาก็ไม่อยากโทษว่านี่คือหนึ่งในความบกพร่องของกระบวนการยุติธรรม แม้ในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีมากมายสำหรับอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ทว่าการที่ยังมีคดีค้างเก่าหลงเหลืออยู่นั้นก็ชี้ให้เห็นว่าวิธีการของพวกเขายังมีจุดบกพร่อง และมันก็คือหน้าที่ของพวกเขาที่จะต้องลดจุดบกพร่องดังกล่าวให้เหลือน้อยที่สุด

    [มันอํามหิตใช่ไหมล่ะ]

    "ใช่" เขาตอบ "ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าพี่ชายของเดลตันชื่อว่าอะไร ใช่เกเบรียลหรือเปล่า"

    [คุณรู้ได้ยังไงกันน่ะ]

    "แปลว่าใช่อย่างนั้นสินะ"

    [อืม]

    "ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็คงถึงคราวที่คุณได้ฟังข้อมูลจากผมบ้างแล้ว" เจย์เดนว่า ก่อนที่วินเซนต์ที่อยู่ปลายสายจะนิ่งเงียบเป็นสัญญาณว่าเจ้าตัวกำลังรอฟังอยู่และให้เขาพูดต่อ "วันนี้ผมไปที่โกดังเก็บของส่วนตัวของแดนเนลมา มันเป็นโกดังที่ใช้เก็บข้าวของตั้งแต่สมัยมัธยมปลายของเขาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมันก็น่าแปลกมากเพราะในโกดังนั้นไม่มีข้าวของในวัยเด็กของเขาอยู่เลย นอกจากรูปถ่ายหนึ่งใบและตุ๊กตาหมีอีกหนึ่งตัว แล้วคุณรู้ไหมว่าคนที่อยู่ในรูปนั้นเป็นใคร"

    [ใคร เกเบรียลงั้นเหรอ]

    "อาฮะ แต่มันไม่ใช่แค่รูปเกเบรียลเพียงคนเดียว มันคือรูปถ่ายรวมของเดลตัน เกเบรียล และสุนัขบีเกิ้ลสองตัวที่ชื่อไมค์และริชาร์ด"

    [คุณก็เลยคิดว่านั่นคือรูปของสองพี่น้องคีแกน]

    "มันก็มีโอกาสเป็นไปได้ใช่ไหมล่ะ"

    [ถ้าอย่างนั้นแดนเนลไปมีมันได้ยังไงกัน]

    "นั่นล่ะที่ผมสงสัย แต่มันยังมีมากกว่านี้อีก แดนเนลเคยบอกกับจอห์นนี่ เจ้าหน้าที่จากทางนี้ว่าเขาเคยเลี้ยงสุนัขบีเกิ้ลสองตัวตอนเด็ก ๆ คุณว่ามันเริ่มเข้าเค้าบ้างแล้วหรือยัง"

    [อืม...คุณว่าแดนเนลจะรู้จักกับครอบครัวคีแกนหรือเปล่า]

    "ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ก็เลยให้เทย์เลอร์ คู่หูของผมค้นหาความเชื่อมโยงของแดนเนลกับสองพี่น้องนั่น แต่ก็ไม่พบอะไรเลย แล้วทีนี้ในโกดังส่วนตัวของแดนเนลน่ะมันมีมือถือเครื่องหนึ่งที่เขาใช้แบ็คอัพข้อมูลที่เขาเคยติดต่อกับริชาร์ด และผมก็เจอชื่อของโทนี่ในนั้น"

    [คุณหมายถึงโทนี่ อัน น่ะเหรอ]

    "เปล่า แค่โทนี่เฉย ๆ โทนี่ที่ไม่รู้ว่าเป็นชื่อจริงหรือเป็นเพียงแค่นามแฝง"

    [แล้วคุณพอจะมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกไหม เกี่ยวกับชื่อโทนี่ที่ว่านั่น]

    "ผมคิดว่าเขาน่าจะอยู่ในแก๊งมาเฟียแก๊งเดียวกับริชาร์ด" เจย์เดนตอบอีกฝ่าย พลางคลิกหาแชทเก่าของแดนเนลกับริชาร์ดออกมาดูอีกครั้ง "ไม่รู้ตำแหน่ง แต่เหมือนจะสามารถทำให้ริชาร์ดเดือดร้อนได้ และที่สำคัญคือน่าจะสั่งเก็บคนได้ด้วย"

    [ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าตำแหน่งค่อนข้างสูง น่าจะอยู่ระดับบัญชาการนะ]

    "คุณรู้เรื่องลำดับขั้นในแก๊งมาเฟียด้วยเหรอ"

    [งานของผมคือสืบคดีฆาตกรรมนะคุณ] วินเซนต์หัวเราะเล็กน้อย และมันก็ฟังดูเหมือนเป็นการหัวเราะหยันเสียมากกว่าการหัวเราะเพราะนึกขันจริง ๆ [คดีฆาตกรรมที่ผมรับผิดชอบส่วนใหญ่ก็เกิดจากการฆ่าปิดปากไม่ก็ฆ่าเพราะล้ำพื้นที่ของไอ้แก๊งมาเฟียพวกนี้ทั้งนั้น บางคดีสาวไปได้ไกลสุดก็แค่ระดับตัวล่อเอง พวกที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่งน่ะ]

    "ถ้าอย่างนั้นมีคดีที่คุณเคยสาวไปถึงพวกระดับบัญชาการบ้างไหม"

    [ก็มีบ้างนะ แต่น้อย] อีกฝ่ายตอบ [ถ้าไม่ใช่เพราะมีหลักฐานที่แน่นหนาพอแล้วล่ะก็ พวกมันก็แทบจะไม่ให้การซัดทอดถึงกันเลย คนที่หลุดเข้าไปอยู่ในวังวนนั้น มีน้อยมากที่พอโดนจับแล้วจะกล้าเปิดเผยข้อมูลชองแก๊งเพื่อแลกกับข้อเสนอที่ไม่รู้ว่าตกลงแล้วมันคุ้มหรือเปล่าจากเรา]

    "เพราะอำนาจของแก๊งมันแผ่ไปถึงคนในครอบครัวของสมาชิกด้วยสินะ"

    [ถูกต้อง คนที่กล้าแลกส่วนมากก็มีแต่พวกที่ตัวคนเดียว ไม่มีจุดอ่อน หรือไม่ก็เป็นพวกที่มีจุดอ่อนที่ปวกเปียกมากเกินไปจนเราบีบมันไว้ในกำมือได้นั่นแหละ]

    "แล้วที่คุณสาวไปถึงพวกระดับบัญชาการได้เป็นเพราะพวกไหนมากกว่ากันล่ะ ไร้จุดอ่อน หรือมีจุดอ่อนที่คุณคว้าไว้ได้"

    [ส่วนใหญ่ผมเจอพวกแรกมากกว่า แต่ก็อย่างที่บอก มันก็ยังถือว่ามีน้อยอยู่ดี]

    "ผมพอเข้าใจแล้วล่ะ"

    [เอาเป็นว่าเรื่องโทนี่ในแก๊งเดี๋ยวผมจะช่วยหาด้วยอีกแรงหนึ่ง ยังไงก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากนะเจย์เดน มันเป็นประโยชน์ต่อคดีมากทีเดียว]

    "ข้อมูลของคุณก็เป็นประโยชน์ต่อผมมากเหมือนกัน" เขาตอบอีกฝ่าย "ถ้าอย่างนั้นผมขอวางสายแล้วโทรหาคู่หูของผมก่อน ไว้ถ้าผมได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมผมจะติดต่อคุณไป"

    [ได้เลย ผมก็เช่นกัน]





    วินเซนต์เป็นฝ่ายตัดสายไปพร้อมกับทิ้งอาการปวดหัวตุบ ๆ ไว้ให้เจย์เดน ข้อมูลที่พันกันยุ่งเหยิงก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะค่อย ๆ คลี่คลายและเรียงร้อยต่อกันจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่งอย่างเป็นระบบระเบียบ เขาเหมือนจะเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดออกมาเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้น แต่มันก็ยังคงมีบางส่วนที่เบลอและมองไม่ออกอยู่

    เจ้าหน้าที่หนุ่มรู้สึกล้า ทว่าไม่กล้าทำตัวหย่อนยานมากนัก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการอยู่ท่ามกลางบรรดาเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่กำลังขะมักเขม้นกับหน้าที่ของตนเอง ทุกคนในที่นี้ต่างก็ทำงานกันอย่างเงียบเชียบ น้อยครั้งที่จะมีใครสักคนหันไปพูดคุยหรือปรึกษาคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ภาพที่เห็นทำให้คนเหล่านั้นดูราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ให้ทำเพียงแค่วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ไป ความเอาจริงเอาจังของทุกคนในห้องนี้นั้นดูน่าเหลือเชื่อ และก็ดูน่ากลัวไปในคราวเดียวกัน

    เจย์เดนเลิกให้ความสนใจกับเจ้าหน้าที่ร่วมห้องทำงานคนอื่น ๆ เขารีบทำการต่อสายถึงคู่หูของตนเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ในรอบวัน ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปหากาแฟดื่มในครัว เพราะในตอนนี้นั้นร่างกายของเขากำลังโหยหาคาเฟอีนเป็นอย่างมาก

    "เรื่องของเกเบรียลกับเดลตันมีอะไรคืบหน้าบ้างหรือยัง"

    [ใจเย็นหน่อยคู่หู] คนที่อยู่อีกฟากของสัญญาณรีบเอ่ยปราม เมื่อได้ยินเขาทวงถามถึงเรื่องที่ฝากให้จัดการทันทีที่รับสายโดยไม่มีแม้แต่การเกริ่นนำใด ๆ [นายเพิ่งบอกให้ฉันค้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เองนะ]

    "ปกติใช้เวลาหาไม่ถึงห้านาทีก็เจอ"

    เจย์เดนเอ่ย เขาใช้หูหนีบสมาร์ทโฟนเข้ากับหัวไหล่ของตน ขณะเอื้อมมืออีกข้างไปหยิบแก้วมัคที่วางอยู่บนชั้นวางแก้ว ก่อนมือที่กำลังเลื่อนผ่านชั้นวางจะหยุดชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อสายตาของเขาเกิดไปสบเข้ากับแก้วมัคสะอาดใบหนึ่งที่วางคว่ำอยู่บนนั้น

    มันคือแก้วใบที่เขาใช้ชงโกโก้ให้กับแดนเนลในคืนก่อน

    เจ้าหน้าที่หนุ่มคว้าแก้วใบนั้นมากุมไว้ และเปลี่ยนความตั้งใจจากที่จะชงกาแฟเป็นชงโกโก้ดื่มแทนในชั่วเสี้ยววินาที โดยแอบหวังลึก ๆ ว่าโกโก้อุ่น ๆ อาจจะช่วยคลายความกังวลใจเขาไปได้บ้าง

    [นั่นมันในกรณีที่มีทั้งชื่อและนามสกุลและข้อมูลอื่น ๆ ครบถ้วนไหมล่ะ นี่อะไรกัน มาแต่ชื่อ ถ้าจะให้เจอในห้านาทีนายคงต้องไปนอนฝันหวานเอานะเจย์เดน] เสียงกระแหนะกระแหนอย่างไม่จริงจังนักของเทย์เลอร์วิ่งเข้าหูซ้ายก่อนจะทะลุออกไปจากหูขวาของเขาอย่างไร้การประมวลผล เจย์เดนทำเพียงแค่ส่งเสียงอือออตอบกลับไปขณะตักผงโกโก้ใส่แก้วมัค และแน่นอนว่าใครอีกคนที่อยู่ปลายสายก็จับได้ในทันทีว่าเขาไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่เจ้าตัวกำลังพูดอยู่เลยสักนิด [นี่นายฟังฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย]

    "นายก็พูดมาแต่เนื้อ ๆ สิ" เขาสวนอีกฝ่ายกลับอย่างไม่ยอมลงให้ "ฉันได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสองพี่น้องนั่นมาจากวินเซนต์ นายยังอยู่ที่หน้าจอใช่ไหมเทย์เลอร์"

    [ก็ใช่น่ะสิ นายเล่นโยนข้อมูลกองโตมาให้ฉันหา แล้วจะให้ฉันลุกไปไหนได้กันล่ะพวก]

    "ดี ถ้าอย่างนั้นก็หาชื่อนี้ให้ฉันหน่อย" เขาว่า "เดลตัน คีแกน พยานในคดีโดโนแวนที่เชสเตอร์เป็นฆาตกร"

    [เดลตัน...คีแกน...] เจย์เดนได้ยินเสียงพึมพำที่เทย์เลอร์ทวนชื่อนั้นไปพร้อม ๆ กันกับเสียงกดแป้นพิมพ์ [ฉันเจอแล้ว มีคดีฆาตกรรมโดโนแวนที่เป็นพยาน กับคดีฆาตกรรมครอบครัวคีแกนที่เป็นเหยื่อ]

    "คดีฆาตกรรมครอบครัวคีแกนนั่นแหละ นายลองอ่านดู"

    เขาให้เวลาคู่หูของตนด้วยการคนโกโก้ร้อนในแก้วรอ และโก้ร้อนในคืนนี้ของเขาก็ไม่มีมาร์ชเมลโลลอยอยู่ด้านบนดังเช่นคืนก่อน

    เขาไม่ได้ใส่มันเพราะกลัวว่าจะยิ่งเผลอนึกถึงใครอีกคนที่เคยดื่มโกโก้จากแก้วเดียวกันนี้จนปากเลอะ

    เขากลัวว่าตัวเองจะเผลอนึกถึงแดนเนลจนหลุดโฟกัสจากการคุยเรื่องข้อมูลกับเทย์เลอร์

    [ให้ตายเถอะ นี่มันออกจะโหดร้ายเกินไปหน่อยไหม] ในที่สุดคู่หูของเขาที่เงียบหายไปหนึ่งอึดใจก็หลุดสบถออกมา [ตายยกครอบครัวเลยเนี่ยนะ]

    "ให้ถูกคือตายสอง สาปสูญสอง"

    เจย์เดนแก้ให้

    [ก็ใช่ แต่สาปสูญไปเป็นสิบปีมันก็ไม่ต่างจากตายไปแล้วหรือเปล่า]

    "นายว่าแผนกคดีค้างเก่าจะว่ายังไงบ้างถ้าฉันอยากให้นำคดีนี้มาสอบสวนใหม่"

    [คดีฆาตกรรมครอบครัวคีแกนน่ะนะ]

    "อืม"

    [เพราะมันเชื่อมโยงกับคดีเชสเตอร์เหรอ]

    "ใช่" เจย์เดนว่า "และมันยังมีเรื่องของโทนี่ที่มันกวนใจฉันแปลก ๆ"

    [ยังไงนะ โทนี่จากไหนอีก โทนี่ อัน น่ะเหรอ]

    "ไม่รู้เหมือนกัน อาจเป็นโทนี่ อัน ก็ได้ หรือไม่ก็อาจเป็นโทนี่ที่เป็นนามแฝงของใครสักคน" เขาตอบ "ฉันได้ชื่อโทนี่มาจากแชทของแดนเนลกับริชาร์ด สองคนนั้นแอบติดต่อกันมาโดยตลอดตั้งแต่แดนเนลเข้าร่วมกับซีไอเอ"

    [โอ้...ตายล่ะ นี่นายกำลังจะบอกฉันว่าแดนเนลเป็นหนอนให้กับริชาร์ดอย่างนั้นเหรอ]

    "ไม่รู้สิ แต่ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ" เจย์เดนว่า "ในแชทนั้นมันเหมือนกับว่าทั้งสองคนร่วมมือกันทำอะไรบางอย่างอยู่มากกว่า แต่ปัญหาคือไม่มีใครรู้ว่าไอ้อะไรบางอย่างที่ว่านั่นมันคืออะไร ข้อมูลที่สองคนนั้นแลกเปลี่ยนกันก็มีเพียงแค่ข้อมูลที่เกี่ยวกับแก๊งมาเฟียของริชาร์ด จนมันเหมือนกับว่าริชาร์ดมากกว่า...ที่เป็นหนอนให้แดนเนล"

    [นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ล่ะเนี่ย ทั้งคดีฆาตกรรมพวกนี้ ทั้งเรื่องของแดนเนล หัวฉันจะระเบิดอยู่แล้ว]

    "วางใจเถอะเทย์เลอร์ ไม่ใช่แค่นายหรอกที่รู้สึกอย่างนั้น"

    เจย์เดนบอกกับอีกฝ่าย ก่อนจะยกแก้วโกโก้ขึ้นจิบ เขามุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าโกโก้ที่เขามั่นใจในฝีมือการชงตัวเองนักหนานั้นมีรสผิดเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่ามันเป็นเพราะคืนนี้เขามัวแต่ใจลอยจนทำให้ชงผิดไปจากสูตรปกติของตัวเอง หรือว่ามันเป็นเพราะเรื่องราวที่ประดังเข้าหาเขาในคราเดียวกันแน่ ที่ทำให้รสชาติของมันทั้งหนักอึ้ง และเข้มเสียจนเกือบทั้งแก้วนั้นมีเพียงแค่รสขมอย่างนี้

    [นายต้องการให้ฉันส่งเรื่องไปที่แผนกคดีค้างเก่าเลยไหม แต่ฉันไม่รู้นะว่าพวกนั้นจะว่างรื้อคดีให้เมื่อไหร่ เพราะเท่าที่ได้ยินมารู้สึกว่าแผนกนั้นงานค่อนข้างตึงมือเลยทีเดียว คนมีน้อยเกินไป แต่คดีค้างเก่าที่ยังไม่ได้ชำระน่ะมีอยู่เป็นพัน ๆ คดี]

    "ส่งเรื่องไปเลย" เจย์เดนบอก "แล้วก็..."

    [แล้วก็...]

    "ก่อนนายจะส่งเรื่องไปให้แผนกคดีค้างเก่า นายช่วยเช็คให้ฉันหน่อยได้ไหมว่าในไฟล์คดีครอบครัวคีแกนมีข้อมูลดีเอ็นเอของคนอื่นนอกจากฆาตกรหรือเปล่า"

    [มีข้อมูลดีเอ็นเอของนายและนางคีแกนที่เสียชีวิตอยู่ ทำไม นายจะให้ฉันหาอะไรงั้นเหรอ]

    "อืม...ช่วยเสิร์ชดูให้หน่อยว่าในฐานข้อมูลของเรามีข้อมูลของคนที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับครอบครัวนี้อีกบ้างไหม จะเป็นญาติใกล้ ๆ หรือญาติห่าง ๆ ก็ได้"

    [สักครู่นะ] เทย์เลอร์ตอบเขา ก่อนที่ปลายสายนั้นจะมีเพียงเสียงกดแป้นพิมพ์และเสียงคลิกเม้าส์เท่านั้นที่ดังลอดออกมา เจย์เดนรอฟังผลอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะใจเย็นได้ จนในที่สุดเสียงทุกอย่างก็เงียบสนิท และต่อจากนั้น เจย์เดนก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองได้ยินเสียงอุทานอันแสนเบาหวิวของเทย์เลอร์ [ให้ตาย—นายต้องไม่อยากเชื่อเรื่องนี้แน่เพื่อน]

    "ทำไม นายเจออะไรงั้นเหรอ"

    [เจอเข้าเต็ม ๆ เลย] น้ำเสียงของเทย์เลอร์ฟังดูเครียดเคร่งผิดไปจากทุกครั้ง [ฉันเจอคน ๆ หนึ่งที่มีข้อมูลดีเอ็นเอตรงกับของนายและนางคีแกนอย่างละห้าสิบเปอร์เซ็นต์ในฐานข้อมูลอาชญากร]

    "ใครกัน นายเจอใคร"

    [แดนเนล คิม ผู้ต้องหาคดีอาชญากรรมทางไซเบอร์ แดนเนลคนนั้นที่ทำงานให้กับซีไอเอ]







    [tbc.]

    ***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกเรามาได้เลยนะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***

    ________________________________________

    ชินดงฮี - โดโนแวน แชนดอน

    ฮื่อออ กลับมาพร้อมกับปมที่คิดว่าหลายๆคนน่าจะพอเดาออกกันแล้ว ; - ;)
    ตอนนี้มีแต่การคุยโทรศัพท์ล้วนๆเลยค่ะ
    เจย์เดนทำงานหนั๊กหนักเกินค่าตัวไปโข แต่ก็ขอให้อดทนต่ออีกนิดนะ ฮึบไววว้

    สำหรับใครที่งงเรื่องคดีฆาตกรรม ในตอนนี้มีการพูดถึงคดีทั้งหมด 3 คดี
    เรียงตามช่วงเวลาที่เกิดดังนี้ค่ะ
    1. คดีฆาตกรรมโดโนแวน ฆาตกรคือเชสเตอร์ ตัดสินแล้วเรียบร้อย 
    2. คดีฆาตกรรมครอบครัวคีแกน ยังจับฆาตกรไม่ได้ เป็นคดีค้างเก่า
    3. คดีฆาตกรรมเชสเตอร์ ยังจับฆาตกรไม่ได้ เป็นคดีที่ยังสืบสวนอยู่

    ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ
    #ฟิควรบจด
    how to comment ใน minimore

    ADVERTISEMENT

    ADVERTISEMENT

    ADVERTISEMENT

    ADVERTISEMENT

    ADVERTISEMENT

    Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in