เจย์เดนเคยเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนสุขุมพอสมควร เขาเคยคิดว่าเขาจะสามารถใจเย็นและรับมือกับอารมณ์ของตัวเองได้ดีเมื่อต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกกังวลและกระวนกระวายใจ
ทว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงจริง เขากลับพบว่าตัวเองทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ เขาไม่สามารถนิ่งสงบได้อย่างที่เคยคิดเอาไว้ เขาไม่อาจคงความใจเย็นเอาไว้ได้ และไม่อาจรับมือกับอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดีเลยแม้แต่น้อย
ในยามนี้เขารู้สึกร้อนรน และความวิตกที่เกิดขึ้นนั้นก็ทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า
"เรื่องตามรอยรถคันนั้นผมประสานงานกับทางเอฟบีไอไปแล้ว อีกเดี๋ยวคงได้ความคืบหน้ามาบ้าง" เจย์เดนหันไปเอ่ยกับไทรอน ขณะที่พวกเขาสองคนกำลังเดินกลับไปยังห้องทำงาน "คุณได้อะไรจากแล็ปท็อปของเขาบ้างไหม"
"ได้สิ ผมเจออีเมลคอนเฟิร์มการจ่ายเงินเช่าโกดังเก็บของของเขากับทางพับลิคสตอเรจ" ไทรอนตอบ พับลิคสตอเรจที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงนั้น คือบริษัทให้เช่าพื้นที่โกดังรายใหญ่เจ้าหนึ่งที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วลอสแอนเจลิส "เมื่อกี้ตอนคุณเช็คข้าวของของเขา คุณเจอกุญแจหรือคีย์การ์ดอะไรบ้างไหม"
"ไม่เลย แต่ผมยังไม่ได้เช็คโต๊ะทำงานเขานะ"
"อย่างนั้นผมฝากด้วย ถ้าหาไม่เจอจริง ๆ คงต้องบุกค้น เดี๋ยวผมหาให้ว่าโกดังที่เขาเช่าไว้นั้นอยู่ตรงไหน"
เจย์เดนพยักหน้ารับแล้วเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของแดนเนลเพื่อหากุญแจโกดังที่ว่านั่น เขาสังเกตเห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่กำลังเดินมาที่ห้องทำงานนี้ผ่านมู่ลี่ที่ติดอยู่ตรงผนังกระจก
เป็นจอห์นนี่ เขาดูใจเย็นลงกว่าเมื่อครู่มาก ยามที่เขาใช้มือเลื่อนประตูห้องทำงานให้เปิดออกแล้วเดินเข้ามาด้านใน เจย์เดนเหลือบมองอีกฝ่ายที่กำลังยืนคุยอะไรบางอย่างกับไทรอน ก่อนเจ้าตัวจะเดินตรงมาหาเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"ผมต้องขอโทษด้วยที่เมื่อกี้พาลใส่คุณ" อีกฝ่ายเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน เจย์เดนสัมผัสได้ถึงความเครียดเคร่งในน้ำเสียงนั้น และเขาก็เข้าใจดีว่ามันเป็นเพราะอะไร "ไทรอนบอกว่าคุณตามรอยรถไปจนถึงซานดิเอโกใช่ไหม"
"ใช่" เขาตอบ "ผมให้ทางเอฟบีไอช่วยตามเรื่องนี้ต่อแล้ว ตอนนี้เราคงได้แค่รอ"
"อืม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะลองติดต่อกับสายที่แฝงตัวอยู่ในแถบนั้นดูอีกทาง เผื่อมีข่าวกรองอะไรเพิ่มเติม"
"ผมขอโทษที่ประมาทเขา"
"เอาเถอะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณคนเดียวเสียหน่อย" จอห์นนี่ถอนหายใจ "คนของผมเองก็ประมาทด้วยเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงหลบออกไปจากที่นี่ไม่ได้"
"ถ้าเราตามตัวเขากลับมาได้ เขาจะโดนโทษอะไรเพิ่มหรือเปล่า"
"อย่างน้อย ๆ ก็คงต้องสวมเครื่องติดตามตัว" อีกฝ่ายตอบอย่างตรงไปตรงมา "เขาต้องไม่ชอบใจแน่นอน ผมนึกหน้าหงุดหงิดของเขาออกเลย"
กุญแจและคีย์การ์ดโกดังเก็บของของแดนเนลนั้น ถูกเก็บอยู่ท่ามกลางเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงานชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่แบ่งช่องเป็นสัดส่วนในลิ้นชักโต๊ะทำงานของเจ้าตัว เจย์เดนหยิบมันขึ้นมา และใช้โอกาสนี้ในการสำรวจข้าวของต่าง ๆ ของแดนเนลเพิ่มเติม
แก้วเก็บความเย็นที่อยู่บนโต๊ะยังคงมีน้ำหลงเหลืออยู่ด้านใน สมุดที่ถูกวางทิ้งไว้ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์มีลายมือของอีกฝ่ายเขียนประทับไว้อยู่ กล่องกระดาษทิชชูแกะใช้แล้วพร่องไปกว่าครึ่ง เจ้าหน้าที่หนุ่มไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่ที่ตนดันเกิดความรู้สึกดีใจลึก ๆ เมื่อได้เห็นอะไรพวกนี้
บางทีอาจเป็นเพราะว่ามันคือหนึ่งในไม่กี่ร่องรอยของแดนเนลที่ยังหลงเหลืออยู่ที่นี่
ร่องรอยที่บอกกับเขาว่าอีกฝ่ายเคยอยู่ตรงนี้จริง ๆ ด้วยกันกับเขา
การเจอกุญแจและคีย์การ์ดนั้นทำให้การตามหาตำแหน่งของโกดังเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ไทรอนใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัดได้
"คุณว่าเขาจะโกรธไหมถ้ารู้ว่าเราไปรื้อค้นของส่วนตัวของเขา"
เจย์เดนที่ยืนรอให้ไทรอนไขกุญแจโกดังอยู่เอ่ยถามขึ้น เขาคิดว่าแดนเนลคงไม่ชอบใจเท่าไหร่หากรู้ว่าเขารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่ายโดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม แต่เขาเองก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก เขาค่อนข้างคาดหวังว่าตัวเองจะพบเบาะแสที่เกี่ยวกับอีกฝ่ายบ้างจากที่นี่ เขาอยากจะเข้าใจอีกฝ่ายให้มากขึ้น อยากจะได้ชิ้นส่วนของฟันเฟืองที่ประกอบกันจนมาเป็นอีกฝ่ายในทุกวันนี้
"ไม่รู้สิ" ไทรอนมีสีหน้าขบคิดอยู่เพียงครู่หนึ่งก่อนจะไหวไหล่เล็กน้อย "แต่ผมว่าเขาคงไม่โกรธหรอก"
"ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นล่ะ"
"เพราะการที่เขาทิ้งกุญแจโกดังเอาไว้ มันแปลว่าเขาอยากให้เรามาที่นี่อยู่แล้วยังไงล่ะ" คนที่ร่วมงานจนรู้นิสัยของแดนเนลค่อนข้างดีเอ่ยตอบ "เขาฉลาดในการระมัดระวังตัวจะตาย เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยพวกนี้เอาไว้เพราะความประมาทเลินเล่อหรอกนะ แต่เขาจงใจต่างหาก"
ประตูเหล็กม้วนที่เริ่มฝืดเพราะถูกปิดเอาไว้นานส่งเสียงดังขึ้นเมื่อเสียดกับราง เจย์เดนตรงเข้ามาช่วยดันบานประตูให้ม้วนเปิดขึ้น ไทรอนเอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟด้านใน ก่อนที่แสงจากหลอดไฟนีออนจะกระพริบและส่องสว่างไปทั่วทั้งโกดังแห่งนี้
ข้าวของส่วนตัวของแดนเนลที่อยู่ในโกดังนั้นไม่ได้ถูกวางกองทิ้งระเกะระกะไว้อย่างที่เขาคาด กลับกันเสียด้วยซ้ำ พวกมันถูกเก็บใส่กล่องอเนกประสงค์ขนาดหนึ่งร้อยลิตร และจัดวางอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ทว่าแม้แดนเนลจะจัดเก็บของไว้อย่างเป็นที่เป็นทาง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายนั้นจะไม่ได้ใส่ใจกับการทำความสะอาดที่นี่สักเท่าไหร่ กล่องเก็บของที่อยู่ในห้องนี้เกินกว่าครึ่งมีฝุ่นจับหนาเขรอะ ราวกับว่ามันได้ถูกเก็บไว้อยู่ในที่แห่งนี้มาแล้วนานแสนนาน แต่ในขณะเดียวกัน บางกล่องเองนั้นก็ดูสะอาดเอี่ยมไร้ร่องรอยสกปรกใด ๆ
เจย์เดนกับไทรอนแบ่งพื้นที่รับผิดชอบในการสำรวจอย่างรวดเร็ว แม้ถุงมือและหน้ากากปิดจมูกที่พวกเขาทั้งคู่พกติดตัวมาด้วยนั้นจะทำให้การต้องผจญกับฝุ่นในโกดังไม่ได้หนักหนาเท่าที่ควรเป็น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สร้างความลำบากให้กับพวกเขาอยู่ไม่น้อย
ทั้งสองคนต่างสลับกันส่งเสียงจามออกมาไม่ขาด ขณะค่อย ๆ เปิดกล่องเก็บของเหล่านั้นออกดูทีละกล่อง เจย์เดนไม่เจออะไรมากไปกว่าเท็กซ์บุ้คสมัยมหาวิทยาลัยของแดนเนล เอกสารเก่าเก็บเกี่ยวกับการเรียน ส่วนไทรอนเองก็เจอเพียงแค่ข้าวของเครื่องใช้ที่เคยอยู่ในห้องพักของอีกฝ่ายก่อนที่จะถูกบุกรุก
จำนวนกล่องข้าวของในโกดังแห่งนี้เมื่อนับรวมทั้งหมดแล้วก็พบว่ามันมีอยู่ไม่ถึงยี่สิบกล่องด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นเจย์เดนก็ยังต้องใช้เวลาตรวจสอบของด้านในอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดส่วนที่เขารับผิดชอบนั้นก็เหลือเพียงกล่องสุดท้าย มันเป็นกล่องที่มีฝุ่นจับหนามากที่สุดในพื้นที่ของเขา เจ้าหน้าที่หนุ่มใช้มือเปิดฝากล่องเก็บของดังกล่าวออกด้วยความรู้สึกหมดหวังที่จะได้เบาะแสเพิ่มเติมจากที่นี่ ฝุ่นที่จับอยู่ด้านบนพากันฟุ้งขึ้นจนทำให้เขาถึงกับต้องลอบกลั้นหายใจ แม้ว่าตนจะสวมหน้ากากปิดจมูกอยู่ก็ตาม
สิ่งที่อยู่ด้านในนั้นมีเพียงตุ๊กตาหมีขั้วโลกสีขาวที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีอมเหลืองตามกาลเวลา กับกรอบรูปที่มีรูปของเด็กชายสองคนที่ฉีกยิ้มกว้างให้กับกล้องและสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลสองตัว
เจย์เดนหยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมาสำรวจอย่างละเอียด เด็กชายในรูปทั้งสองนั้นดูคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก และฝ่ายที่มีขนาดตัวที่เล็กกว่าก็มีบางส่วนที่คลับคล้ายคลับคลากับแดนเนลอย่างน่าประหลาด
เขารู้ตั้งแต่ตอนที่เห็นของในกล่องใบแรกแล้วว่าโกดังแห่งนี้คงเปรียบเสมือนสถานที่เก็บบันทึกอดีตของแดนเนลในแต่ละช่วงเวลาเอาไว้ ไทรอนเจอข้าวของในช่วงที่แดนเนลเริ่มทำงานกับทางซีไอเอ ส่วนตัวเขาเองนั้นก็เจอข้าวของของอีกฝ่ายในช่วงมหาวิทยาลัยไล่ลงมาจนถึงช่วงมัธยมปลาย ก่อนที่มันจะหยุดอยู่แค่นั้น ไม่มีช่วงก่อนนั้นอีก
ความสงสัยก่อตัวขึ้นในใจของเจย์เดนทันทีเมื่อเขาเห็นว่าสิ่งที่บอกเล่าถึงตัวตนของแดนเนลในวัยเด็กนั้น มีเพียงแค่ตุ๊กตาหมีและกรอบรูปที่อยู่ในลังนี้
มันเป็นไปได้เหรอที่คนเราจะไม่มีข้าวของในวัยเด็กหลงเหลืออยู่เลย ทั้งที่มีของในช่วงวัยอื่นอยู่เต็มไปหมด
เจ้าหน้าที่เอฟบีไอขมวดคิ้วมุ่น และไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเคยชิน หรือด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เจย์เดนทำการพลิกกรอบรูปนั้นก่อนจะถือวิสาสะแกะมันออก เขาสังเกตเห็นลายมือโยกโย้ตัวโต ดูคล้ายลายมือของเด็กเพิ่งหัดเขียนที่ประทับอยู่บนหลังรูปดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
- เกเบรียล เดลตัน ไมค์ ริชชี่ ตลอดไป -
เจย์เดนมุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อพบว่าชื่อที่เขียนอยู่นั้นไม่ใช่ชื่อของแดนเนลตามที่เขาคาดไว้ ก่อนที่คำถามมากมายจะผุดขึ้นมาในหัวของเขา เกเบรียลและเดลตันคือใคร เด็กสองคนในรูปนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับแดนเนล
เป็นลูกชายอย่างนั้นเหรอ แต่ในประวัติของแดนเนลก็ไม่เห็นมีบอกว่าเจ้าตัวมีลูกติด
หรือจะเป็นญาติ อันนี้ค่อยฟังดูเข้าเค้าขึ้นมาหน่อย หากดูจากใบหน้าที่คลับคล้ายคลับคลากับเจ้าตัวนั่นแล้วล่ะก็นะ
หรือไม่ก็อาจเป็นเพื่อนในวัยเด็ก...
แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อไหน สิ่งหนึ่งที่ทำให้เจย์เดนนึกสงสัยมากขึ้นไปอีกก็คืออะไรกันที่ทำให้แดนเนลยังคงเก็บรูปถ่ายใบนี้เอาไว้ ทั้งที่เจ้าตัวไม่มีข้าวของอื่นใดที่บ่งบอกถึงช่วงวัยเด็กอีกเลย หากจะบอกว่ามันเป็นของสำคัญ ถ้าอย่างนั้นทำไมอีกฝ่ายถึงไม่พกติดตัวเอาไว้ ทำไมถึงได้เลือกนำมันมาเก็บไว้ที่โกดังแห่งนี้
เจ้าหน้าที่หนุ่มตัดสินใจที่จะหยุดความคิดเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมายของตัวเองลง และหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดโทรออกหาคู่หูของตนที่น่าจะช่วยหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ได้
[ว่าไง]
เทย์เลอร์ไม่ปล่อยให้เขาต้องรอนานนัก อีกฝ่ายรับสายของเขาอย่างรวดเร็วเช่นทุกครั้ง และมันก็ทำให้เจย์เดนใจชื้นที่ได้รู้ว่าเขามีคนที่ไว้ใจได้คอยเตรียมพร้อมให้ช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ
"นายยังอยู่ที่สำนักงานไหมตอนนี้"
[อาฮะ ยังอยู่ นายมีอะไรงั้นเหรอ]
"นายอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นช่วยเช็คให้ฉันหน่อยว่าแดนเนล คิม มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเด็กที่ชื่อเกเบรียลและเดลตันบ้างหรือเปล่า"
[อ่า—สักครู่นะ] เทย์เลอร์พึมพำตอบรับ ก่อนที่เจย์เดนจะได้ยินเสียงก๊อกแก๊กที่เกิดจากการเคาะแป้นพิมพ์ดังลอดออกมาตามสายโทรศัพท์ [เกเบรียล...เดลตัน...มีนามสกุลไหม]
"ไม่มี"
[ยากเลย]
"เจออะไรบ้างหรือเปล่า" เขาเร่งเร้า และการเงียบหายไปของปลายสายก็ทำให้เขาร้อนรน "ว่าไง"
[ใจเย็นสิ] อีกฝ่ายส่งเสียงปราม ก่อนจะเงียบไปอีกหนึ่งอึดใจและให้คำตอบที่น่าผิดหวังแก่เขากลับมา [ไม่เจอ]
"ไม่เจอเลยเหรอ ประวัติการเปลี่ยนชื่อล่ะมีบ้างไหม แล้วลูกชาย หลานชาย ญาติพี่น้อง อะไรทำนองนั้นไม่มีบ้างเลยเหรอ"
[ไม่มีนะ] เทย์เลอร์ย้ำคำตอบเดิมอย่างชัดเจน [ในประวัติของแดนเนล คิม ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคนชื่อเกเบรียลและเดลตันเลย]
"แปลก" เจย์เดนพึมพำ "ฉันเจอรูปเด็กที่ชื่อเกเบรียลและเดลตันในโกดังเก็บของส่วนตัวของแดนเนล ถ้าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเด็กสองคนนั้นแล้วเขาจะเก็บรูปนี้เอาไว้ทำไม และที่สำคัญ จอห์นนี่บอกฉันว่าตอนเด็ก ๆ แดนเนลเคยเลี้ยงสุนัชพันธุ์บีเกิ้ลสองตัว ในรูปนี้ก็มีสุนัขบีเกิ้ลสองตัวเหมือนกัน"
[นายเลยคิดว่าบีเกิ้ลสองตัวนั่นอาจเป็นบีเกิ้ลของแดนเนลตอนเด็กงั้นสินะ]
"อืม ฉันคิดว่าเกเบรียลและเดลตันอาจเป็นเพื่อนหรือไม่ก็ญาติสนิท แต่มันก็ยังแปลกมากอยู่ดี" เจย์เดนตอบ "แดนเนลมีข้าวของตั้งแต่สมัยมัธยมปลายจนถึงตอนนี้ที่เขาทำงานให้กับซีไอเอ แต่ของในช่วงวัยก่อนหน้านั้นกลับมีเพียงแค่รูปถ่ายนี่กับตุ๊กตาหมีเพียงแค่ตัวเดียว มันเหมือนกับ—วัยเด็กของเขาขาดหายไป"
[อืม ก็แปลกจริง ๆ นั่นล่ะ]
"แล้วนายคิดว่าชื่อริชชี่และไมค์จะใช่ชื่อเล่นของริชาร์ดกับไมเคิลแอนเจโลหรือเปล่า"
[ก็ฟังดูเข้าเค้า แต่นายไปเอาไอ้ชื่อริชชี่กับไมค์มาจากไหนกันล่ะนั่น]
"ชื่อสุนัขสองตัวในรูปน่ะ" เจย์เดนว่าพลางยกมือคลึงขมับ "ฉันปวดหัวชะมัด นายรู้ไหมว่าตอนแรกฉันคิดว่าหนึ่งในสองคนนั้นอาจเป็นริชาร์ดก็ได้ ถ้าทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่เด็ก บางทีเขาอาจเป็นญาติสนิทหรือไม่ก็เพื่อนสนิทกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็พอจะเข้าเค้าอยู่ว่าทำไมแดนเนลถึงไม่เคยให้การซัดทอดไปยังริชาร์ดเลย"
[ตอนนี้ฉันก็ชักจะปวดหัวตามนายบ้างแล้ว ให้ตายเถอะ นายเอาอะไรมายัดใส่หัวฉันเนี่ย]
"เฮ้ เจย์เดน" ไทรอนที่กำลังเช็คของอยู่อีกฝั่งของโกดังร้องเรียกเขา "มาตรงนี้หน่อย"
"โอเค" เจย์เดนขานตอบ ก่อนจะบอกกับเทย์เลอร์ที่อยู่ในสาย "ฉันต้องวางสายแล้ว นายช่วยหาให้หน่อยแล้วกันว่าในฐานข้อมูลมีประวัติของคนชื่อเกเบรียลหรือเดลตันที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอยู่บ้างหรือเปล่า"
[ได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยนะ]
"ถ้าอย่างนั้นก็เรียกโยนาธานให้มาช่วยอีกแรง"
[หมอนั่นต้องมาบ่นใส่ฉันอีกแหง]
"หรือถ้านายจะทำคนเดียวฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร"
[นี่คู่หู เผื่อนายยังไม่รู้ ในอเมริกาน่ะมีคนชื่อเกเบรียลกับเดลตันอยู่เป็นหมื่นเป็นแสนคนเลยนะ คิดว่ามันง่ายนักเหรอไอ้การหาทั้งหมดนั่นด้วยตัวคนเดียวน่ะ]
"นั่นแหละ ยังไงก็หาให้ไวที่สุดก็แล้วกัน" เขาตัดบทก่อนที่เทย์เลอร์จะบ่นยาวกว่านี้ "ฉันอยากรู้ว่าตกลงเรื่องพวกนี้มันเป็นไปอย่างที่ฉันคิดไหม ถ้าได้หรือไม่ได้ยังไงก็โทรมาบอกฉันด้วยล่ะ"
[โอเค]
ร่างสูงของเจย์เดนเดินตรงไปหาใครอีกคนที่อยู่ในโกดังแห่งนี้ทันทีหลังวางสายจากคู่หู และเขาก็สังเกตเห็นสิ่งที่อยู่ในมืออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว มันคือสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังแบรนด์หนึ่งซึ่งเคยเป็นรุ่นเรือธงของเมื่อหลายปีก่อน
ไทรอนดูสนอกสนใจอยู่พอสมควร ขณะพลิกมันไปมาเพื่อเช็คสภาพภายนอกก่อนจะกดเปิดเครื่อง ทันใดนั้นเอง บนหน้าจอของสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เจ้าหน้าที่จากต่างองค์กรทั้งสองต่างก็มองไปที่มันเป็นตาเดียว
"ผมก็ว่าผมรู้จักแดนเนลมาหลายปี ทุกครั้งที่เขาเปลี่ยนมือถือผมก็รู้ตลอด แต่ผมกลับไม่เคยเห็นเขาใช้มือถือเครื่องนี้เลย"
"ถ้าในนี้มีเบาะแสอะไรบ้างก็คงดี"
ไทรอนรอจนกระทั่งสมาร์ทโฟนเปิดเครื่องเสร็จสรรพ เจย์เดนมองอีกฝ่ายพิมพ์รหัสปลดล็อคหน้าจออย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว
"ได้แล้วล่ะ"
อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นหลังจากที่สมาร์ทโฟนเครื่องนั้นถูกปลดล็อคแล้วเรียบร้อย
ดูท่าประโยคที่อีกฝ่ายเคยบอกกับเขาว่าพอจะเดารหัสของแดนเนลออกนั้นคงไม่ใช่เพียงแค่คำกล่าวอ้างลอย ๆ เสียแล้ว ชั่วครู่หนึ่งนั้นเจย์เดนก็เกิดนึกสงสัยในระดับความสนิทสนมของแดนเนลกับไทรอนขึ้นมา และมันก็ทำให้เขารู้สึกอิจฉาไทรอนอยู่ลึก ๆ ที่อีกฝ่ายเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่แดนเนลให้ความไว้ใจมากจนถึงขั้นบอกรหัสปลดล็อคอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เจ้าตัวใช้ให้ทราบ
แม้แดนเนลจะไม่ได้ไว้ใจไทรอนไปเสียหมดทุกสิ่ง แต่อย่างน้อย ๆ แดนเนลก็ไว้ใจอีกฝ่ายมากกว่าที่ไว้ใจเขาอยู่หลายขุม
เจย์เดนมองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่สลับสับเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วตามความไวในการตรวจค้นของไทรอน แต่พวกเขาก็พบว่ามันเป็นเพียงสมาร์ทโฟนธรรมดาที่มีแค่แอปพลิเคชันพื้นฐานประดับเครื่องอยู่เท่านั้น
"บางทีอาจจะต้องเอากลับไปตรวจสอบอย่างละเอียด" ผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์บอก "ทางคุณล่ะ ได้อะไรมาบ้างไหม"
"รูปถ่ายสมัยเด็กของใครก็ไม่รู้น่ะ" เจย์เดนส่งรูปที่ว่านั่นให้อีกฝ่ายดู ก่อนจะชี้นิ้วไปยังสมาชิกที่อยู่ในรูปนั้นทีละคน "เด็กสองคนนี้ชื่อเกเบรียลกับเดลตัน ส่วนสุนัขสองตัวนี้ชื่อไมค์กับริชชี่"
"ไมค์กับริชชี่เหรอ เป็นบีเกิ้ลด้วยแฮะ"
"คุณว่ามันจะใช่ที่มาของริชาร์ดและไมเคิลแอนเจโลหรือเปล่า"
"ก็มีความเป็นไปได้อยู่นะ" ไทรอนว่า "อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่าความสัมพันธ์ของแดนเนลกับริชาร์ดน่ะไม่ใช่ความสัมพันธ์ผิวเผินหรือฉาบฉวย การที่พวกเขาจะรู้จักหรือสนิทกันจนถึงขั้นเอาชื่อสุนัขของอีกฝ่ายมาตั้งเป็นนามแฝงก็มีความเป็นไปได้พอสมควร จริง ๆ มันก็มีอยู่เหมือนกันนะ พวกแฮกเกอร์ที่ตั้งนามแฝงตามสิ่งที่ตัวเองรู้สึกผูกพันธ์น่ะ"
"ผมให้คู่หูของผมช่วยตรวจสอบดูแล้วว่าแดนเนลมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเด็กที่ชื่อเกเบรียลและเดลตันบ้างไหม ถ้ามีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็คงได้รู้"
"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะรีบกลับไปตรวจสอบเจ้านี่" ไทรอนหมายถึงสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือของตน "ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแค่มือถือธรรมดา ๆ หรอกนะ"
เจย์เดนกับไทรอนออกจากโกดังให้เช่าในช่วงค่ำ พวกเขาแวะซื้อบะหมี่ผัดจากร้านอาหารจีนที่อยู่ระหว่างทางกลับไปยังเซฟเฮ้าส์มาเป็นมื้อเย็น ทันทีที่ถึงที่หมาย ไทรอนก็รีบตรงดิ่งไปยังโต๊ะทำงานของตนอย่างรวดเร็ว ส่วนเจย์เดนเองก็เร่งตามเรื่องที่เขาฝากให้ทางเอฟบีไอช่วยจัดการต่อ ทว่าก็ยังไม่พบข้อมูลใดเพิ่มเติม
ไทรอนใช้เวลาไม่นานในการขุดหาไฟล์ที่ซุกซ่อนอยู่ในสมาร์ทโฟนเครื่องนั้น สิ่งที่เขาเจอคือแบ็คอัพข้อมูลการติดต่อระหว่างตัวมันกับอุปกรณ์ปริศนา และเมื่อเขาถอดรหัสไฟล์ดังกล่าวออกดูก็พบว่ามันมีตั้งแต่ข้อความ รูปภาพ ไปจนถึงบันทึกเสียงการสนทนา รวมทั้งหมดแล้วนั้นกินพื้นที่ของหน่วยความจำขนาดหนึ่งร้อยยี่สิบแปดกิกะไบต์ไปจนเกือบเต็ม
ซึ่งการที่จะมีไฟล์แบ็คอัพใหญ่ขนาดนี้ได้นั้น หมายความว่าการติดต่อดังกล่าวจะต้องเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร
"โอ—ผมว่าเราเจองานใหญ่เข้าแล้วล่ะ"
ไทรอนว่า ข้อมูลที่ใหญ่ขนาดนี้ต้องใช้ทรัพยากรในการวิเคราะห์พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องไม้เครื่องมือ ผู้คน หรือแม้แต่เวลา ซึ่งเขารู้ดีว่าลำพังตัวเขาเพียงแค่คนเดียวนั้นคงไม่อาจทำสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น และเพราะอย่างนั้นเขาจึงรีบทำการแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วน ๆ เพื่อกระจายงานให้กับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในทีม
อย่างไรเสียในทีมก็ไม่ได้มีเขาเพียงแค่คนเดียว และเขาก็เชื่อว่าการที่แดนเนลจงใจทิ้งข้อมูลพวกนี้เอาไว้ให้เขานั้น เจ้าตัวย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาจะต้องเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้แก่เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เพื่อให้นำไปวิเคราะห์ต่อ
แน่นอนว่าเจย์เดนเองนั้นก็ถูกมัดรวมเข้ากับทีมวิเคราะห์ข้อมูลของทางซีไอเอด้วยเช่นกัน ไทรอนโยนไฟล์ข้อความจำนวนหนึ่งมาให้เขา พร้อมกับกำชับว่าให้อ่านอย่างละเอียดทุกข้อความ และพยายามเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดจากข้อมูลเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด
เจย์เดนมองภาพของเหล่าเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่นั่งเรียงกันหน้าคอมพิวเตอร์ด้วยความรู้สึกตกตะลึงอยู่ลึก ๆ ทุกคนต่างพรมปลายนิ้วของตนลงบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว และหน้าจอของโปรแกรมถูกเปิดปิดสลับกันไปมาจนมองตามแทบไม่ทัน ขณะเดียวกันดวงตาของพวกเขานั้นก็จับจ้องไปยังข้อมูลบนจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่แม้แต่จะวอกแวกหรือไขว้เขวไปทางอื่น
และนี่ก็คือวิธีการทำงานที่แท้จริงของหน่วยข่าวกรอง
ตรวจสอบ วิเคราะห์ เชื่อมโยง
ข้อมูลต่าง ๆ ถูกปะติดปะต่อและร้อยเรียงเข้าหากันจนเป็นสายใย จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง และเชื่อมต่อกันไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่มีข้อมูลให้ค้นหา
สำหรับไทรอนและเจ้าหน้าที่ซีไอเอคนอื่น ๆ นั้นต่างก็บอกว่างานวิเคราะห์ข้อมูลเป็นงานที่น่าเบื่อและเคร่งเครียด มันอาจจะดูน่าตื่นเต้นในช่วงแรกที่จะได้ล้วงความลับของใครต่อใคร แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะค้นพบว่าการมีข้อมูลของคนอื่นไหลเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลานั้นไม่ได้สนุกอย่างที่คิด และการต้องมาคอยระมัดระวังไม่ให้เผลอเรอเปิดเผยข้อมูลลับอยู่ตลอดเวลานั้นก็ไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าสนุกเลยแม้แต่น้อย
เวลาเดินหน้าไปเรื่อย ๆ พร้อมกันกับข้อมูลทั้งหมดที่ค่อย ๆ โยงเข้าหากัน
เจย์เดนได้รับไฟล์ส่วนสุดท้ายของข้อมูล การติดต่อกันระหว่างผู้ที่ครอบครองสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นกับบุคคลปริศนาไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยอย่างที่เขาคิดเอาไว้ กลับกันเสียด้วยซ้ำ ในบางครั้งการติดต่อก็ขาดหายไปเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หรืออาจจะหลายเดือนก็มี ข้อความที่ทั้งคู่ส่งให้กันนั้นค่อนข้างสั้นและกระชับ ซึ่งสิ่งที่ทำให้กินหน่วยความจำเห็นทีจะเป็นไฟล์จำพวกรูปภาพ คลิปเสียง และคลิปวิดีโอเสียมากกว่า
เจ้าหน้าที่ซีไอเอเฉพาะกิจทำการไล่ดูข้อมูลทั้งหมดนั้นอย่างละเอียดรอบคอบ เขาไม่อยากให้ข้อมูลที่ควรจะเชื่อมต่อกันทั้งหมดตกหล่นไปแม้แต่อักขระเดียว ทว่ายิ่งเขาวิเคราะห์ตามมันเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนสมองจะแตกมากเท่านั้น
--- 15/11 ---
anonymous : เขาจะมาเมื่อไหร่
10:25: พุธหน้า
15:39--- 21/11 ---
: ระวังหลังให้ T ด้วย
17:30anonymous : ล็อคเป้าเรียบร้อย
19:42--- 07/02 ---
anonymous : เลื่อนขั้นไว โดนจับตา ระวังตัว
14:30--- 15/05 ---
anonymous : บอก T อย่าสอดมือไปยุ่งเรื่องคนอื่น
08:06--- 19/08 ---
anonymous : มันเริ่มสงสัย T แล้ว
22:17--- 27/10 ---
: มันนัดเจอ T ปลอดภัยใช่ไหม
14:29anonymous : ไม่แน่ใจ
20:17: เอาให้แน่ว่าเขาจะปลอดภัย
20:18anonymous : อืม
20:19--- 28/10 ---
: T ไปแล้ว
17:45anonymous : ล็อคเป้าเรียบร้อย
17:45--- 29/10 ---
: นายบอกจะระวังหลังให้
10:37anonymous : ฉันทำอะไรไม่ได้
10:38anonymous : มันจับตามองฉัน
10:38: เวรเอ้ย
10:38: ฉันบอกเขาว่าเขาจะปลอดภัย
10:38: ฉันบอกเขาอย่างนั้น
10:39: ว่าเขาจะปลอดภัย
10:39anonymous : ฉันขอโทษ
10:40: ฉันไม่ให้อภัย
10:40: ทั้งนาย ทั้งไอ้เวรนั่น
10:40: โทนี่ใช่ไหม ชื่อของมัน
10:40anonymous : อย่าทำอะไรโง่ ๆ
10:41anonymous : รับปากฉัน
10:42: จากนี้นายจะทำอะไรก็ทำ
10:42: ฉันก็จะทำตามแผนฉันเหมือนกัน
10:42you disconnected"เฮ้ ไทรอน" เจย์เดนรีบเอ่ยเรียกเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่เขาสนิทที่สุดในที่นี้ทันทีหลังจากที่อ่านข้อความประโยคสุดท้ายจบลง "ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อย"
"เรื่องอะไรงั้นเหรอ"
ชายผู้เป็นเจ้าของชื่อทำการตอบรับเขาด้วยการไถเก้าอี้ทำงานมาหา หลังจากที่เขาทำการแบ่งข้อมูลในสมาร์ทโฟนและแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่คนอื่นเสร็จเรียบร้อย เขาก็กลับไปนั่งตรวจสอบแล็ปท็อปของแดนเนลที่วางค้างเอาไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันต่อที่โต๊ะของตัวเอง
"คุณเคยพูดถึงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ถูกส่งไปเป็นสายในกลุ่มมาเฟีย คนที่เคยเดทกับแดนเนลน่ะ"
"คุณหมายธีออนน่ะเหรอ"
"ใช่ คนนั้นล่ะ ผมถามได้ไหมว่าเขาเสียชีวิตเมื่อไหร่"
"ปลายเดือนตุลาปีที่แล้ว"
"ใช่วันที่ยี่สิบแปดหรือเปล่า"
ไทรอนชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำถามที่ระบุข้อมูลอย่างเจาะจงชัดเจนจากเขา แววตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยร่องรอยความประหลาดใจ
"คุณรู้ได้ยังไง"
"ผมคิดว่าข้อมูลการติดต่อพวกนี้เป็นของแดนเนลกับริชาร์ด" เจย์เดนรู้สึกราวกับศีรษะของตัวเองกำลังจะระเบิดออก เขาต้องการที่จะบอก ต้องการที่เล่าในสิ่งที่เขาเพิ่งรับรู้และเชื่อมโยงได้นี้ให้กับใครสักคนฟัง "สองคนนั้น—พวกเขาแอบติดต่อกันมาโดยตลอด เขาแชร์ข้อมูลกันทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องที่คนชื่อธีออนเข้าไปเป็นสายในกลุ่มมาเฟียนั่นก็ด้วย ให้ตาย ผมสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมแดนเนลถึงได้โทษตัวเองนัก แต่ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นเพราะอย่างนี้"
"ผม—โอเค ผมขอตั้งสติสักนิด" ไทรอนนิ่งประมวลผลไปพักใหญ่หลังจากที่ได้ฟัง เขายกมือขึ้นคลึงขมับของตัวเองด้วยท่าทีมึนงง ก่อนจะพึมพำออกมาเสียงเบา "ให้ตายเถอะแดนเนล นายทำอะไรลงไปเนี่ย"
"ผมไม่เข้าใจเขา" เจ้าหน้าที่เอฟบีไอรำพึง "ผมคิดว่าผมพอจะเข้าใจเขามากขึ้นบ้างแล้ว แต่เอาเข้าจริงผมกลับไม่เข้าใจอะไรเขาเลยสักนิด ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการหรือมีเป้าหมายอะไร ทำไมเขาถึงได้ทำแบบนี้"
"ยังไงดีล่ะ ถ้าจะให้พูดในฐานะคนที่เคยร่วมงานกับเขามานานกว่า ผมคงบอกคุณได้แค่ว่าแดนเนลมีเหตุผลของเขา และถ้าคุณยังไม่รู้ว่าเหตุผลนั้นคืออะไรคุณก็อย่าเพิ่งพยายามจะทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาทำลงไปเลย แบบนั้นมันจะเป็นการดีกับตัวคุณมากกว่า"
"แล้วคุณไม่รู้สึกโกรธเขาบ้างเลยเหรอ"
"โกรธเขาเรื่องอะไรกันล่ะ ที่เขาแอบทำอะไรใต้จมูกผมน่ะเหรอ ก็ไม่นะ" ไทรอนไหวไหล่ และท่าทีของเขานั้นก็ดูไม่ยี่หระอย่างที่เขาบอกจริง ๆ "ขนาดคุณเองยังไม่โกรธเขาเลยนี่"
"ผม—ไม่รู้สิ ผมไม่รู้ว่าผมกำลังโกรธเขาอยู่หรือเปล่า"
"เปล่าหรอก คุณเองก็ไม่ได้โกรธเขาเหมือนกัน" อีกฝ่ายยิ้มมุมปากอย่างคนรู้ทัน "คุณแค่เสียใจที่เขาไม่ยอมเปิดรับคุณต่างหาก"
เจย์เดนชะงักไปชั่วครู่เมื่อโดนจี้เข้าตรงจุด ก่อนจะยอมรับออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม
"ก็—คงงั้นล่ะมั้ง"
"ทำใจนะคุณ แดนเนลไม่ใช่คนที่จะเปิดใจกับใครง่าย ๆ กว่าผมจะได้ขนาดนี้ก็ตั้งหลายปี คุณมาทีหลังจะแซงหน้าผมไปได้ยังไง" ไทรอนมองคนหวังสูงด้วยสายตาเห็นใจระคนขบขัน ต้องขอบคุณคนตรงหน้านี้ที่ทำให้เขาหยุดคิดถึงเรื่องน่าปวดหัวของแดนเนลไปได้ชั่วขณะหนึ่ง "ว่าแต่นอกจากเรื่องที่แดนเนลแอบติดต่อกับริชาร์ดแล้วคุณยังได้ข้อมูลเรื่องอื่นอีกบ้างไหม"
"อันที่จริงก็มี" เจย์เดนว่า "ผมเจอชื่อของโทนี่โผล่มาในแขทนั้น"
"โทนี่ อัน น่ะเหรอ"
"ไม่แน่ใจ มันโผล่มาแต่ชื่อ บางทีอาจเป็นนามแฝงก็ได้ ผมกำลังจะให้ทางเอฟบีไอช่วยตรวจสอบให้"
"ถ้าอย่างนั้นผมก็ฝากด้วยแล้วกัน ผมยังจัดการแล็ปท็อปของเขาไม่เสร็จเลย"
"โอเค ถ้าได้อะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวผมค่อยบอกคุณอีกที" เจย์เดนตอบรับไทรอน ก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนของตนออกมา ตั้งใจว่าจะต่อสายถึงคู่หูเพื่อติดตามเรื่องที่เขาฝากให้อีกฝ่ายช่วยหาข้อมูลให้ ทว่ากลับมีสายอื่นที่โทรเข้ามาหาเขาเสียก่อน มันคือสายของวินเซนต์ เจ้าหน้าที่จากแผนกสืบสวนพิเศษคดีฆาตกรรมของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีฆาตกรรมเชสเตอร์ เขากดรับสายในทันที "สวัสดี เจย์เดนพูด"
[เจย์เดน ผมวินเซนต์นะ]
"ครับ คุณได้ความคืบหน้าของคดีมาบ้างแล้วใช่ไหม"
[จะว่างั้นก็คงใช่] อีกฝ่ายตอบ [เรื่องดีเอ็นเอที่ได้จากซอกเล็บของเชสเตอร์น่ะ]
"ว่ามาได้เลย ผมฟังอยู่"
[ผมลองเอาดีเอ็นเอที่ได้ไปเทียบกับฐานข้อมูลของอาชญากร แต่ก็ไม่เจออะไร ทีนี้ผมเลยลองเอาไปเทียบกับฐานข้อมูลอื่น ๆ ที่เรามีดู แล้วมันก็ไปตรงกันกับดีเอ็นเอปริศนาที่ได้จากที่เกิดเหตุของคดีค้างเก่าคดีหนึ่ง] วินเซนต์กล่าว [นั่นก็คือ
คดีฆาตกรรมครอบครัวคีแกน]
[tbc.]
***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกเรามาได้เลยนะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***
________________________________________
เราได้ทำการรีไรต์ตอนนี้ใหม่เพราะพบว่าเราพลาดเรื่องจังหวะการเปิดเผยข้อมูลค่ะ
คือเราเพิ่งไปเจอโน๊ตฟิคที่เคยโน๊ตไว้เอาตอนกำลังเขียนตอนที่ 29
แล้วพบว่าตอนที่ 28 เราเปิดข้อมูลข้ามจังหวะไปเยอะมาก
ก็เลยตัดสินใจที่จะรีไรต์ตอนนี้ใหม่บางส่วน
ขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่ทำให้ต้องกลับมาอ่านตอนนี้ซ้ำอีกรอบ ; - ;)
ก็เลยทำการไถ่โทษด้วยการอัพตอนที่ 29 มาให้อ่านต่อเนื่องไปเลยค่ะ แหะๆ
หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ
#ฟิควรบจด
how to comment ใน minimore
Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in