เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
wild rabbit #jaedohbrxnct
Chapter 26 : Third party





  • แดนเนลสูญเสียเรี่ยวแรงไม่น้อยในการนำร่างหมดสติของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอไปวางไว้บนเตียงนอน เขายืนมองใบหน้าของคนที่สลบและคงไม่ตื่นขึ้นมาง่าย ๆ ในเร็วนี้ด้วยความรู้สึกผิดลึก ๆ

    ยาที่เขาใช้กับอีกฝ่ายนั้นเป็นยาสลบซึ่งมีการออกฤทธิ์ไวและแรงกว่ายานอนหลับทั่วไป ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่และฐานข้อมูลของเอฟบีไอที่มีการเก็บข้อมูลสุขภาพของเจ้าหน้าที่แต่ละคนอยู่อย่างละเอียด เขาจึงสามารถนำข้อมูลส่วนตัวของเจย์เดนมาใช้ในการคำนวณปริมาณยาได้แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้ด้านการแพทย์เลยก็ตาม

    แดนเนลจัดร่างกายของอีกฝ่ายให้อยู่ในท่าที่นอนหลับสบายมากที่สุด มือเรียวดึงผ้านวมผืนหนาขึ้นมาคลุมให้อย่างเรียบร้อย และลูบลงบนแผ่นอกของอีกฝ่ายเบา ๆ สองสามครั้งขณะกล่าวขอโทษในใจ ก่อนจะผละไปยังกระเป๋าเดินทางของตัวเองที่วางอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า

    นอกจากบรรดาเทียนหอมที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะหัวเตียงแล้วนั้น แดนเนลก็แทบจะไม่เคยปล่อยให้ข้าวของส่วนตัวของตนเพ่นพ่านกระจัดกระจายไปทั่วห้องเลย สาเหตุที่เขามักจะจัดเก็บทุกสิ่งลงกระเป๋าไว้อย่างเรียบร้อยนั้นไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนที่มีระเบียบแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้ว่าเขามีสิ่งใดในครอบครองบ้างต่างหาก

    ชายหนุ่มจัดแจงเปิดกระเป๋าและรื้อเสื้อผ้าของตนออก เมื่อนานมาแล้วเขาได้ทำการดัดแปลงพื้นที่บางส่วนของกระเป๋านี้ให้กลายเป็นช่องลับ เขาแอบซ่อนกลไกเล็ก ๆ เอาไว้ ตัวล็อกที่ต้องใส่รหัสถึงหกตัวนั้นหากดูด้วยตาเปล่าจากภายนอกอาจไม่สามารถป้องกันสิ่งที่อยู่ด้านในได้ แต่หากมีการใส่รหัสที่ผิดพลาดไปแม้แต่ครั้งเดียว กลไกดังกล่าวนั้นจะทำให้หลอดแก้วที่ใส่กรดแตกออกและกร่อนทำลายสิ่งที่ถูกเก็บไว้ด้านในจนเสียหายสิ้น แทบไม่ต้องนึกถึงการทำลายกลไกจากภายนอกที่จะสร้างความกระทบกระเทือนไปทั่วทุกส่วนเลย การทำเช่นนั้นจะยิ่งทำให้ทุกอย่างเสียหายหนักมากขึ้นไปอีก ดังนั้นการใส่รหัสที่ถูกต้องตั้งแต่แรกจึงเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะนำของที่ถูกเก็บไว้ออกมาได้อย่างปลอดภัย

    สิ่งที่ถูกเก็บอยู่ในนั้นคือวัตถุสี่เหลี่ยมแบนสีดำที่มีขนาดเล็กพอ ๆ กับปลายนิ้วก้อยของเขา แดนเนลค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วชี้ของตนแกะมันออกมาจากตัวล็อคอย่างระมัดระวัง

    มันคือไมโครเอสดีการ์ดของเขาที่เคยถูกเปลี่ยนมือเจ้าของไปครั้งหนึ่งเมื่อเจ็ดปีก่อน สิ่งที่อยู่ด้านในคือหลักฐานยืนยันและรางวัลแห่งความสำเร็จในอดีตของเขา แดนเนลไม่เคยคิดว่าของสิ่งนี้จะกลับมาอยู่ในความครอบครองของตนอีกครั้ง กระทั่งเขาได้รับโปสการ์ดใบหนึ่งจากริชาร์ดเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว

    อักขระที่เรียงต่อกันนั้นไม่ได้มีความหมายใดเป็นพิเศษและไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสเอาไว้เหมือนอย่างที่เจ้าหน้าที่คนอื่นสันนิษฐานไว้แต่อย่างใด

    มันเป็นเพียงแค่อักขระที่ถูกเขียนขึ้นมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ซึ่งไม่ว่าจะพยายามขบคิดหาวิธีการสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจตีความหมายของมันออกมาได้ เพราะมันไม่ได้มีใจความสำคัญอะไรที่ซ่อนอยู่ในนั้นตั้งแต่แรก

    มีเพียงแดนเนลเท่านั้นที่รู้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่โปสการ์ดฉบับนั้นต้องการบอกเขาไม่ใช่อักขระทั้งหมดที่ถูกเขียนขึ้น ทว่าเป็นการมาถึงของมันพร้อมกับไมโครเอสดีการ์ดที่ถูกมันวางปิดทับไว้ต่างหาก

    แดนเนลไม่ได้เปิดปากบอกเรื่องนี้กับใครทั้งสิ้น สิ่งที่เขาทำมีเพียงเก็บไมโครเอสดีการ์ดอันนั้นไว้กับตัว ก่อนจะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ซีไอเอคนอื่น ๆ ว่าห้องเขาถูกบุกรุก และลายมือที่เขียนอยู่บนโปสการ์ดฉบับนั้นเป็นลายมือของริชาร์ด

    เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาภายในห้องพักของเขาได้อย่างไร ในเมื่อตัวเขาสามารถคาดเดารหัสที่ริชาร์ดมักจะใช้อยู่บ่อย ๆ ได้ ริชาร์ดเองก็สามารถคาดเดารหัสประตูห้องของเขาได้โดยไม่ยากเย็นเช่นกัน

    หากจะกล่าวว่าทั้งเขาและริชาร์ดนั้นไม่มีใครเปลี่ยนนิสัยดั้งเดิมของตัวเองเลยก็คงไม่ผิดนัก ทั้งที่บางอย่างไม่ใช่นิสัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงมันเอาไว้ และไม่มีใครนึกที่จะปรับเปลี่ยนมัน

    สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นหนึ่งในวิธีหลอกล่อให้อีกฝ่ายหลงคิดว่าตนเองยังคงรู้จักเขาดีอยู่ และบางทีริชาร์ดก็อาจทำเช่นเดียวกันกับเขา

    พวกเขามีความคล้ายคลึงกันมากเกินไป และความเข้าขากันในอดีตนั้นก็ยังคงส่งผลต่อเนื่องมายังปัจจุบัน การคาดเดาความคิด การล่อให้อีกฝ่ายตกหลุมพราง ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาใช้ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานและหลักการที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

    เพราะอย่างนั้น เขาจึงถูกความผิดหวังและความเสียใจเล่นงานเข้าอย่างจัง ในวันที่ความเชื่อใจของเขาถูกอีกฝ่ายทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี

    และตั้งแต่นั้นมา เขาจึงไม่นึกที่จะไว้ใจใครอีกนอกจากตนเอง

    แดนเนลปล่อยให้เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ สูญเสียเวลาไปกับการค้นหาร่องรอยบุกรุก รวมถึงพยายามถอดความหมายที่ไร้ประโยชน์จากโปสการ์ดนั่น

    มันคือวิธีเล่นเกมที่ริชาร์ดถนัด ปั่นหัวฝั่งตรงข้าม หลอกล่อให้ทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะได้ค้นพบในภายหลังว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้ความหมาย แดนเนลไม่คิดขัดขวางความสนุกสนานดังกล่าวนั้นของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ด้วยไม่อยากสร้างความเคลือบแคลงให้กับตัวเอง

    การวางโปสการ์ดที่มาพร้อมกับข้อความมั่ว ๆ เอาไว้ในห้องของเขาไม่เพียงแต่ทำให้เจ้าหน้าที่ซีไอเอนึกสงสัยในความไม่ชอบมาพากลเท่านั้น แต่มันยังสามารถสร้างความไขว้เขวและทำให้เจ้าหน้าที่ซีไอเอต้องเสียเวลาไม่น้อยไปกับมัน

    หนำซ้ำมันยังสามารถสร้างความลำบากให้กับเขาได้อีกด้วย เพราะถ้าหากเขาเผลอทำตัวรู้มากเกินไปหรือน้อยเกินไปแล้วล่ะก็ มันจะส่งผลให้เขากลายเป็นคนที่ไม่น่าไว้ใจยิ่งกว่าเดิมในทันที

    โปสการ์ดที่ว่านั่นแท้จริงแล้วเป็นเพียงการส่งสัญญาณจากริชาร์ดว่าเจ้าตัวกำลังเริ่มเคลื่อนไหว และแดนเนลก็รู้ในทันทีว่าต่อจากนี้ เขาไม่สามารถใจเย็นและวางท่านิ่งเฉยได้อีกต่อไป

    ความสัมพันธ์ของเขาและริชาร์ดนั้นผูกพันธ์กันเกินกว่าที่ใครหลายคนจะคาดเดา พวกเขาทั้งสองต่างรู้จักกันและกันเป็นอย่างดีจนอาจเรียกได้ว่ามากจนเกินไป ตัวตนของเขาทั้งในอดีต ปัจจุบัน ไปจนถึงอนาคตนั้นล้วนแต่ถูกผูกติดอยู่กับความสัมพันธ์นี้โดยที่ไม่อาจแยกขาดกันได้โดยสมบูรณ์

    เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าริชาร์ดมีส่วนสำคัญในการทำให้เขาก้าวมาถึงจุดนี้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนเขา

    เขาเคยคิดว่าการที่เขาถูกริชาร์ดหักหลังจะทำให้มันขาดสะบั้นลง แต่ก็ไม่

    มันยังคงอยู่

    บางที...แดนเนลคิด

    บางที...แม้กระทั่งความตายก็ไม่อาจทำลายมันลงได้

    เขาคิดอย่างนั้น





    ชายหนุ่มเก็บไมโครเอสดีการ์ดลงกล่องพลาสติกพกพาขนาดเล็ก ก่อนจะสอดมันไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่ตนกำลังสวมอยู่ คืนนี้เขามีอีกหลายสิ่งที่ต้องจัดการ

    สิ่งที่ถูกเก็บอยู่ในไมโครเอสดีการ์ดนั้น คือข้อมูลบัญชีธนาคารปลอมนับพันบัญชีที่ถูกทยอยสร้างขึ้นมาเพื่อใช้รองรับเม็ดเงินจำนวนมหาศาล

    ใช่...มันคือเงินร้อยล้านดอลล่าร์สหรัฐที่หายไปจากระบบธนาคารเมื่อเจ็ดปีก่อน

    ไมโครเอสดีการ์ดนี้เคยเป็นของเขา ก่อนจะตกไปอยู่ในมือของริชาร์ดในวันที่เขาตัดสินใจเดินเข้ามามอบตัว กระทั่งอีกฝ่ายส่งมันมาพร้อมกับโปสการ์ดใบนั้น

    แดนเนลถอนหายใจให้กับเผือกร้อนชิ้นดังกล่าว การที่มันกลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้งนั้นถือเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เขาไม่อาจคาดเดาความต้องการของริชาร์ดในส่วนนี้ได้เลย

    การทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ใช่นิสัยของริชาร์ด สัญชาตญาณของเขาร้องเตือนว่าอีกฝ่ายมีแผนการบางอย่าง แต่มันคืออะไรล่ะ

    แผนการบางอย่างที่ว่านั่น...มันคืออะไร

    แดนเนลขบคิดถึงความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองเพราะไมโครเอสดีการ์ดอันนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    หรือว่าอีกฝ่ายเห็นเขาเป็นตู้เซฟชั้นดีสำหรับเก็บเงินร้อยล้านกัน

    หากเป็นเรื่องนี้ล่ะก็ไม่แน่ เขาไม่อาจนำเงินทั้งหมดคืนกลับเข้าสู่ระบบธนาคารได้ รวมถึงไม่อาจนำเงินออกมาใช้จ่ายส่วนตัวได้เช่นกัน เพราะนั่นจะทำให้เขากลายเป็นหนอนบ่อนไส้ของซีไอเอที่มีส่วนรู้เห็นกับริชาร์ดมาโดยตลอดในทันที

    ครั้นจะทำลายทิ้งไปก็ไม่ได้ เพราะนี่คือชุดข้อมูลเพียงชุดเดียวที่มีอยู่ โปรแกรมป้องกันความปลอดภัยของข้อมูลที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เก็บข้อมูลชุดนี้ป้องกันครอบคลุมไปถึงการคัดลอกด้วย ริชาร์ดที่รู้เรื่องนี้ดีคงไม่เสี่ยงทำการคัดลอกให้ข้อมูลเสียหาย

    แดนเนลยิ้มเหยียดให้กับความรอบจัดของอีกฝ่าย สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแค่เก็บรักษาไมโครเอสดีการ์ดอันนี้ไว้อย่างดีที่สุด และหาทางส่งมันกลับไปให้ริชาร์ดก่อนที่อีกฝ่ายจะถูกซีไอเอควบคุมตัว

    นอกเหนือจากไมโครเอสดีการ์ดเจ้าปัญหาแล้วนั้น ยังมีของอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในกระเป๋าเดินทางของเขา แดนเนลคว้ากล่องเหล็กสี่เหลี่ยมขนาดเท่าฝ่ามือที่ซุกรวมอยู่กับกองเสื้อผ้าของตนเองขึ้นมาถือ

    มันคือกล่องเก็บหนึ่งในอุปกรณ์ที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อใช้ในการระบุตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ภาคสนามขณะปฏิบัติภารกิจ จีพีเอสแคปซูลขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร และเข็มแบบพิเศษที่มีไว้สำหรับฝังไมโครชิปนั้นลงในร่างกาย แดนเนลแอบนำมันออกมาจากตู้เก็บอุปกรณ์ที่อยู่ในห้องทำงานของเขาเมื่อช่วงค่ำ

    มือเรียวจัดแจงนำแคปซูลบรรจุลงในเข็มและถกเสื้อของตนขึ้นไปจนถึงต้นแขน ก่อนจะนิ่งงันไปพักใหญ่เพื่อทำใจ ปลายเข็มนี้มีความกว้างกว่าเข็มฉีดยาทั่วไปหลายเท่านัก ยิ่งพอคิดว่าเขาจะต้องปักสิ่งนี้ลงบนแขนด้วยตัวเองแล้วนั้น ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ยากลำบากเข้าไปใหญ่

    แดนเนลกำหมัดซ้ายหลวม ๆ พลางสูดลมหายใจลึกแล้วกลั้นเอาไว้ ขณะใช้มือข้างขวาค่อย ๆ ฝังปลายเข็มนั้นลงบนท้องแขนซ้ายของตน เขากัดฟันอดทนต่อความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่แล่นผ่านและใช้ปลายนิ้วโป้งขวากดก้านลูกสูบลงไปจนสุด เกิดเสียงฟึ่บหนัก ๆ ดังขึ้นหนึ่งครั้ง ก่อนที่เข็มนั้นจะถูกดึงออก

    รอยเข็มเล็ก ๆ นั้นมีเลือดซึมออกมานิดหน่อย แดนเนลใช้ปลายนิ้วของตนลูบวนอย่างแผ่วเบา และเมื่อสัมผัสได้ถึงวัตถุขนาดจิ๋วที่นูนอยู่ใต้ผิวหนัง เขาจึงดึงแขนเสื้อลงดังเดิม

    เข็มฉีดยาดังกล่าวถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะกลางโซฟา ข้างกันกับถังแช่ไวน์ที่ยังมีไวน์เหลืออีกสองขวด เมื่อไทรอนเห็นเข็มนี้ อีกฝ่ายจะรู้ทันทีว่าเขามีจีพีเอสแคปซูลฝังอยู่ในร่างกาย และเขาก็มั่นใจว่าเพื่อนร่วมงานที่เข้าขากับเขาดีที่สุดคนนั้นจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อค้นหาตัวเขาอย่างไวที่สุด

    แต่กว่าที่ทุกคนจะรู้ว่าเขาหายตัวไปก็คงเป็นช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น แดนเนลหวังว่าระยะเวลากว่าหกชั่วโมงที่ทิ้งห่างนี้จะมากพอให้เขาทำในสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จ





    แดนเนลลอบออกมายังด้านนอกของตัวบ้านอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มดึงฮู้ดลงมาปิดใบหน้า ก่อนจะหันซ้ายมองขวาดูลาดเลารอบกายอย่างระมัดระวัง เนื่องเพราะเขาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาได้พักใหญ่ รวมถึงมีสิทธิ์ในการเข้าถึงระบบความปลอดภัยทั้งหมดของตัวบ้าน ทำให้เขารู้เป็นอย่างดีว่าจุดไหนบ้างที่มีการเฝ้าเวรยาม และจุดไหนบ้างที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพถึง

    แดนเนลสังเกตพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่เฝ้ายามมาได้พักใหญ่ และรู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องดำเนินไปอย่างมีแบบแผนและลำดับขั้นตอน ทั้งจำนวนของเจ้าหน้าที่ เส้นทาง และระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจตราที่มีอยู่เพียงรูปแบบเดียว

    ข้อมูลทั้งหมดที่เขามีทำให้การลักลอบฝ่าออกไปไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถนัก

    แสงจากพระจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่เหนือหัวนั้นทำให้ทัศนวิสัยในค่ำคืนนี้ไม่ย่ำแย่จนเกินไป ยิ่งมีแสงไฟจากรั้วบ้านและเสาไฟริมถนนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การมองเห็นความเป็นไปรอบกายมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

    แดนเนลคิดว่ามันถือเป็นเรื่องที่ดี หากว่าเขาไม่ได้กำลังหาทางหลบหนีอยู่แบบนี้ล่ะก็นะ

    เนื่องจากการทำตัวให้กลมกลืนกับเงามืดมากที่สุดนั้นใช้ไม่ได้ผลในคืนนี้ ชายหนุ่มจึงต้องหาทางหลบจากการถูกพบเจอด้วยการซ่อนตัวตามมุมต่าง ๆ ของตัวบ้าน การเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีของเขาให้ผลลัพท์ที่น่าพึงพอใจ เขารู้ว่าจุดไหนคือจุดเสี่ยง และพยายามที่จะเลี่ยงมันอย่างเต็มที่

    แดนเนลซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้บริเวณประตูรั้วของบ้านอย่างเงียบเชียบและใจเย็น แม้เขาจะมีรหัสสำหรับเปิดประตูทุกบานในบ้านหลังนี้ แต่กระนั้นเขาก็ไม่มีความคิดที่จะบุ่มบ่าม

    เขากำลังรอให้ถึงเวลาเปลี่ยนเวรยามของเจ้าหน้าที่ที่เดินตรวจตราด้านนอก มันเป็นช่วงเวลาเดียวที่กล้องวงจรปิดทั้งหมดของบ้านจะเปลี่ยนมุมมองอัตโนมัติไปยังจุดที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษสำหรับช่วงกลางคืน และจะทำให้บริเวณประตูรั้วนี้กลายเป็นจุดบอด สิ่งเดียวที่เขาต้องทำเมื่อถึงเวลานั้น คือรีบใส่รหัสประตูและลอบออกไปด้านนอกให้ทันก่อนที่จะมีกล้องวงจรปิดตัวใดตัวหนึ่งหมุนมาจับภาพตรงประตูรั้ว

    ถึงแม้ว่าการเจาะระบบกล้องวงจรปิดของบ้านหลังนี้จะไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขา แต่เพราะที่นี่ไม่ได้มีเขาเป็นแฮกเกอร์เพียงคนเดียว การทำแบบนั้นจึงไม่ต่างอะไรกับการเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเองถูกจับไวขึ้น ไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจถูกเจ้าหน้าที่คนอื่นอาจจับได้ตั้งแต่ตอนที่เริ่มลงมือเจาะระบบเสียด้วยซ้ำ

    ด้วยรู้ดีว่าเขาไม่ใช่อัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวในที่แห่งนี้ เขาจึงเลือกวิธีที่ต้องอดทนสักหน่อยเพื่อให้ตัวเองมีเสี่ยงน้อยที่สุด

    เสียงคนพูดคุยกันดังแว่วมาหลังจากที่แดนเนลนั่งอยู่กับที่ได้พักใหญ่ เจ้าหน้าที่เฝ้าเวรยามจะต้องมาถึงจุดประจำการของตัวเองก่อนเวลาผลัดเปลี่ยนเวรอย่างน้อยสิบนาที หัวข้อสนทนาของคนกลุ่มนั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าร้านอาหารที่อร่อยในแถบนี้ ชายหนุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ลอบบันทึกชื่อร้านที่ได้ยินเอาไว้ในใจ พลางคิดว่าหากเรื่องนี้จบลงด้วยดีและถ้าเจ้าหน้าที่เอฟบีไอคนนั้นไม่เกลียดเขาจนเข้ากระดูกดำเสียก่อน เขาก็จะอยากจะพาอีกฝ่ายไปเลี้ยงอาหารไถ่โทษ

    ก็หวังว่าเขามีโอกาสนั้นล่ะนะ...

    เครื่องสแกนที่ติดอยู่ตรงประตูรั้วเล็กสำหรับคนเข้าออกส่งเสียงติ๊ดเบา ๆ แดนเนลสังเกตเห็นแสงสีเขียวจากตัวเครื่อง ก่อนที่มันจะถูกบดบังโดยร่างสูงใหญ่ของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งกำลังดึงประตูให้เปิดออก

    ใกล้ได้เวลาแล้ว

    ร่างผอมโปร่งที่กำลังย่อตัวลงต่ำค่อย ๆ เคลื่อนกายไปยังจุดหมายอย่างระมัดระวัง เจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นยังคงพูดคุยกันไม่หยุดขณะทยอยไปยังอีกฟากของรั้วบ้านทีละคน กระทั่งเมื่อเขาเห็นว่าเจ้าหน้าที่คนสุดท้ายได้ก้าวออกไปและปล่อยประตูรั้วกำลังจะถูกปิดไว้เบื้องหลัง แดนเนลจึงรีบพุ่งตัวออกจากพุ่มไม้และเอื้อมมือไปคว้าบานประตูเอาไว้ เขาค่อย ๆ ชะโงกหน้าไปยังด้านนอกและมองเห็นแผ่นหลังของบรรดาเจ้าหน้าที่กำลังทิ้งห่างออกไปทีละนิด ใบหน้าเรียวหันกลับมาไล่มองกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทีละตัว และพบว่ายังไม่มีตัวไหนหมุนมาจับภาพที่ประตูบานนี้

    เขารีบแทรกกายออกไปด้านนอกอย่างเงียบงัน ก่อนจะแนบแผ่นหลังเข้ากับผนังตรงรั้วบ้าน ที่อยู่เหนือหัวของเขาตอนนี้คือกล้องวงจรปิดที่ยังปรับมุมมองไม่เสร็จดี มันค่อย ๆ หมุนไปทางเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินตรงไป เขาฉวยโอกาสนั้นหลบมุมและก้าวออกไปอีกทาง

    แดนเนลพกของติดตัวออกมาไม่มากนัก นอกจากไมโครเอสดีการ์ดมูลค่าร้อยล้าน จีพีเอสแคปซูล
    ที่ฝังอยู่ใต้ท้องแขน สมาร์ทโฟนส่วนตัว เงินสดอีกนิดหน่อย และปืนสมิธแอนด์เวสสันเอ็มพีไนน์ชีลด์มาร์คทูขนาดเก้ามม.ที่เป็นปืนของเขาแล้ว เขาก็ไม่ได้นำอะไรออกมาจากฐานปฏิบัติการชั่วคราวของซีไอเออีกเลย

    เขาไม่ได้ทิ้งของมีค่าของตนเอาไว้ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้นำสิ่งใดออกมา ระยะเวลาหกปีที่เขาทำงานอย่างถวายหัวให้กับซีไอเอนั้นถือว่าพอเหมาะพอควรแล้วกับความผิดที่เขาเคยก่อไว้ในอดีต

    เขาไม่อยากหลงเหลือความรู้สึกติดค้างใดไว้ เพื่อจะได้ไม่รู้สึกเสียดายหากเขาไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีก

    ชายหนุ่มสอดมือลงไปในกระเป๋าเสื้อฮู้ด ก่อนจะก้าวขาเรียวยาวของตนไปตามฟุตปาธที่เงียบงันไร้ผู้คน





    แท็กซี่สีเหลืองเข้มพาแดนเนลมาส่งที่หน้าร้านแบล็คแคทในเวลาสี่ทุ่มกว่า เขาไม่ได้นึกปิดบังจุดหมายปลายทาง ด้วยรู้ดีว่าตราบใดที่เขายังมีจีพีเอสฝังติดตัวอยู่ มันคือเรื่องเหนื่อยเปล่า

    ภายในร้านคับคั่งไปด้วยผู้คน เสียงเพลงที่เปิดคลออยู่ฟังดูรื่นหูและไม่ได้ดังจนขัดการสนทนาของคนในร้านแต่อย่างใด แดนเนลเดินตรงไปยังเก้าอี้สูงหน้าบาร์รูปตัวแอลและถามหาไวน์ยี่ห้อเดียวกับที่ตนดื่มไปเมื่อช่วงค่ำ บาร์เทนเดอร์ยิ้มรับ ก่อนจะแจ้งให้เขาทราบว่าที่นี่ไม่มีไวน์ยี่ห้อนั้นอย่างสุภาพ

    ชายหนุ่มพยักหน้ารับเล็กน้อยด้วยความเสียดายและบอกให้อีกฝ่ายทำค็อกเทลอะไรก็ได้ที่มีกลิ่นรสของแบล็คเคอร์แรนท์ อันเป็นกลิ่นเดียวกันกับที่ได้จากไวน์ยี่ห้อดังกล่าวมาให้หน่อย บาร์เทนเดอร์รับฟังคำขอของเขาอย่างใจเย็น ก่อนจะลงมือชงเคียร์ ค็อกเทลชนิดหนึ่งซึ่งผสมไวน์ขาวเข้ากับเหล้าครีมเดอคลาสสิค เหล้าหวานชนิดหนึ่งที่ทำมาจากเหล้ารัมและแบล็คเคอร์แรนท์มาให้

    แดนเนลสาบานได้ว่าเขาไม่ได้นึกถึงใครอีกคนที่เพิ่งจะยืนดื่มไวน์ริมระเบียงข้างกันเมื่อครู่ ขณะรับค็อกเทลที่ว่านั่นมาจากบาร์เทนเดอร์ของร้าน

    เขาสาบานได้ว่าเขาไม่ได้นึกถึงบทสนทนาที่เกิดขึ้นในตอนนั้น

    และเขาสาบานได้...

    ว่าเขาไม่ได้นึกถึงรสจูบของอีกฝ่าย ขณะที่ยกแก้วทรงสูงที่ภายในมีเครื่องดื่มสีแดงใสขึ้นจิบ

    แม้ว่ารสชาติของค็อกเทลที่เพิ่งถูกผสมขึ้นมาในเวลาไม่ถึงห้านาทีนั้นจะไม่อาจเทียบความนุ่มนวลลุ่มลึกกับไวน์แดงชั้นดีที่ถูกหมักบ่มมาเป็นสิบปีได้เลย แต่แดนเนลก็ซึมซับมันอย่างละเมียดละไมและตั้งอกตั้งใจ

    เพราะนี่จะเป็นแอลกอฮอล์แก้วสุดท้ายของเขาในค่ำคืนนี้ เขาไม่อยากให้ตัวเองขาดสติสัมปชัญญะขณะเผชิญหน้ากับใครก็ตามที่กำลังสวมรอยเป็นแคชมี

    ร่างผอมโปร่งเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือของตนเข้ากับไวไฟของทางร้าน ก่อนจะใช้โค้ดเนมเอ็มทูเคในการล็อกอินเข้าเว็บไซต์ของอันโนวและส่งข้อความไปหาคนที่นัดหมายให้ออกมาเจอกันในคืนนี้



    codenamem2k :
    ฉันถึงแล้ว

    catchme :
    ฉันใส่หมวกแก็ปสีดำ
    นั่งอยู่ริมสุดของบาร์




    อีกฝ่ายส่งข้อความตอบกลับมาหาเขาแทบจะทันทีทันใด แดนเนลอ่านข้อความนั้น ก่อนจะยกค็อกเทลในมือขึ้นจิบอย่างใจเย็น

    เขาไม่ได้รีบร้อนมองหาคู่สนทนา เพราะไม่อยากให้ตัวเองดูต้องการเข้าหาอีกฝ่ายมากจนเกินไปจนผิดปกติ

    เขารู้ดีว่าโม่งของโค้ดเนมเอ็มทูเคที่เขาใช้สวมอยู่นั้นได้แตกไปนานแล้ว มันไม่สำคัญอีกต่อไปว่าเชสเตอร์กับมาร์คัสจะรู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า ในตอนนี้เขาไม่ได้เป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากให้ตัวเองต้องตกเป็นรอง

    ดวงตากลมที่ลอบมองไปรอบกายอย่างเชื่องช้าสังเกตเห็นคนว่ามีคนที่สวมหมวกแก๊ปสีดำและนั่งอยู่ริมสุดของบาร์อยู่จริง ๆ แก้วเครื่องดื่มที่วางอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่ายนั้นคือแก้วเบียร์เอลสีน้ำตาลเข้มที่พร่องไปแล้วมากกว่าครึ่ง ข้าง ๆ กันนั้นมีแก้วเบียร์เปล่าอีกหนึ่งแก้ววางตั้งอยู่ ดูท่าแล้วเจ้าตัวคงจะมาถึงที่นี่ก่อนเขาพักใหญ่

    เขาเห็นอีกฝ่ายก้มหน้าพิมพ์อะไรบางอย่างลงในโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่กล่องสนทนาจากแคชมีจะมีข้อความเด้งขึ้นมาเพิ่มเติม



    catchme :
    นายล่ะ
    อยู่ตรงไหน


    codenamem2k :
    ฮู้ดดำ



    เขาพิมพ์ตอบกลับไปเพียงแค่นั้น และสบสายตาเข้ากับอีกฝ่ายเงยที่หน้าขึ้นและหันมองไปรอบ ๆ หลังจากอ่านข้อความของเขาจบ

    แดนเนลเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นการทักทาย แม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นหรือไม่ก็ตาม เขาลอบพินิจใบหน้าของชายคนดังกล่าวในใจและพยายามนึกหาว่าเคยเห็นหน้าหรือรู้จักอีกฝ่ายบ้างไหม แต่ก็ไม่พบความทรงจำใดที่แน่ชัด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ในเมื่อสมองของเขานั้นไม่ใช่โปรแกรมทะเบียนราษฎร์

    ชายหนุ่มโยนความคิดเรื่อยเปื่อยในหัวของตนทิ้งไปขณะก้มลงพิมพ์ข้อความแล้วกดส่งไปหาอีกฝ่าย



    codenamem2k :
    เอาไง
    นายจะเดินมา หรือจะให้ฉันเดินไป


    catchme :
    มาคนเดียว?

    codenamem2k :
    ใช่

    catchme :
    เจอกันข้างนอก



    อีกฝ่ายพิมพ์ข้อความตอบกลับมาหาเขา ก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมด เขาทำตามบ้างและวางเงินที่มากเกินราคาของค็อกเทลไว้ข้างแก้วที่ว่างเปล่า

    อีกฝ่ายลุกจากเก้าอี้ เดินตรงไปยังประตูร้าน ดึงมันให้เปิดออกก่อนจะก้าวออกไปด้านนอก และหลังจากนั้นไม่ถึงนาที เขาจึงลุกขึ้นบ้าง

    "ไง" อีกฝ่ายเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเขาเดินตามออกมาในที่สุด "หาที่คุยกันหน่อยไหม?"

    "ไม่ล่ะ" เขาปฏิเสธ แม้รู้ดีว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะไม่ได้ผล "รีบพูดมาให้จบ ๆ เถอะ"

    "นายเลือกเองได้นะ ว่าจะยอมไปกับฉันดี ๆ" สายตาคมปลาบของอีกฝ่ายสบเข้ากับสายตาของเขา คิ้วเรียวที่เลิกขึ้นเล็กน้อยนั้นดูคล้ายกำลังข่มขู่อยู่ในที "หรือให้ต้องฉันใช้กำลัง"

    เขาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอก่อนจะไหวไหล่อย่างคนไม่มีทางเลือก

    "ถ้างั้นก็ไม่เห็นต้องถามเลยนี่"

    "พอเป็นมารยาทน่ะ...ดีบีดี"

    อีกฝ่ายยิ้มตอบ และแดนเนลก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่รอยยิ้มที่เป็นมิตรสักเท่าไหร่

    "รู้จักฉันอยู่แล้วสินะ"

    "ใครบ้างจะไม่รู้จักคนดังในอันโนว"

    "อย่าลืมแนะนำตัวเองด้วยสิ" แดนเนลว่า "มารยาทน่ะ"

    อีกฝ่ายดูจะไม่ถือสากับคำพูดเหน็บแนมจากเขา อีกทั้งยังยอมยื่นมือขวาออกมา

    "ฉันเอช"

    "อ่าฮะ ยินดีที่ได้รู้จัก...เอช"

    แดนเนลจุดรอยยิ้มเล็ก ๆ ขึ้นที่มุมปากของตัวเอง ก่อนจะสอดมือทั้งสองของตนลงกระเป๋าเสื้อฮู้ด เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขาไม่ยอมยื่นมือออกไปจับจึงลดมือลง

    "นายจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า หากฉันต้องปิดตาและมัดแขนขานายไว้สักหน่อย"

    "อันนี้ก็ถามเป็นมารยาทอีกสินะ"

    "รู้นี่"

    อีกฝ่ายเอ่ยด้วยรอยยิ้มขณะก้าวย่างเข้ามาหาอย่างไม่รีบร้อน สัญชาตญานของแดนเนลร้องเตือนให้รีบวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้เมื่อเห็นท่าทีคุกคามนั้น ทว่าความตั้งใจของเขาคือสิ่งที่คัดค้านมันเอาไว้

    ที่เขาจงใจพาตัวเองมาอยู่ตรงนี้ก็เพื่อให้ถูกอีกฝ่ายจับตัวไป เขาเตรียมใจไว้แล้วสำหรับทุกอย่าง ขอเพียงแค่ได้เจอกับริชาร์ด

    ทว่าท่าทีของคนตรงหน้านั้นกลับทำให้เขารู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก และในขณะที่เขากำลังละล้าละลังอยู่นั้นเอง แขนของเขาก็ถูกอีกฝ่ายดึงกระชากให้เข้าไปประชิดตัว ก่อนที่หมัดหนัก ๆ ของอีกฝ่ายจะพุ่งเข้ามาปะทะกับท้องด้านซ้ายของเขาอย่างจังโดยที่เขาแทบไม่ทันตั้งตัว

    เขาทรุดลงกับพื้น ร่างกายขดงอด้วยความเจ็บปวด เขาไม่ได้สลบ ทว่าก็เจ็บเสียจนไม่อาจลุกขึ้นยืนได้ เขาเห็นอีกฝ่ายดึงบางสิ่งบางอย่างที่เหน็บอยู่ตรงด้านหลังของกางเกงออกมาถือไว้ ก่อนจะย่อตัวลงมาคุยกับเขา

    "มันอาจจะเจ็บสักหน่อย แต่อย่าโกรธกันเลยนะ" แดนเนลเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายเต็มสองตา มันคือเครื่องช็อตไฟฟ้าที่พร้อมใช้งานอย่างเต็มที่ เส้นไฟฟ้าสีขาวอมน้ำเงินที่วิ่งผ่านตัวปล่อยมานั้นส่งเสียงเปรี้ยะชวนให้รู้สึกพรั่นพรึง "ฉันจำเป็นต้องทำ"

    แดนเนลรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้ายทอยก่อนจะรู้สึกชาไปทั่วทั้งร่าง กระแสไฟฟ้าที่ได้รับไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทำให้เขาหมดสติ แต่กระนั้นมันก็มากพอที่จะทำให้เขารู้สึกหน้ามืดและลืมตาไม่ขึ้น

    ชั่วขณะนั้นเขาหวนคิดถึงไปตอนที่ตนใช้เข็มยาสลบปักเข้าที่บ่าของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ พลางนึกใจในว่ากรรมจะตามสนองเขาไวไปหน่อยไหม

    เขาได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่กำลังทำงานอยู่ของรถยนต์ค่อย ๆ ดังขึ้นใกล้หูทีละนิด

    เขารู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกอีกฝ่ายหิ้วปีกให้ลุกขึ้นจากพื้น

    เขาได้ยินเสียงประตูรถถูกเลื่อนเปิดออก

    ก่อนที่เขาจะถูกลากและจับโยนขึ้นไปบนรถคันนั้น

    แดนเนลรับรู้ความเป็นไปทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่กลับไม่สามารถแสดงท่าทีขัดขืนใดได้เลย แม้กระทั่งลืมตาขึ้นยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขาในยามนี้

    "สแกนร่างกายมันด้วย"

    เสียงของใครสักคนสั่งขึ้น หลังจากที่ประตูรถถูกเลื่อนปิดและรถเริ่มเคลื่อนตัวออกไป

    "รู้แล้วน่า" เอชเอ่ยตอบ "เอาเครื่องสแกนมาสิ"

    แดนเนลได้ยินเสียงดังติ้ด ๆ ดังขึ้นไม่ไกล และรู้ด้วยว่ามันคือเสียงจากเครื่องตรวจจับโลหะ มือของใครสักคนลูบคลำไปทั่วร่างกายของเขา ก่อนจะล้วงเอาข้าวของทั้งหมดที่เขาพกติดตัวออกไปจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดและกระเป๋ากางเกงยีนส์จนหมดสิ้น

    แต่กระนั้นยามที่อีกฝ่ายสแกนร่างกายเขาซ้ำอีกครั้ง เครื่องตรวจจับโลหะดังกล่าวก็ยังไม่ยอมหยุดส่งเสียง

    "มันฝังอะไรเอาไว้ในร่างกายด้วย"

    "ผ่ามันออกมา"

    สิ้นคำสั่งนั้น แขนเสื้อซ้ายของเขาถูกฉีกกระชากออก หัวใจของแดนเนลเต้นระส่ำ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะถูกบีบให้อ้าออกและยัดก้อนผ้าหนา ๆ เข้ามา

    "ถ้านายไม่เล่นแง่ตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้"

    เสียงของเอชกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของเขาขณะดึงแขนซ้ายของเขาให้ยกขึ้นและใช้บางสิ่งบางอย่างหนัก ๆ กดปลายแขนเขาเอาไว้ ก่อนที่สัมผัสเย็นเยียบของโลหะจะแตะลงบนท้องแขนนั้น ตรงจุดที่เขาฝังไมโครชิปเอาไว้

    ปลายแหลมคมของโลหะกดลงบนผิวหนังของเขาอย่างเชื่องช้า มันสร้างความรู้สึกที่เจ็บ และยิ่งเจ็บมากขึ้นไปอีกเมื่อเขาถูกมันกรีดลากผ่านเนื้อที่แขน

    แดนเนลเจ็บจนชาร้าวไปทั้งแขนยามที่ไมโครชิปนั้นค่อย ๆ ถูกงัดให้หลุดออกมา ทว่าเขากลับทำได้เพียงแค่กัดผ้าในปากแน่น และส่งเสียงอื้ออึงดังในลำคอ

    เสียงของเล็ก ๆ บางสิ่งถูกบดทำลายเข้ากับพื้นรถดังแกร๊บ แดนเนลรู้ในทันทีว่าจากนี้ไปจะไม่มีใครสามารถตามหาตัวเขาจากจีพีเอสได้อีกแล้ว

    "มันพกอะไรมาอีกบ้าง"

    "มีปืน โทรศัพท์ เอสดีการ์ด แล้วก็เงินสด"

    เสียงของเอชร่ายชื่อสิ่งของที่เขามีอยู่ทีละอย่างจนครบ

    "ปิดโทรศัพท์มัน"

    "แล้วเอสดีการ์ดล่ะ?"

    "ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ แล้วอย่าเอาไปเสียบคอมสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ" เสียงนั้นเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ "บางทีมันอาจเป็นไวรัสไม่ก็โปรแกรมระบุพิกัด ไอ้เวรนี่มันยิ่งรอบจัดอยู่"

    แดนเนลนิ่งค้างไปเมื่อได้ยินบทสนทนาดังกล่าว หัวของเขาเกิดตื้อขึ้นมาอย่างฉับพลัน

    พวกมันไม่รู้ว่าไมโครเอสดีการ์ดนั้นคืออะไร...

    นี่ไม่ใช่พวกของริชาร์ด

    แล้วพวกมันเป็นใคร?





    [tbc.]
    ศัพท์เทคนิคในตอนนี้ in a nutshell
    *เปลี่ยนชื่อจาก GPS microchip เป็น GPS Capsule*
    GPS Capsule ที่กล่าวถึงในตอนนี้เป็นอุปกรณ์ที่ยังไม่มีอยู่จริงนะคะ มีต้นแบบมาจาก RFID Glass Capsule ที่ใช้ฝังในร่างของสัตว์ ซึ่ง RFID เป็นเทคโนโลยีคนละอย่างกับ GPS Receiver
    - RFID Glass Capsule อาศัยคลื่นวิทยุในการเก็บข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นชื่อ ที่อยู่ บาร์โค้ด แล้วใช้ฝังลงในร่างกายสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะมีเครื่องสำหรับอ่านข้อมูลโดยเฉพาะ ปัจจุบัน (ปี2020) มีขนาดเล็กมากเท่าเมล็ดข้าวสาร
    - GPS Receiver คือตัวรับสัญญาณ GPS จากดาวเทียมค่ะ ปัจจุบัน (ปี2020) มีขนาดเล็กที่สุดที่ 4.1*4.1*2.1 mm. ซึ่งมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะฝังในร่างกายคนหรือสัตว์เลี้ยงได้

    ADVERTISEMENT

    RFID Glass Capsule ขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าวสาร

    มาพร้อมกับเข็มฉีดหัวบักเอ้ก
    GPS Reciever ที่เล็กที่สุดในปัจจุบัน (ปี2020)
    ***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกเรามาได้เลยนะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***
    ________________________________________
    อีฮยอกแจ - เอช (ฮาโรลด์ เอเวอเร็ตต์)

    เรื่องเข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้วค่ะทุกคน หลังจากนี้จะยิ่งเดินไวขึ้น
    มาสวดมนต์ให้แดนเนลกันค่ะ โดนใครที่ไหนจับไปแล้วก็ไม่รู้
    น้องระวังตัวแล้ว แต่ยังระวังตัวไม่พอ

    แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะทุกคน
    #ฟิควรบจด

    how to comment ใน minimore

    Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Gift N. T. (@giftnt1402)
ตอนแดนเนลโดนทำร้ายเราเจ็บมากค่ะ แล้วจะตามหากันยังไง โอ๊ยยยย แล้วไม่ใช่พวกริชาร์ดอีก (?) cliffhanger แรงมาก ตอนนี้เต็มไปด้วยความฉลาด ชอบอ่านกระบวนการคิดหรือเวลาแดนเนลวางแผนต่างๆ นะคะ ตอนนึกถึงความสัมพันธ์กับริชาร์ดด้วย แดนเนลก็เคยพูดบ่อยแล้วล่ะว่ามีประวัติศาสตร์เยอะ แต่ตอนนี้ยิ่งทำให้เห็นว่ามันดีพมาก

เอ็นดูตอนพยายามจำร้านอาหารไว้ไปกับเจย์เดน ตอนพยายามไม่หวั่นไหว น่ารัก ต้องรอดนะลูก