บ้านนี้มีสองชั้น มีห้องรับแขกและห้องครัวที่กว้างขวาง มีบันไดวางกลางตัวบ้านลงไปยังห้องนอนขนาดต่างกันจำนวนสี่ห้องนอน (ห้องมาสเตอร์เบดรูมจะมีห้องน้ำในตัว) มีตู้ไม้บิลด์อินทุกห้อง นอกนั้นไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นเลยสักชิ้น เว้นไว้แต่ตู้เสื้อผ้าที่ติดมากับบ้าน ผู้เช่าจะต้องนำของใช้และเฟอร์นิเจอร์มาด้วยตนเอง
ประตูทางเข้าออกหน้าหมู่บ้านเป็นเหล็กโปร่งสามารถมองทะลุได้ มีสวนสวย มีต้นไม้ที่ทั้งสูงและใหญ่ ด้านหลังมีคูน้ำเล็กๆ อีกทั้งยังตั้งอยู่ในตัวเมือง แม้จะไกลกว่าบ้านเพื่อนข้าราชการคนอื่นๆ ที่อยู่ในรัศมีไม่เกินหนึ่งกิโลเมตรจากสถานทูต แต่ก็ถือว่าหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างสถานทูตและสำนักงานสหประชาชาติกรุงไนโรบีที่ผมได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนเข้าร่วมประชุมอยู่เป็นระยะๆ
ผู้จัดการหมู่บ้านบอกผมอย่างตรงไปตรงมาว่า บ้านหลังนี้ยังไม่มีใครเช่า เพราะชั้นล่างค่อนข้างมืดทึบอับแสง ถ้าผมสนใจ เขาจะติดต่อไปยังเจ้าของหมู่บ้านให้ลดค่าเช่าของปีแรกให้ และไม่กี่วันต่อมา ผู้จัดการหมู่บ้านก็ติดต่อกลับมาว่าเจ้าของไม่ขัดข้องที่จะลดราคาค่าเช่า ซึ่งเป็นผลดีทั้งแก่ผม ที่จะได้
บ้านพักที่ถูกใจ และเป็นผลดีแก่หลวงที่จะได้จ่ายค่าเช่าราคาต่ำกว่าเกณฑ์
ทันทีที่กระทรวงการต่างประเทศอนุมัติให้ผมเช่าบ้านพักไนวาชา เลขที่ 1 ตลอดช่วงเวลาที่ผมประจำการอยู่ที่ไนโรบี (โดยราคาค่าเช่าต่อเดือนในปีแรกประมาณสองพันดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณหกหมื่นสามพันบาท) และได้ปรับขึ้นมาตามอัตราเงินเฟ้อที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณเจ็ดหมื่นสี่พันบาท) ในปีสุดท้ายก่อนผมกลับ) แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 ผมก็ย้ายออกจากโรงแรมข้างสถานทูต ซึ่งเป็นที่พักชั่วคราวของผมตลอดเกือบหนึ่งเดือน มาพักที่บ้านหลังนี้โดยไม่รอช้า
ตลอดเวลาสามปีที่ไนโรบี ผมมีเพื่อนฝูงและแขกเหรื่อมาพักที่บ้านประมาณ 10-12 กลุ่ม สั้นบ้างยาวบ้างตามกำหนดของแต่ละคน บ้างก็เป็นเพื่อนฝูงที่มาเที่ยวเคนยาหรือประเทศใกล้เคียง บ้างก็เป็นเพื่อนของเพื่อนที่มาทำธุระที่ไนโรบี บ้างก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่กระทรวงการต่างประเทศ บ้างก็เป็นแขกที่สถานทูตเชิญมาทำงานให้ บ้างก็เป็นนักศึกษาชาวอเมริกันที่ต้องมาเก็บข้อมูลภาคสนามที่เคนยา บ้างก็คนไทยจากต่างเมืองที่มีธุระต้องเข้ามาติดต่อสถานทูต ซึ่งผมล้วนชักชวนให้ทุกคนมาพักที่บ้านเสมอ เพราะจริงๆ แล้ว บ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของผมแต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นบ้านที่ราชการเช่าให้ผมพักอยู่ คนที่สนิทคุ้นเคยกันมักแซวว่า บ้านของผมนั้นไม่น่าจะเรียกว่าเป็นบ้านพัก แต่ควรจะเรียกว่าโรงแรมหรือไม่ก็โฮสเทลมากกว่า
ซึ่งผมก็ยินดีที่บ้านของผมเป็น ‘บ้าน’ ของคนอื่นได้ด้วย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in