เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Flufftober 2017ZYRUS
Day 19.1 - Smile
  • Sakurai Sho/Matsumoto Jun



    0.


    อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนตุลาคม ตามทางเท้าเริ่มเต็มไปด้วยสีสันของเสื้อกันหนาวที่ผู้คนหยิบมาสวมให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย หัวข้อสนทนาที่ได้ยินผ่านหูไปก็เริ่มเกี่ยวกับแผนช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีซึ่งเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


    ซากุไร โช ลอบมองคนข้างตัวประคองแก้วกระดาษบรรจุกาแฟร้อนขึ้นจิบ แววพึงพอใจปรากฏในหน่วยตาคมเมื่อเห็นหน้ากากอนามัยสีขาวเลื่อนลงไปตรงปลายคาง เผยริมฝีปากอิ่มสีแดงเรื่อจรดกับขอบแก้ว ก่อนจะเบนสายตาไปรอบกายที่เต็มไปด้วยฝูงชนอีกครั้ง...ยกยิ้มบางกับตนเอง


    เริ่มเปิดหน้าเดินดื่มกาแฟบนทางเท้าได้แบบนี้...นับเป็นสัญญาณที่ดีเลยทีเดียวว่าสภาพจิตใจของมัตสึโมโตะจุนใกล้จะกลับมาเป็นปกติแล้ว


    แม้เพียงเล็กน้อยแต่สำหรับพวกเขาและเพื่อนร่วมงานในสำนักพิมพ์ก็ใจชื้นขึ้นมามาก เพราะย่อมดีกว่าชายหนุ่มรูปร่างผ่ายผอม ผิวซีดราวกระดาษ แววตาหวาดกลัว ซุกซ่อนใบหน้าอยู่หลังแว่นสายตาอันใหญ่และหน้ากากอนามัย ตัวเกร็งทุกครั้งที่ต้องพบปะผู้คนหรืออยู่ในสถานที่มีคนพลุกพล่านราวหนึ่งเดือนก่อน


    กว่าหนึ่งเดือนเช่นกัน...ที่โชค่อยๆขยับเข้ามาใกล้จุน เริ่มต้นจากแวะไปร้านกาแฟของเพื่อนสนิทเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกคุ้นเคย จากนั้นอาสาเดินไปส่งหน้าอพาร์ทเมนต์ หาเรื่องให้ตนเองต้องแวะเวียนไปฝ่ายศิลปกรรมบ่อยๆ สักพักขอขับรถไปส่งยังที่พักตอนหลังเลิกงาน แวะร้านหนังสือระหว่างทางด้วยกันเป็นบางคราว จนกระทั่งตอนนี้อาศัยว่าอพาร์ทเมนต์ของคนที่เขาห่วงใยอยู่ระหว่างทางจากบ้านไปสำนักพิมพ์ ก็อาสาแวะรับและเดินทางไปทำงานพร้อมกัน


    ด้วยสำนักพิมพ์ไม่มีที่จอดรถเขาจึงจอดตรงลานที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย แวะซื้อกาแฟจากร้านที่ต้องเดินผ่านทุกวันก่อนจะเดินเข้าไปในอาคารสำนักพิมพ์


    ทั้งสองคนแยกกันในลิฟท์ จุนออกไปตรงชั้นสาม ส่วนเขาขึ้นต่อไปยังชั้นเจ็ดซึ่งเป็นชั้นบนสุดสำหรับผู้บริหาร ยกยิ้มทักทายอิคุตะ โทมะ เพื่อนสนิทของคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อครู่


    “ขึ้นมาแต่เช้าเลยนะอิคุตะซัง”


    “มาเบิกค่าเดินทางน่ะครับซากุไรซัง ต้องมาแต่เช้า เดี๋ยวผมทำงานแล้วจะเพลินจนลืมทุกอย่าง” โทมะอธิบายกลั้วหัวเราะก่อนค้อมศีรษะลง


    “ผมกับชุนว่าจะพูดนานแล้วแต่ไม่มีโอกาสซักที...ขอบคุณมากนะครับซากุไรซัง ที่ดูแลจนเพื่อนผมดีขึ้นขนาดนี้”


    “ผมเต็มใจครับ”  โชยกยิ้มน้อยๆสบตาหนุ่มฝ่ายศิลป์ที่สบตาอย่างรู้กัน


    “ผมเอาใจช่วยนะครับ ดีใจจริงๆที่เป็นซากุไรซัง อย่างน้อยผมก็วางใจได้ว่าเพื่อนผมจะไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก”


    ที่ปรึกษาการตลาดประจำสำนักพิมพ์คลี่ยิ้มแทนคำขอบคุณ แย้มมุมปากกว้างขึ้นเมื่อชายหนุ่มผมสีแสบตาตรงหน้าลดเสียงลง


    “ผมถามได้ไหมครับว่าเพื่อนผมไปเข้าตาคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”


    โชกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมเป็นประกาย ตอบเพียงว่า


    “นานเหมือนกันครับ”


    นาน...จนเขานึกแปลกใจตนเอง


    สิ้นคำตอบนั้น ชายหนุ่มก็แยกกับโทมะเข้าไปในห้องทำงาน สมองยังวนเวียนคิดถึงบทสนทนาเมื่อครู่


    คิด...แล้วอมยิ้มออกมาลำพัง


    เจ็ดปีที่แล้วเขาเพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ระหว่างรอการตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่ลอนดอนหลังได้ทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อปริญญาโท ชายหนุ่มก็มาทำงานเป็นผู้ช่วยให้กับอาจารย์ที่สนิทสนมกัน


    ช่วงเวลานั้น...เขาก็ได้พบกับมัตสึโมโตะ จุน นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ เจ้าของรอยยิ้มสดใสสะดุดตาแต่แรกเห็น


    โชใช้เวลานับเดือนกว่าจะรู้ตัวและยอมรับว่าเขาตกหลุมรักหนุ่มน้อยคนนี้เข้าแล้ว


    กระนั้นความรักของเขาจบลงเพียงได้เฝ้ามองจากระยะไกล เพราะอีกฝ่ายมีคนรักอยู่แล้ว เป็นนักศึกษาชั้นปีเดียวกันหากต่างคณะ เขาจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับหมอนั่นแทบไม่ได้แม้กระทั่งชื่อ โชคยังดีที่มีเวลาอกตรมกับความรักข้างเดียวได้ไม่นานก็ต้องเดินทางไปเรียนต่อยังอีกฟากหนึ่งของโลก สารพัดความวุ่นวายประดังเข้ามา ทำให้ลืมรักไม่สมหวังไปได้ช่วงหนึ่ง


    หากแต่..เมื่อชีวิตในต่างแดนเริ่มลงตัว โชก็เริ่มคิดถึงมัตสึโมโตะ จุนอีกครั้ง และหัวใจของเขาเป็นเช่นนั้นแม้จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกแล้วเดินทางกลับมาญี่ปุ่น


    ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ซากุไร โชแอบรักคนที่ไม่รู้ว่าเขามีตัวตนบนโลกนี้หรือเปล่าด้วยซ้ำ...และไม่มีท่าทีจะตัดใจ


    เข็มโชคชะตาหมุนเวียนให้ได้กลับมาพบกับหนุ่มน้อยคนเดิมอีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มเข้าทำงานเป็นที่ปรึกษาการตลาดให้กับสำนักพิมพ์แห่งนี้ นอกจากท่าทางดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นตามวัยแล้ว จุนไม่เปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย


    โดยเฉพาะรอยยิ้มนั้น...ที่ยังจับตาตรึงใจของเขาไม่แปรเปลี่ยน


    ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องเลวร้ายลบเลือนมันออกไป โชจึงสัญญากับตนเองว่าจะทำทุกวิถีทางให้รอยยิ้มที่เขาหลงรักกลับมาให้ได้


    แม้จะไม่ใช่เพราะเขา หรือเพื่อเขาก็ตาม



    1.


    เสื้อกันหนาวตัวหนาสีเข้มขับให้คนที่เดินก้มหน้าตรงมายังประตูดูตัวเล็กไปถนัดตา ยิ่งยามดวงตากลมโตสีน้ำตาลใสตัดกับหน้ากากสีขาวบดบังเครื่องหน้าช่วงล่างไหวระริกครั้นเห็นเขายืนขวางอยู่ ทำให้มัตสึโม-โตะ จุนยิ่งเหมือนลูกสัตว์ตัวน้อยไร้ทางสู้เข้าไปอีก


    ถึงภาพตรงหน้าจะทำให้หวั่นไหวเพียงใด โชก็ยังตีหน้านิ่ง


    “ถึงคุณจะลืมว่าวันนี้มีนัดกับคุณหมอแต่ขอโทษที่ผมไม่ได้ลืมไปด้วยนะครับ”


    จุนขยับตัวไปมาอึกอักนิ้วเกี่ยวหน้ากากลงมาตรงคาง


    “ซากุไรซัง...”


    “ไม่ต้องมาซากุไรซังเลยครับ” โชมองดุๆ “ไปครับ...ผมมารับคุณ”


    “ผมไปเองได้” คนเด็กกว่าเถียง เรียกคิ้วเข้มของคู่สนทนาเลิกขึ้นอย่างไม่เชื่อถือ


    “แบบนั้นผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุณไปหาหมอจริงๆ”


    ไม่รอให้อีกฝ่ายได้โอกาสแย้งอะไรอีกโชคว้าข้อมือผอมเดินลงบันไดไปด้วยกัน ออกประตูสำนักพิมพ์เข้าสถานีรถไฟ มือที่เริ่มเย็นในอุ้งมือทำให้เขากระชับมือนั้นมั่น จนกระทั่งหยุดรอรถไฟตรงชานชาลาก็สบโอกาสหันมองคนข้างตัว


    ผู้คนพลุกพล่านในช่วงหลังเลิกงานส่งผลกับจุนอย่างที่เขากังวล ยิ่งยามหน้ากากอนามัยที่เป็นเกราะกำบังอยู่ตรงปลายคางซึ่งคงเป็นเพราะตอนดึงลงมาตอนคุยกับเขาที่ออฟฟิศ ไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกจูงออกมา ซ้ำในอ้อมแขนอีกข้างอุ้มหนังสือเล่มหนาแนบอก ชายหนุ่มที่เขากุมมืออยู่ตอนนี้จึงก้มหน้าคางจรดอก ไหล่สั่นสะท้าน


    โชขยับเข้าไปใกล้ ใช้ปลายนิ้วเชยคางมนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงหน้ากากขึ้นปิดวงหน้านั้นตามเดิม บรรจงจัดให้มันแนบใบหน้าเรียบร้อย


    “ขอโทษนะครับที่พูดไม่กี่คำก็ลากคุณออกมาแบบนั้น”


    เอ่ยจบประโยคก็ชะงักกับคำพูดของตน...นึกย้อนตอนที่ไปดักหนุ่มฝ่ายศิลป์ถึงหน้าประตูแผนกเพื่อจะพามาพบนักจิตบำบัดที่ได้นัดหมายไว้


    จุนดึงหน้ากากลงตอนพูดกับเขา...


    โชคงจะไม่ติดอะไรอะไร หากเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน


    วงตาคมแววยิ้มสบดวงตากลมโตมองตอบอย่างฉงน บีบมือเรียวในอุ้งมือแผ่วเบา


    “ตอนคุยกับผมก่อนออกมาจากออฟฟิศ...คุณดึงแมสก์ลง” นิ้วโป้งหนาคลึงไปมาบนหลังมือขาวอย่างอ่อนโยน รับกับเสียงทอดนุ่มเบา


    “ขอบคุณมากนะครับ”



    2.


    เสียงเปิดประตูจากห้องที่ปิดเงียบอยู่นานกว่าสองชั่วโมง เรียกชายหนุ่มตาคมละสายตาจากหนังสือในมือขึ้นมอง ยิ้มรับร่างสูงโปร่งก้าวออกมาหา


    “เจอคุณหมออีกครั้งสัปดาห์หน้าเหมือนเดิมใช่มั้ยครับ” โชถาม ขณะพวกเขาก้าวออกมานอกคลินิกพร้อมกัน จุนพยักหน้าช้าๆแทนคำตอบ เอื้อมมือมาจับมือเขาตามความเคยชินเมื่อต้องออกไปพบกับฝูงชนบนทางเท้า


    มองท่าทางเหนื่อยอ่อนของคนข้างตัวแล้วเขาก็รู้สึกผิดจับใจ


    “ขอโทษนะครับที่พาเดินแบบนี้ รถผมเสียพอดี”


    จุนส่ายหน้า...หากก็ไม่ได้ลดทอนความรู้สึกหนักอึ้งนั้นลงแม้แต่น้อย


    ขบวนรถไฟในช่วงค่อนดึกเริ่มมีที่ว่างให้นั่ง โชหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเช็คอีเมล์เงียบๆเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนข้างตัว


    “ซากุไรซัง”


    “ครับ?”


    “ขอบคุณมากนะครับ สำหรับทุกๆอย่าง”


    เขาหันไปมองเจ้าของเสียงที่นั่งก้มหน้า นิ้วชี้ข้างหนึ่งวนเวียนไปมาบนหน้ากากอนามัยถูกเลื่อนลงมายังปลายคาง เผยแก้มขาวระบายสีเรื่อน่าเอ็นดู


    “ไม่เป็นครับ ผมยินดีและเต็มใจ” รู้สึกถึงมุมปากยกยิ้มเมื่อตอบออกไป


    “มันไม่จำเป็นเลยแท้ๆ” ริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่เม้มแน่น ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองด้วยความรู้สึกหลากหลาย “จะว่าผมขี้ระแวงก็ได้แต่ผมอยากรู้ว่าคุณทำลงไปทำไมทั้งที่คุณไม่ได้อะไรเลยแท้ๆที่มาคอยดูแลคนสติไม่ปกติอย่างผม”


    โชขมวดคิ้วให้กับถ้อยนั้น


    “ทำไมคุณพูดให้ตัวเองดูไม่มีค่าแบบนั้นละครับ คุณไม่ได้อยากให้ตัวเองเป็นแบบนี้ซะหน่อย ...แต่ถ้าคุณอยากได้คำตอบว่าทำไมผมถึงมาคอยดูแลคุณ”


    ดวงตาคมสบลูกแก้วสีสวยนิ่งนาน


    “รอยยิ้มของคุณสวยมาก และผมอยากเห็นมันกลับมาอยู่กับคุณอีกครั้ง”


    คำตอบนั้นสั่นนัยน์ตากลมโตวูบไหวหยาดน้ำใสเอ่อขอบตา ก่อนไหลอาบแก้มขาวช้าๆ


    “คุณ...” เสียงแตกพร่าเอ่ยได้เพียงเท่านั้นก็สะอื้น โชรั้งเอวผอมมาแนบตัว หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาให้อย่างทะนุถนอม


    “ไม่เป็นไรครับไม่ร้องนะ...เดี๋ยวคนบนรถไฟเขาจะคิดว่าผมขืนใจคุณนะ”


    จุนชะงัก ดวงตากลมรื้นน้ำช้อนขึ้นมองคนขู่หน้าตาย แค่นหัวเราะเจือสะอื้นออกมา


    “คุณนี่จริงๆเลย”


    โชอมยิ้มมองอีกฝ่ายนั่งเช็ดน้ำตาเงียบๆ ส่วนตนใช้นิ้วโป้งคลึงไปมาบนหลังมือขาวเบาๆ รอจนกระทั่งวงหน้านั้นเงยขึ้นมาอีกครั้งพร้อมแต้มรอยยิ้มบางเบา


    รอยยิ้ม...ที่เขาทำได้เพียงเฝ้ามองมาหลายปี


    บัดนี้...อยู่ตรงหน้าเขา  มอบให้เขาเพียงคนเดียว

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in