Harry Styles/Louis Tomlinson
“เพราะแบบนี้ใช่ไหมคุณถึงให้ผมจองแค่ตั๋วขาไปแต่ไม่จองขากลับ”
ลูอิสได้ยินเสียงอ่อนแรงของตนเองเอ่ยถามพ่อสถาปนิกใหญ่ที่เดินถ่ายรูปสารพัดตึกในย่านชิบูย่าอย่างเพลิดเพลิน รู้สึกอายุสั้นลงไปอีกสิบปีเมื่อคนเป็นเจ้านายส่งเสียงในลำคอแทนคำตอบว่า ‘ใช่’
“งานการไม่คิดจะกลับไปทำหรอคุณ” เสียงเข้มขึ้นตามอารมณ์..ไม่เคยพบเคยเจอจริงๆคนที่ทำงานแบบตามใจฉันเต็มรูปแบบอย่างนี้
“ผมเคลียร์หมดแล้ว คุณเป็นเลขาของผมไม่ใช่หรอ น่าจะรู้ดีที่สุดนะว่าผมมีงานอะไรบ้าง” แฮร์รี่ตอบสบายๆ ปล่อยมือข้างหนึ่งจากกล้องถ่ายรูปออกแกว่งไปมา แล้วชะงัก...จากนั้นก็แกว่งมือต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ตอนนี้คุณมีโปรเจ็คต์ตึกสำนักงานของ...” ลูอิสเอ่ยชื่อกระเป๋าแบรนด์ดังขึ้นมา “ซึ่งผมไม่เห็นว่าการมาตะลอนญี่ปุ่นไปเรื่อยๆแบบนี้มันจะเกี่ยวกันตรงไหน”
“คุณเป็นสถาปนิก...คุณน่าจะเข้าใจการหาแรงบันดาลใจ ยิ่งทางนั้นบอกว่าตามใจผมทุกอย่าง ขอบเขตของมันยิ่งกว้างผมก็ยิ่งต้องขยายแรงบันดาลใจเข้าไปอีก”
“ถ้าอย่างนั้นการหาแรงบันดาลใจของผมกับคุณมันต่างกันมากทีเดียว” เลขานุการหนุ่มกลอกตา ตอนคิดงานไม่ออก เขาชอบนอนนิ่งๆ ฟังเพลง ไม่ก็ออกไปดูภาพยนตร์ วิ่งออกกำลังกาย แต่ก็ไม่ค่อยมีช่วงเวลาแบบนั้นบ่อยนัก เพราะลูกค้ามีแบบที่ต้องการมาเสนออยู่แล้ว เขาก็ทำเพียงร่างแบบแล้วแก้จนกว่าฝ่ายนั้นจะพอใจ
“แรงบันดาลใจก็เหมือนจักรวาลนั่นแหละกว้างใหญ่และซับซ้อนไปหมด”
ลูอิสพยักหน้ารับแกนๆเดินทอดน่องเคียงร่างสูงใหญ่ของเจ้านายไปตามทางเท้าของย่านจับจ่ายสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองหลวง ปากบ่นพึม
“คุณนี่เข้าใจยากจริงนะ”
“แต่คุณก็เข้าใจผม”
คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้ายิ้มๆ “ผมไม่เห็นจะเข้าใจคุณตรงไหนทุกครั้งเวลาคุณพูด คุณทำอะไร ผมมีคำถามในหัวไปหมด”
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงแต้มยิ้มบาง
“มันเป็นความรู้สึกน่ะ”
ลูอิสหัวเราะ ส่ายหน้าไปมาอีกครั้ง
“นั่นไง...ผมไม่เข้าใจคุณจริงๆ”
แฮร์รี่ไม่ตอบคำ ปากหยักคลี่ยิ้มน้อยๆ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา เรียกคิ้วเรียวเหนือดวงตาสีฟ้าอมเทามุ่นเข้าหากัน
คล้ายกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ เสียงทุ้มต่ำสำเนียงเนิบเอ่ยสำทับ
“จับมือผมหน่อยสิ” ว่าพลางกระดิกนิ้วยิกๆ
“ผมไม่เข้าใจว่าผมจะทำไปเพื่ออะไร” เลขาฯตัวเล็กขมวดคิ้วยุ่ง ขณะคนเป็นเจ้านายหัวเราะในลำคอ
“ผมอยากจับมือคุณ”
ลูอิสถอนหายใจส่งมือออกไปประสานกับแพนิ้วเรียวยาวและประกบกับฝ่ามือใหญ่อุ่น นึกขันตนเองที่บ้าจี้ทำตามอีกฝ่ายบอกลงไปได้
“จริงๆผมก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงอยากจับมือคุณ แต่ความรู้สึกมันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยทำความเข้าใจอยู่แล้ว รู้สึกยังไงก็ปล่อยมันพาไป หาเหตุผลทำไมให้ยุ่งยาก”
เจ้าของมือเล็กถอนหายใจยาวแทนคำตอบรับ...พูดจาได้สมกับเป็นแฮร์รี่ สไตลส์ สถาปนิกผู้หลุดโลกเสียจริง
“แต่เอาเข้าจริงผมรู้นะว่าทำไมผมถึงอยากจับมือคุณ”
คนฟังพยักหน้ารับเลื่อนลอย รอฟังอะไรต่อมิอะไรที่ไม่อาจหยั่งถึงของคนข้างตัวจะพ่นออกมาให้ขบคิดจนปวดหัวจนยอมแพ้เลิกตีความไปเอง
“ผมชอบคุณ ชอบในแบบอยากให้คุณมาเป็นแฟนผม”
เดี๋ยวนะ...ลูอิสชะงักกึก เสียงจากบรรยากาศคึกคักรอบตัวเลือนหายไปจากการรับรู้หมดสิ้น ได้ยินเพียงประโยคเมื่อครู่ดังก้องในหัวแข่งกับเสียงหัวใจฟังอื้ออึง
“คุณว่า...ยังไงนะ” เสียงของเขาฟังสิ้นแรงอย่างน่าขัน มืออ่อนตกลงแนบข้างลำตัว หากอีกข้างที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่ถูกบีบกระชับมั่นกว่าเดิม
“ลูอี...เป็นแฟนกันได้มั้ย คบกับผมนะ ผมชอบคุณ”
เจ้าของชื่อนิ่งค้าง กะพริบตาปริบ พยายามจับต้นชนปลาย...เช่นเดียวกับหาความนัยในประโยคเหมือนกับที่สื่อสารกับสถาปนิกผู้เข้าใจยากยามปกติ
ทว่า...ผลของการประมวลใจความก็มีเพียงแต่แฮร์รี่ สไตลส์กำลังบอกว่าชอบเขาและขอเป็นแฟน
“ผม...” เขาหาเสียงตนเองเจอแค่นั้น ถามว่าพึงพอใจอีกฝ่ายในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งหรือไม่ ลูอิสตอบได้แค่ว่าไม่รู้ เพราะไม่ได้สนใจอีกฝ่ายไปกว่าฐานะเจ้านายของตน
เอาเข้าจริง...เพราะสนุกกับการทำงานทำให้เขาหันหลังให้ความรัก ไม่ได้คบกับใครมานับแต่เรียนจบปริญญาตรี
“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย แต่ขอโอกาสให้ผมรู้จักคุณมากกว่าในเวลางานได้รึเปล่า”
ลูอิสเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับวงตาคมแววเว้าวอนตรงหน้า สูดหายใจลึก...
“ผมพูดตามตรงเลยนะว่าไม่ได้คิดเรื่องรักๆใคร่ๆมาตั้งแต่เรียนจบเพราะสนุกกับงาน แต่สำหรับคำตอบของคุณ ผมจะตอบว่า...”
เว้นช่วง หลุบตาลงต่ำรวบรวมกำลังใจในการจะเอ่ยประโยคถัดไป
“ทนหน่อยแล้วกัน ถ้าผมจะเป็นแฟนที่ทื่อและไร้ความโรแมนติกมาก”
เงยหน้าขึ้นมองท่าทีของคนตัวโต สิ่งที่เข้ามาในคลองสายตาคือใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้จนสัมผัสถึงริมฝีปากนุ่มหยุ่นทาบทับลงบนกลีบปากแผ่วเบา...เนิบช้ามอบความอ่อนหวานเนิ่นนานกว่าจะผละออกอย่างอ้อยอิ่ง
“เป็นยังไงบ้าง ผมไม่ได้จูบใครมานานแล้ว”
เสียงทุ้มราวกับเอ่ยมาจากที่ไกลแสนไกล ขณะลูอิสกะพริบตาปริบ รู้สึกเหมือนยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างความจริงและความฝัน
“ผมว่าผมฝันอยู่” เขาได้ยินเสียงตนเองตอบออกไปเหมือนคนละเมอ ตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอของร่างสูงใหญ่ตรงหน้า แล้วปิดท้ายด้วยเรียวปากอุ่นนั้นเคลื่อนลงมาจรดมอบรสหวานล้ำอีกครั้ง จากนั้นกระซิบแผ่วริมใบหู
“ฝันที่เป็นจริงครับ...แฟนของผม”
ชอบลูอีโทนนี้ ดูง่ายๆ สบายๆ น่าอยู่ด้วยเป็นอย่างยิ่ง นานๆที่ฟิคเรือหลวงจะกลับมา ฮืออ ชื่นฉ่ำใจบ่าวเหลือเกินค่ะ /ตีลังกาสามตลบก่อนจะวิ่งไปจุดพลุแล้วกลับมาจับไม้พายมั่น *จ้วงให้น้ำกระฉอก* ก๊ากๆๆ รักนะคะพี่แหมบ = 3 = )