เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Flufftober 2017ZYRUS
Day 11 - Habits
  • Ikuta Toma/Matsumoto Jun


    05.30น.

    คำทักทายอรุณสวัสดิ์ดังมาจากนาฬิกาปลุกบนโต๊ะข้างเตียง เรียกมือเรียวยาวของเด็กหนุ่มที่นอนซุกผ้าห่มนวมยื่นออกมากดปิด นิ่งทำใจบอกลาเตียงนอนแสนสบายอยู่พักหนึ่งก่อนจะยันตัวลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าจากเสื้อยืดตัวเก่าย้วยและกางเกงขาสั้นสภาพไม่ต่างกันเป็นชุดสำหรับออกกำลังกาย คว้าไอพอดพร้อมหูฟัง ธนบัตรใบหนึ่งสำหรับอาหารมื้อเช้า สวมรองเท้าปิดท้ายด้วยคว้าคีย์การ์ดแล้วเดินออกไป


    เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ในแบบของอิคุตะ โทมะ


    ทางเดินหน้าห้องที่ปกติในเวลานี้จะโล่งว่างทำให้ภาพของประตูห้องตรงข้ามที่เปิดออกดูสะดุดตาตามด้วยร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มผิวขาวจัดอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาในเสื้อผ้ารัดกุมพร้อมออกกำลังกายก้าวออกมา


    คงจะเป็นคนที่ย้ายมาใหม่เมื่อสองสามวันก่อน...เห็นพาเพื่อนกลุ่มใหญ่มาช่วยกันขนของเข้าห้องอยู่  โทมะสันนิษฐาน รอจนอีกฝ่ายล็อกประตูห้องเรียบร้อยแล้วหันมาก็ส่งยิ้มให้ประสาคนมนุษย์สัมพันธ์ดี


    ฝ่ายนั้นคล้ายชะงักเล็กน้อยแต่ก็คลี่ยิ้มบางตอบกลับมา


    จากนั้นพวกเขาก็เดินไปที่ลิฟท์ด้วยกัน


    “ชั้นไหนครับ” โทมะเอ่ยถาม ที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้มีฟิตเนสอยู่ที่ชั้นห้าแต่ผู้พักอาศัยหลายคนรวมถึงเขาชอบที่จะข้ามถนนไปออกกำลังกายยังสวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามมากกว่า


    “คุณไม่ได้จะไปฟิตเนสชั้นห้าหรอครับ” สมาชิกใหม่ของคอนโดฯย้อนถามอย่างฉงน คิ้วเรียวเข้มพาดเหนือดวงตากลมโตสีน้ำตาลใสดูน่าเอ็นดูจนเขาอดยิ้มออกมาไม่ได้


    “ผมชอบข้ามไปสวนอีกฝั่งมากกว่าครับ เช้าๆแบบนี้ได้สูดอากาศมันสดชื่นดี จะเข้าฟิตเนสก็ตอนยกเวทแหละครับ”


    “ถ้าอย่างนั้นผมไปด้วยได้ไหม” คู่สนทนาดูสนใจ ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็ก


    โทมะไม่ตอบคำ ทำเพียงยิ้ม...จรดปลายนิ้วลงบนหมายเลขชั้นล่างสุด



    7.00 น.


    มัตสึโมโตะ จุน...คือชื่อของผู้ชายคนนั้น


    ผู้ชาย...ที่เขาแอบชมในใจว่าช่างน่ารักเหลือเกินไม่รู้กี่ครั้งในกว่าชั่วโมงที่วิ่งออกกำลังกายอยู่ข้างๆกัน


    หลังแวะซื้อขนมปังอบร้อนสดใหม่จากเตาที่คาเฟ่ใต้คอนโดมิเนียมเรียบร้อย เขาก็แยกกับจุนตรงหน้าห้อง จัดการตั้งกาต้มกาแฟแล้วเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว


    ระหว่างรับประทานอาหารเช้าอันประกอบด้วยขนมปังสอดไส้ที่ซื้อมาคู่กับกาแฟ วูบหนึ่งเขาไพล่นึกถึงคนที่เพิ่งแยกกันตรงหน้าประตูครั้นเหลือบมองกาแฟที่ยังเหลืออยู่ค่อนกา


    เอาไปแบ่งให้จุนดีไหม...เสียงเล็กๆในหัวเสนอขึ้น  เขาพยักหน้ากับตนเอง ขยับจะลุกขึ้นไปหยิบกา


    เฮ้ย...จะดีหรออิคุตะ นายเพิ่งรู้จักกับเขาเองนะ พลันอีกเสียงแย้ง ทำเด็กหนุ่มชะงักกึก มือค้างอยู่ในท่ายื่นมือไปแตะหูกา


    สุดท้าย...เสียงแรกก็เป็นฝ่ายชนะ โทมะหยิบกาขึ้นลุกไปยังประตู สูดลมหายใจลึกเรียกกำลังใจให้ตนเองก่อนจะผลักบานประตูออกไป


    แล้วต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นประตูห้องตรงข้ามก็เปิดออกเช่นกัน ในมือเจ้าของห้องถือจานกระเบื้องสีขาวตัดกับสีเหลืองสวยของไข่คนส่งกลิ่นหอมกรุ่น


    ดวงตาสองคู่ข้ามทางเดินมาสบสานกัน


    “ผมเอากาแฟมาให้”


    “ผมเอาไข่คนมาให้”


    พูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนจะต่างคนต่างชะงัก หัวเราะออกมา



    8.00 น.


    จัดการอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาไปมหาวิทยาลัย


    เด็กหนุ่มบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้านเมื่อนึกถึงตารางเรียนที่อัดแน่นของเทอมนี้ อ้าปากหาวหวอดหยิบกระเป๋าเป้กับกุญแจรถจักรยานมาเดาะเล่นในมือ เสียบหูฟังกับหูสองข้าง ก้าวเรื่อยๆไปยืนรอลิฟท์


    เหมือนเดิมกับทุกวัน


    จักรยานคู่ใจที่อยู่เคียงข้างกันมาตั้งแต่ปีแรกจนตอนนี้เข้าปีสุดท้ายของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยจอดอยู่ตำแหน่งเดิมของมัน


    แต่ที่ไม่เหมือนเดิมเห็นจะเป็นจักรยานสีเงินซึ่งจอดอยู่ห่างออกไปโดยมีจักรยานห้าคันคั่นกลาง


    เขามั่นใจว่าไม่เคยเห็นจักรยานคันนี้มาก่อน


    ยังไม่ทันสงสัยอะไรเพิ่มเติม เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นด้านหลัง


    ตามด้วยเสียงเรียกที่เริ่มจดจำได้


    “อิคุตะซัง”


    เสียงนั้นจุดรอยยิ้มบางบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม...เขาคิดว่ารู้แล้วว่าจักรยานคันนี้มาจากไหน


    “ครับ” โทมะลากเสียงยาวตอบรับอย่างทะเล้น “ผมกำลังจะไปเรียนพอดี มัตสึโมโตะซังจะไปไหนหรอครับ”


    “ไปเรียนเหมือนกัน แต่ป.โทนะ”


    เจ้าของชื่อตอบยิ้มๆไขกุญแจปลดล็อกจักรยานแล้วขึ้นคร่อม ขณะคนถามกะพริบตาปริบ


    มหาวิทยาลัยในละแวกนี้...เหมือนจะมีแค่มหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่


    “มหาวิทยาลัย...หรอครับ” เขาลองถามได้รับคำตอบเป็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผงกศีรษะช้าๆ


    “ที่เดียวกับผมเลย”


    จักรยานเคลื่อนไปตามถนนเส้นเดิมกับทุกวันเหมือนกับตลอดหลายปีที่ผ่านมา


    หากเสียงของจักรยานที่ตามหลังอยู่ทำให้รู้สึกว่าวันนี้ไม่เหมือนกับทุกวัน


    เด็กหนุ่มละมือจากแฮนด์ข้างหนึ่งขึ้นแตะอกเบื้องซ้ายของตนแผ่วเบา


    จังหวะของมัน...ก็แปลกไปจากเคย



    17.00 น.


    ช่วงเย็นที่ไม่มีคลาสหรือกิจกรรมใดๆ โทมะชอบมาเตะฟุตบอลกับกลุ่มเพื่อน ร้องโหวกเหวกโวยวายเฮฮาตามประสาผู้ชายจนตะวันลับขอบฟ้าถึงจะเลิก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปรับประทานอาหารเย็นหรือถ้าเป็นวันศุกร์ก็กอดคอไปร้านเหล้า


    เด็กหนุ่มหยิบผ้าเย็นห่อหนึ่งจากกระติกข้างสนามขึ้นมาแกะซับตามใบหน้าและลำคอชุ่มเหงื่อ เสียงขึ้นจมูกคุ้นหูที่ลอยมากระทบโสตเรียกให้หันมองตาม จนเห็นกลุ่มนักศึกษาปริญญาโทเดินออกมาทางห้องสมุด


    เขาส่งยิ้มให้จุนที่พอเห็นก็ยิ้มตอบ


    รอยยิ้มสดใสแลดูเจิดจ้าท่ามกลางแสงสุดท้ายของวันส่งผ่านดวงตาแผ่ความอบอุ่นมาถึงหัวใจ


    แม้จะได้เห็นยิ้มแสนน่ารักนี้ในทุกๆวันที่เจอกันตลอดกว่าหนึ่งเดือนที่รู้จักกันแต่โทมะไม่เคยเบื่อ ซ้ำเหมือนหัวใจจะร่ำร้อง...


    ...อยากจะเห็นไปอีกนานๆ



    22.00 น.


    หน้ากระดาษบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นสีขาวโพลน เช่นเดียวกับสมองของนักศึกษาหนุ่มที่แหงนหน้าเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนล้าและท้อแท้


    ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องเขียนเรียงความส่งอาจารย์ แต่เวลาได้รับมอบหมายงานประเภทนี้ทีไร ภาวะ ‘แบลงค์’ จะเข้ามาทักทายทุกคราวไป


    เด็กหนุ่มถอนหายใจหยิบกระเป๋าสตางค์ เดินออกจากห้องไปซื้อกาแฟตรงคาเฟ่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงมานั่งจิบตรงสวนหย่อมของคอนโดมิเนียม หวังว่ากลิ่นหอมของกาแฟร้อนๆ จะทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นมาได้บ้าง


    เงยหน้ามองท้องฟ้าราตรีแต่งแต้มแสงดาวระยิบระยับ เหมือนกากเพชรบนผืนผ้ากำมะหยี่ เหม่อคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับหัวข้อเรียงความที่ตนต้องรับผิดชอบ ความสงัดยามวิกาลเคล้าสายลมเย็นต้นฤดูใบไม้ร่วงกับคาเฟอีนทำให้สมองเริ่มประมวลผลได้ดีขึ้น


    กาแฟหมดแก้ว...พร้อมกับที่สามารถหาทางออกเรื่องงานได้เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน ทิ้งแก้วลงถังขยะ หันไปทางลานจอดจักรยาน ก็เป็นจังหวะเดียวกับจักรยานสีเงินคุ้นตาเคลื่อนเข้ามาจอดพอดี


    แม้จะดึงหมวกฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะไว้ แสงไฟสลัวทำให้แทบไม่เห็นใบหน้าแต่เขาก็จำอีกฝ่ายได้ไม่ผิดแน่


    มัตสึโมโตะซัง...


    ดึกขนาดนี้แล้ว...ทำไมเพิ่งกลับมา


    ความพลุ่งพล่านในอกเร่งฝีเท้าตรงเข้าไปหาคนลงจากจักรยานมาพบกันตรงเสาไฟต้นหนึ่ง แสงไฟเพียงพอทำให้มองเห็นได้ชัดถนัดตา


    ไม่ใช่เพราะความสลัวที่ทำให้เขาไม่เห็นหน้าส่วนที่พ้นหมวกฮู้ดนั้น แต่เป็นเพราะหน้ากากอนามัยสีขาวคาดปิดเครื่องหน้าช่วงล่างทั้งหมด


    “เพิ่งกลับมาจากมหา’ลัยหรอครับมัตสึโมโตะซัง” คนอายุน้อยกว่าถาม นึกตกใจเสียงของตนเองที่ทอดได้นุ่มเบาซึ่งไม่คิดว่าจะทำได้


    “อืม..ช่วยอาจารย์ทำวิจัยน่ะครับ” เสียงแหบแห้งตอบกลับมาพร้อมไอค่อกแค่ก


    โดยไม่ทันรู้ตัว โทมะยื่นมือออกไปแตะบนหน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบาจะรู้สึกตนก็ตอนดวงตากลมช้อนขึ้นมองอย่างฉงน


    “เอ่อ...ขอโทษครับอยากรู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ดีนะครับที่ไม่มีไข้” เขาหัวเราะแห้งๆแก้เก้อ ก้าวเคียงนักศึกษาปริญญาโทที่ส่ายหน้าน้อยๆแทนคำว่าตนไม่ถือสาพลางจับหมวกฮู้ดลง เผยใบหน้าช่วงบนที่ไม่ซีดขาวอย่างที่นึกห่วง


    “ภูมิแพ้น่ะครับอากาศเปลี่ยนแล้วช่วงนี้นอนน้อย” เสียงตอบมีแววหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะผินหน้ามาพยักพเยิดให้เข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน โทมะเข้าไปยืนข้างๆอยู่อย่างนั้นตลอดจนเดินมาถึงหน้าประตูห้องของตน


    รู้สึกคล้าย...ไม่อยากเดินออกห่างข้างกายคนๆนี้


    “งานคืนนี้เสร็จแล้วพักผ่อนนะครับ” ส่งเสียงแทรกความว้าวุ่นพิกลในใจบอกเจ้าของคิ้วเข้มเลิกขึ้นน้อยๆก่อนดวงตากลมโตสีสวยนั้นจะหยีแคบลงริมฝีปากยิ้มใต้หน้ากากสีขาวนั้นคงเผยรอยยิ้มสดใสเช่นเคย



    01.00 น.


    เพดานห้องยังคงเป็นเพดานเดิมกับที่เห็นเป็นภาพสุดท้ายก่อนหลับตาลงในทุกคืน


    โทมะจ้องมองคล้ายมันจะมีคำตอบของคำถามที่เขาเพียรถามตนเองปรากฏขึ้นบนนั้น


    ตลอดกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตตามปกติ ทุกสิ่งเป็นไปตามที่มันเป็นมาตลอดหลายปี


    แม้แต่ตอนที่ได้รู้จักเพื่อนบ้านห้องตรงข้ามคนใหม่...กิจวัตรของเขาก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง


    วูบหนึ่งที่เขานึกถึงสมัยเรียนวิชาฟิสิกส์ขึ้นมา


    ‘ตก’ เป็นกริยาที่มักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกจึงไม่อาจฝืนมันได้


    บางที...จึงอาจเป็นที่มาของ ‘ตกหลุมรัก’


    ไม่รู้ตัวและพอรู้ตัวก็ไม่อาจฝืนความรู้สึกนั้นได้



    01.30 น.


    โทมะหลับตาลง


    เขาตกหลุมรักมัตสึโมโตะจุน...เข้าแล้ว

     

     

     

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in