เราเพิ่งมีโอกาสได้กลับไปโรงพยาบาลที่เราเคยแอ็ดมิทอีกครั้ง เพราะว่าโควิดระบาด เราก็กลับมาอยู่บ้าน แล้วทางโรงพยาบาลที่เรารักษาอยู่ซึ่งอยู่ที่กรุงเทพ เขาก็บอกว่าถ้าอาการคงที่ ให้สามารถติดต่อรับยาที่โรงพยาบาลที่ใกล้บ้าน แล้วโทรมาเลื่อนนัดกับทางนั้นได้
จริงๆ โรงพยาบาลที่เราเคยแอ็ดมิทนั้นอยู่ไกลจากบ้านเรามากโขอยู่นะ นั่งรถไปขาละประมาณ 4 ชั่วโมงเลยแหละ จริงๆ ไม่น่าเรียกว่า โรงพยาบาลใกล้บ้าน ได้นะ 5555555555
ไม่ๆๆ คืองี้ก่อน
เราติดต่อโรงพยาบาลจังหวัดเราก่อน เขาไม่มียาตัวนึงที่เรากิน เราก็เลยมาโรงพยาบาลอีกจังหวัดนึงที่ก็คิดว่าใกล้แล้ว นั่งรถขาละ 2 ชั่วโมง ปรากฏว่าเขามียาเรา แต่มีขนาดที่เล็กกว่า จากปกติที่เรากินคือ 100 mg. ที่นี่มีแต่ 25 mg.
ซึ่ง
ปกติเรากินยาก่อนนอน 625 mg. ก็คือ100 mg. 6 เม็ดกับ 25 mg. 1 เม็ด ทีนี้พอมีแต่ 25 mg. ก็จะเป็น
625÷25= 25 เม็ด
บวกยาอีกตัวเข้าไปอีก 4 เม็ด
แล้วกินตอนเช้า 200 mg. = 8 เม็ด
สรุปแล้วทั้งวันต้องกินยา 37 เม็ด
นึกสภาพตอนกินยาก่อนนอน ภาพที่เรากำลังกรอกยา 29 เม็ดเข้าปาก ภาพมันน่าจะดูเหมือนเรากำลังทำร้ายร่างกายมากกว่ากินยารักษาอะ
แต่ว่า
แม่เราไม่สบายใจมากๆ แบบมากๆ ก็เลยอยากให้เราลองไปติดต่อโรงพยาบาลที่เคยรักษา(และเคยแอ็ดมิท) ดูก่อน ซึ่งก็ปรากฏว่ามี แต่เป็นเม็ดละ 200 mg. ก็คือจะได้กินยาในจำนวนที่เม็ดน้อยลง แต่ขนาดยาเท่าเดิมนั่นแหละ
ทีนี้พอได้มาโรงพยาบาลนี้ เราก็ต้องใช้บัตรโรงพยาบาล แล้วก็ได้เห็นว่า นี่เรารักษาตัวมาถึง 4 ปีแล้วหรือนี่ เร็วมาก แต่ถามว่าหายยัง ก็ยัง 555555555555
แล้วหมอที่เคยรักษาเราตอนนู้นนน ตอนที่เราแอ็ดมิทนู่นนน ก็จำเราได้ด้วยนะ รู้ตัวเลยว่าตัวเองเป็นคนที่น่าจดจำ 55555555
แต่เราโอเคแล้วนะ ไม่ทุกข์ทรมานเพราะมันแล้ว
เราเคยถามหมอว่าเมื่อไรจะหาย หมอก็อธิบายว่า
1.มันมีคนที่อาการดีขึ้น หมอก็จะลดโดสยาลงเรื่อยๆ ต้องกินยาในปริมาณที่น้อยเพื่อให้อารมณ์คงที่สัก 6 เดือน เพื่อไม้ให้โรคกลับมากำเริบอีก แล้วถึงจะหยุดยาได้
2. คล้ายๆ คนแรก แต่ต้องกินยาตลอดชีวิต แต่ไม่ต้องมาหาหมอบ่อยๆ อาจจะมาหาหมอแค่ปีละครั้ง - 2 ครั้งเพื่อรับยาไปกินต่อเนื่อง
3. คนที่อารมณ์ยังสวิง ต้องมาหาหมอเรื่อยๆ เพื่อปรับยาตามอาการ
ซึ่ง เราคล้ายจะเป็นข้อที่ 3
พูดก็พูด บางทีก็ท้อ อยากหาย ขี้เกียจไปหาหมอ เสียดายเงินค่ายา แต่แบบ เราก็รู้ว่ามันไม่มีทางลัดอะ แล้วก็เข็ดมากตอนที่มันอาการหนัก พอมันดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่อยากทำให้มันกลับมาเป็นแบบตอนนั้นอีกอะ ก็เลยต้องมีวินัยต่อไป
เชื่อป่ะว่านอกจากครั้งแรกที่เราทำยาหายแล้วอาการกำเริบจนต้องแอ็ดมิทครั้งแรก หลังจากนั้นเราไม่เคยขาดการกินยาเลยสักวันเดียว หลาบจำมากจริงๆ 5555555555
ช่วงโควิดนี้เราก็หลบตัวอยู่ในบ้าน สภาพจิตใจก็โอเค เพราะน้องๆ กับหลานๆ ปิดเทอมยาว อิล้งช้งเช้งกันทุกวันก็เลยไม่เหงาเท่าไร
ก่อนไป ขอให้ทุกคนปลอดภัยจากโควิด19 นะคะ สุขภาพกายก็ต้องคีพ สุขภาพใจก็ต้องคีพ กินข้าวเยอะๆ นะคะ มาอ้วนเป็นเพื่อนกัน :-)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in