เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แอ็ดมิทจิตเวชNoot Tharara
ทำไมประโยคเหล่านี้ถึงต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
  • เมื่อวานเราเล่นทวิตเตอร์ ไถ ๆ ไปเจอกับอินโฟกราฟฟิคนึง หัวข้อ 'ประโยคต้อง "ห้าม" สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า' ซึ่งพออ่านดู ล้วนเป็นคำพูดเชิงให้กำลังใจทั้งนั้น แล้วก็มีคนโควทมาพร้อมกับประโยคประมาณว่า 'คนเป็นโรคซึมเศร้านี่พูดอะไรด้วยได้บ้าง' 'สรุปแล้วอย่าไปคุยกับคนเป็นโรคซึมเศร้า' 'นี่มันประโยคให้กำลังใจทั้งนั้นนี่นา' บลา บลา ประมาณนี้

    ซึ่งพอเราอ่านดู เออจริงแฮะ มันเป็นประโยคที่ดูเหมือนให้กำลังใจทั้งนั้นเลยนี่นา และก็เป็นความจริงที่ว่า ประโยคพวกนี้ทำเราเสียหลักไปเลยถ้าเราเจอในช่วงซึมเศร้า

    ทำไมน่ะหรอ มาดูกัน (อันนี้จากมุมมองของเราที่เป็นโรคไบโพล่าร์นะคะ)

    นี่เป็นอินโฟกราฟฟิคที่ว่า เครดิต: นักกิจกรรมบำบัด คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล

    ประโยคเหล่านี้สำหรับเราแล้ว เราว่ามันเป็นประโยคที่ไม่ได้ให้กำลังใจอะ มันเหมือนเป็นประโยคที่ไว้พูดตามมารยาทเมื่อมีคนมาบ่นปัญหาชีวิตให้ฟัง เพราะมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย และเราไม่รู้สึกว่าได้รับกำลังใจ หรือพบเจอแสงสว่างหลังจากที่ได้ฟังประโยคเหล่านี้เลย (คิดแบบนี้ตั้งแต่ก่อนเป็นโรค)

    หลายประโยคในนี้เราเคยเจอกับตัวมาแล้ว ยกตัวอย่างเช่น

    'อย่าคิดมากสิ เดี๋ยวก็ดีเอง'
    ดีกับผีอะไรล่ะ ก็รู้นะว่าพยายามให้กำลังใจ แต่มันจะดีขึ้นได้ยังไง คนที่เป็นโรคนี้ช่วงที่สภาพจิตใจดิ่ง เขาไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น มันมองไม่เห็นวันพรุ่งนี้เลยว่าจะไปต่อยังไง เหมือนอยู่ในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก เลิกคิดมากแล้วมันจะดีขึ้นได้ยังไง ไม่เข้าใจ คนพูดก็พูดได้สิ ไม่ได้มาอยู่ในจุดเดียวกันนี่ /ร้องไห้ต่อ

    'สู้ ๆ นะ'
    จริง ๆ เราเกลียดประโยคนี้ตั้งนานแล้ว เป็นประโยคสิ้นคิดที่ไม่ก่อคุณค่าใด ๆ ทั้งนั้น เราเกลียดจนถึงขั้นจะใช้ประโยคนี้พูดกับคนที่เกลียดเวลาที่เห็นเขาล่มจมดั่งใจเราอะ(เหี้ยเนาะ) พูดในฐานะที่เราเป็นผู้ป่วยที่ได้ฟังมั่ง คิดดูนะ เราเจอปัญหาในจิตใจ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็กระทบไปหมด ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากอยู่ ไม่อยากกิน ไม่มีความสุข แล้วพอคนอื่นรู้ว่าเรากำลังเป็นแบบนี้ ก็มาบอกเราว่า 'สู้ ๆ นะ แกต้องผ่านไปได้' สู้? สู้กับอะไร หยุดร้องไห้ยังไม่ได้เลย และคนที่พูดประโยคนี้ส่วนใหญ่มักจะพูดแล้วรู้สึกว่า 'อ่าส์ ได้ให้กำลังใจคนเป็นโรคซึมเศร้าละ เขาต้องผ่านมันไปได้แน่' พูดจบแล้วก็จบไป ไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากนั้น มันทำให้เรารู้สึกว่า ประโยคนี้เป็นประโยคตัดจบ แกไม่อยากยุ่งกับเรา แกก็พูดประโยคนี้แล้วให้เราสู้มันคนเดียวต่อไปโดยที่แกไม่ต้องรู้สึกผิดใช่มั้ย

    'ร้องไห้ทำไม'
    ฮืออออ ไม่รู้ ไม่รู้เหมือนกัน หยุดไม่ได้ เศร้า ไม่รู้เศร้าอะไร ฮือออออ จริงค่ะ ในความเป็นจริง สาเหตุที่เราร้องไห้คือความเศร้าที่ไม่รู้ทำไมถึงเศร้านักหนา พอยิ่งโดนถามว่าร้องไห้ทำไม มันยิ่งรู้สึกเศร้าไปอีก แกไม่เข้าใจเรา รำคาญใช่มั้ยที่เห็นเราร้องไห้ รู้สึกผิดจังที่ทำแกรำคาญ เรามันไม่น่ามีชีวิตอยู่เลย ฮืออออออ คือเวลาเศร้าเนี่ย จะอ่อนไหวง่ายมาก เอะอะก็โทษตัวเอง เอะอะสมควรตาย เอะอะก็รู้สึกผิด พอโดนถามว่าร้องไห้ ก็คิดว่าตัวเองผิดมหันต์อีก แย่ไปอีก

    'แย่จังเลย' 'เสียใจด้วยนะ'
    สองประโยคนี้เรามักจะเจอในบริบทที่ว่า 'อย่างแกไม่น่าเป็นโรคนี้เลย แย่จัง' หรือ 'โถ่นุชช เสียใจด้วยนะ' อือ ทีแรกแม่งก็ไม่แย่ขนาดนี้หรอก พอโดนบอกว่าแย่ ไอเราก็กลับมาคิดเลย มันแย่หรอวะ ที่เราเป็นอยู่คือแย่ใช่มั้ย แล้วเราควรทำไงดี เราเลือกไม่ได้อะ รู้สึกผิด โทษตัวเอง

    'แกไม่น่าเป็นโรคนี้เลย ไม่งั้นแกคงดีกว่านี้เยอะ อนาคตแกรุ่งไปแล้ว'
    ไม่มีในอินโฟกราฟฟิค แต่จะบอกว่า เหนือกว่าประโยคในอินโฟกราฟฟิคก็ประโยคนี้แหละ ประโยคน็อคเอ้าท์เลย เจอเข้าไปนี่น็อคเลย ล้มลงสลบแบบไม่ต้องนับถอยหลัง ทำไมน่ะหรอ เพราะปกติเราก็รู้สึกผิดอยู่ตลอดอยู่แล้ว เราเป็นภาระของครอบครัว เราเป็นภาระของคนรอบข้าง อนาคตที่เราวางไว้ก็ทำไม่ได้(รู้สึกผิดกับตัวเอง) เพราะติดปัญหาสุขภาพ นี่ก็เสียใจและรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว พอโดนประโยคแบบนี้เข้าไป มันเหมือนเราโดนย้ำอะ เหมือนตะกอนก้นแก้วมันโดนกวนขึ้นมา แล้วเราก็วนเวียนคิดถึงแต่ประโยคนี้จนไม่เป็นอันคิดอะไร สุดท้ายก็ทรุด แอดมิด (แอดมิดรอบที่สองของเรามาจากสาเหตุนี้เลย)

    สรุป เราว่าถ้ารู้ว่าคนใกล้ตัวเป็นโรคซึมเศร้า หรือไบโพล่าร์ อย่าเสี่ยงปลอบใจเขาเลย เราไม่รู้ว่าคำพูดของเราจะถูกเขาเอาไปตีความไปทางไหน และในอารมณ์เศร้า ๆ เราว่ามันยากที่จะตีความไปในด้านที่มีกำลังใจมากขึ้น และอย่างที่เราเคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้ว ว่าสำหรับเรา นอกจากหมอกับผู้ป่วยด้วยกัน ก็ไม่มีใครเข้าใจเราแล้ว เราว่าถ้าเห็นคนใกล้ตัวอาการไม่ดี ก็ลองพาไปหาหมอ ไปรับยามากิน ดีขึ้นในเร็ววันแน่นอน

    เราก็เข้าใจนะว่าคนที่บอกเราก็หวังดี เขาเองก็ไม่ใช่หมอ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่พูดประโยคให้กำลังใจ หวังว่ามันจะดีสำหรับเรา ซึ่งถ้าเป็นในยามปกติ ประโยคเหล่านี้จะเป็นศูนย์(สำหรับเราคนเดียว คนอื่นไม่รู้) แต่ในช่วงที่ความเศร้าเกาะกินใจเรา ประโยคเหล่านี้กลายเป็นประโยคติดลบขึ้นมาทันที ฉะนั้นถ้าคนใกล้ตัวเราร้องไห้แบบหยุดไม่ได้(ที่ไม่ใช่เพราะอกหักอ่ะนะ) หรือบ่นว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เราแนะนำให้พาเขาไปหาหมอ

    นี่เป็นเหตุผลคร่าว ๆ จากเราคนเดียว ซึ่งไม่ได้เป็นซึมเศร้าด้วย ดังนั้นอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันไปในมุมของผู้ป่วยท่านอื่น
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
R Ruethai Rittbumrueng (@fb1996564897230)
ลูกสาวก้อกำลังรักษาโรคนี่อยู่ค่ะ บางวันก้อดี บางวันก้อเศร้า ได้แต่บอกกับเค้าว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนุจะมีแม่คนนี้เคียงข้างเสมอ แม้จะกำลังรักษาอยู่ นางก้อยังกรีดข้อมือยุดี ...เห้อ
jiyocanis (@jiyocanis)
ที่เขียนมามันใช่มากๆค่ะ เราโดนครบทุกประโยคเลยจากคนรอบตัว ตอนนั้นซัพเฟอร์มากเลยค่ะ เจ็บที่สุดคือ 'ทำไมอ่อนแอแบบนี้ แตะต้องอะไรไม่ได้เลย' แล้วก็ 'น่าสงสารจังเลยนะ' 5555 อันนี้เราว่าใครๆก็ไม่ชอบนะคะ แล้วคนที่พูดคือผู้ชายที่เราคุยๆด้วย ตอนแรกเราคิดว่าเขาจะเข้าใจ แต่ไม่เลย เราก็เลยบรัยจ้า
Noot Tharara (@Nootsstories)
@jiyocanis มันแย่จริงๆค่ะ กว่าจะรับมือกับมันได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ ให้เวลามันหน่อยแล้วมันจะดีขึ้นนะคะ
Miss. K (@hirana_ka)
เข้าใจค่ะ ตอนเพื่อนถามว่าร้องไห้ทำไมเราน้ำตาแตกหนักกว่าเดิมอีก คือเราก็อยากรู้เหมือนกันไงว่าทำไม คือเราว่าเราเป็นคนไม่คิดมากคนนึงเลยอ่ะ ไอ้ความรู้แย่ๆที่เป็นอยุ่เราก็ไม่รู้มันมาจากไหน (พาหมอเครียด นางพยายามหาสาเหตุหนักมาก นางบอกว่ามันต้องซุกซ่อนอยู่ การที่เราจำไม่ได้ ไม่ได้แปลว่ามันไม่มี เราก็แบบโอเค--- ถ้าหมอว่างั้น แต่หนูลืมง่ายจีๆนะ ._.)
Noot Tharara (@Nootsstories)
@hirana_ka ตอนดิ่งนี่มีน้อยคำนะคะที่เราอยากฟัง ดิ่งทีไรเราอยากแอ็ดมิททุกครั้งเลย สบายใจค่ะ อาจจะเพราะพยาบาลกับหมอเขามีวิธีเข้าหาเรามั้งคะ คนเป็นโรคซึมเศร้า ไบโพล่าร์เท่าาที่เราเจอนี่ส่วนใหญ่ดูไม่คิดมาก ตลก ๆ ทำคนรอบข้างงงว่าทำไมคนนี้ถึงเป็น หรือจริง ๆ คนแบบแค่ดูไม่คิดมาก แต่ในใจก็ไม่ได้ปล่อยวางอะไร เราคาดเดาเองนะคะ